>> รายได้ชั่วคราว VS รายจ่ายถาวร

รายได้ชั่วคราว VS รายจ่ายถาวร

ไม่กี่วันพึ่งมีคนรู้จักสูญเสียธุรกิจของตัวเองไป
วันนี้เลยอยากนำข้อคิดเรื่องการเตรียมความพร้อมให้ใครหลายคนพร้อมรับมือหากคุณเจอเหตุการณ์ที่คาดไม่ถึง

เป็นเรื่องที่น่าเสียดายอย่างยิ่ง ที่คนส่วนมากมักจะมองการณ์ใกล้มากกว่ามองการณ์ไกล คนส่วนมากมักจะดูถูก “ความสามารถ” ของตัวเองจนเคยชิน คิดว่าตัวเองทำอะไรอีกหลายอย่างที่ไม่เคยทำไม่ได้

แต่น่าแปลกใจมากที่คนกลุ่มนี้มักจะคิดเข้าข้างตัวเองเสมอว่า “อนาคตตัวเอง” จะปลอดภัยหรือดีขึ้นจากการทำอะไรแบบเดิมๆ ทำให้หลายคนใช้ชีวิตด้วยความประมาท หลายคนคงไม่เคยคิดหรือถามตัวเองว่าจะเกิดอะไรขึ้นหากพรุ่งนี้ เกิดเหตุที่ทำให้เราไม่สามารถทำงานได้อีกต่อไป แน่นอนคุณจะกลายเป็นคนไม่มีรายได้ในทันที แต่คุณยังคงมีรายจ่ายในวันที่คุณมีรายได้

คุณมักไม่เฉลียวใจว่ารายได้ของตัวเองเป็นรายได้ “ชั่วคราว” บ่อยครั้งที่คุณมักไปสร้างรายจ่าย “ถาวร” เพราะหลงนึกว่ารายได้ของตัวเองก็เป็นรายได้ที่ “ถาวร” เช่นกัน

ขออธิบายเรื่องนี้ให้คุณเห็นภาพ

เมื่อคุณมีรายได้ 30,000 บาทคุณจะเริ่มมองหารถซักคันซึ่งการซื้อรถหนึ่งคันจะทำให้คุณต้องเป็นหนี้ไปอีกอย่างน้อย 5 ปี เมื่อคุณมีรายได้ถึง 50,000 บาท คุณจะเริ่มมองหาบ้านหรือคอนโดซักห้อง ซึ่งจะทำให้คุณต้องเป็นหนี้ไปอีกอย่างน้อย 30 ปี พอมีรถและบ้านแล้ว คุณจะมองหาอะไรต่อไปล่ะครับ? ก็คงเป็นภรรยาน่ารักๆซักคน คราวนี้คุณสร้างหนี้ที่ต้องจ่ายไปตลอดชีวิตเลยทีเดียว (ล้อเล่นครับ สมัยนี้ผู้หญิงภรรยาหารายได้มากกว่าสามีก็มีเยอะครับ)

รายจ่ายและหนี้ทั้งหมดที่กล่าวมาเรียกว่า “รายจ่ายถาวร” ซึ่งในปัจจุบัน กลยุทธ์ทางการตลาดของทุกสินค้า ทุกบริษัท มีวิธีทำให้เราดึงเงินในอนาคตมาใช้ก่อนเสมอ พวกเราตกหลุมผ่อน 0% กันทั้งนั้น โดยไม่ได้เตรียมเงินก้อนนั้นไว้ก่อน เราทุกคนล้วนสร้างหนี้กันทั้งหมด โดยไม่รู้ว่านั้นคือการสร้างรายจ่าย “ถาวร” แต่ไม่มีใครคำนึงเลยว่าเงินที่ได้รับในแต่ละเดือนเป็นเพียง “รายได้ชั่วคราว” รึเปล่า

ชีวิตจะมีปัญหาแน่นอนหากเราทำงานไม่ได้เพราะงานเราเป็น Active Income รายได้ที่เคยได้รับจะกลายเป็นศูนย์ทันทีเมื่อเราทำงานไม่ได้(ถูกออกจากงานพิการหรือเสียชีวิต) แต่รายจ่าย ค่าผ่อนรถ ค่าผ่อนบ้าน ต้องผ่อนต่อจนกว่าจะหมด และที่สำคัญครอบครัว ยังต้องกินต้องใช้ ค่าใช้จ่ายหลายๆอย่างในชีวิตมักจะเป็น “รายจ่ายถาวร” คนส่วนมากชอบสร้างรายจ่าย “หลายทาง” แต่มักสร้างรายได้ “ทางเดียว” ที่อธิบายมาทั้งหมดผมแค่ต้องการบอกว่าอย่าประมาทกับชีวิต คุณควรมีรายได้แบบ Passive Income หรืออย่างน้อยที่สุดมีรายได้แบบ Active Income 2-3 ทางก็ยังดี เพราะเรื่องที่คาดไม่ถึงเกิดขึ้นได้ตลอดเวลา

ในห้องมีดวงไฟดวงใหญ่แค่ดวงเดียว หากวันใดดับลง ทั้งห้องก็จะมืดสนิท หากเปลี่ยนเป็นดวงไฟเล็กๆ4ดวง ดับไป1ดวง ห้องยังคงสว่างอยู่ ถ้าคนออกแบบเรือ Titanic ไม่ประมาทเตรียมเรือชูชีพมากกว่านั้น วันนี้อาจมีอีกหลายตระกูลหลงเหลือจากผู้รอดชีวิตที่เพิ่มขึ้นในวันนั้น

รถยางแตกเรามีอะไหล่ ตึกไฟไหม้เรามีทางหนี
ถ้าวิกฤติมาถึงพรุ่งนี้ คุณได้มีทางออกหรือยัง

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่