ทำไมหนังจีนชอบตีกันในโรงเตี๊ยม

ตามนั้นย์ครับ ทำไมหนังจีนถึงชอบมีฉากตีกันในโรงเตี๊ยม.
คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 21
1. โรงเตี๊ยมเป็นที่ชุมนุมของคนในละแวกนั้น เป็นทั้งร้านอาหารและผับแอนด์เรสเทอรอง สั่งเหล้าจิบแกล้มถั่วนั่งชิว พอเมาได้ที่ก็มองหน้าเขม่นหาเรื่อง หรือไม่ก็เมาระรานเสี่ยวเอ้อสาวน้อยที่มีผิวพรรณผุดผ่อง หรือลวนลามอาหนิง ผู้เป็นนักดนตรีสาวดีดพิณที่เป็นบุตรีของอาฟุซึ่งเป็นพ่อบ้านเก่าแก่ของนายห้างตระกูลเสิ่นที่เป็นพ่อตาของหมัดเหล็กแซ่ทิ จึงต้องมีการเสนอหน้าออกห้ามปราม จนนำไปสู่การตีกัน


2. วัสดุเฟอร์นิเจอร์ในโรงเตี๊ยมเหมาะสำหรับการนำมาตีกัน เพราะประกอบขึ้นจากไม้อัดราคาถูก น้ำหนักเบา หยิบมาฟาดหรือใช้เป็นโล่ห์ได้ชั่วคราว หากมีวรยุทธ์สูงหน่อยอาจจะควงเก้าอี้โชว์ หรือเอาตะเกียบแทงโต๊ะเป็นรูได้ หากจะหลบหนีก็สามารถโยนขวางศัตรูได้เช่นกัน


3. ทางโรงเตี๊ยมทำประกันเอาไว้กับสำนักคุ้มภัย สังเกตุว่าเวลามีความเสียหายเกิดขึ้น เถ้าแก่มักจะคร่ำครวญ แต่เวลาผ่านไปไม่นาน ร้านก็จะกลับคืนสู่สภาพเดิม คาดเดาว่าคงได้เงินประกันจากสำนักคุ้มภัยที่จ่ายเคลมให้ (แต่ก็ต้องเสียรายเดือนพอสมควร)


4. โรงเตี๊ยมมี deal ผูกมัดกับร้านจำหน่ายโลงศพ ดังนั้นเวลาตีกันแล้วมีคนตาย เถ้าแก่จะให้เสี่ยวเอ้อวิ่งไปแจ้งร้านโลงศพให้จัดเตรียมของ วัดขนาดรูปร่างของผู้ตาย แล้วรื้อค้นทรัพย์สิน เช่นดาบ เงินตำลึง ตั๋วเงิน เพื่อมัดจำไว้รอญาติพี่น้องมาติดต่อ หากไม่มีญาติก็จะยึดทรัพย์เหล่านั้นเอาไว้แล้วนำไปกลบฝังที่สุสานอนาถาหลังหมู่บ้าน กรณีมีญาติมาติดต่อ เถ้าแก่โรงเตี๊ยมจะเรียกค่าเสียหายจากญาติผู้ตายจำนวนหนึ่ง โดยใช้ลูกเล่นว่าจะยอมบอกรายละเอียดของฆาตกรเพื่อให้ญาติตามล้างแค้นต่อไป


5. ที่โรงเตี๊ยมมักจะมีชาวยุทธ์ฝีมือดีมาเร้นกายอยู่ บ้างก็แสร้งทำเป็นปีศาจสุรานั่งกินเหล้าทั้งวัน บ้างก็แสร้งเป็นคนครัวหน้าฝีดาษที่ไม่มีใครอยากเข้าใกล้ หรืออาจจะเป็นตัวเถ้าแก่เองที่เปิดร้านกลบเกลื่อนหลบหนีคดีที่ทางการกำลังตามล่าตัว เมื่อศัตรูเก่าของพวกเขาเหล่านี้ตามมาถึง จึงต้องเกิดการตะลุมบอนอย่างเลี่ยงเสียมิได้










ปล. ทั้งหมดผมเพ้อเจ้อขึ้นมาเอง
สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 26
เรื่องจริงนะ จากร้านอาหาร สมัยรุ่นพ่อผมยังหนุ่มๆ อยู่ (ยุคประมาณประภาส/ถนอม ก๊กจี่เหลา และ ห้อยเทียนเหลา กำลังโด่งดัง) นี่ โหดมาก มีพวกนักเลงเข้ามานั่งกิน แล้วไม่จ่ายหลายร้าน บางทีก็พกปืนมาด้วย มาทีสั่งทีละเยอะแยะไปหมด กินเสร็จก็บอกเดี๋ยวไปเก็บที่บ้านแล้วกัน... ร้อยทั้งร้อย ไม่มีใครกล้าไปเก็บหรอกครับ ตอนนั้นพวกเสี่ย,เถ้าแก่ ได้แต่นั่งบ่นๆ กัน (ตอนนั้นพ่อผมเป็นเถ่าชิ้ว<หัวหน้าพ่อครัว>อยู่)

ที่พวกร้านอาหารกลัวที่สุด นอกจากกินแล้วไม่จ่าย ยังเจอสั่งกลับบ้านอีก ไม่ใช้ห่อสองห่อนะครับ เจอที 30-40 ห่อ ร้านราดหน้าเพื่อนพ่อผมร้านร้านหนึ่ง วันนั้นเจอพวกเกี๋ยวกุ้ยเข้ามาสั่ง กลายเป็นต้องปิดร้าน เพื่อทำให้พวกุ๊ยกินฟรีๆ แถมเก็บตังไม่ได้อีกต่างหาก

พ่อผมเล่าให้ฟังตอนนั้น เคยมีเรื่องกับนักเลงใหญ่คนหนึ่ง ตอนแรกมากินเฉยๆ กินเสร็จก็ไม่ยอมจ่าย อาเสี่ยเจ้าของร้านก็ไม่กล้าเก็บ พ่อผมซึ่งเป็นเถ่าชิ้วขณะนั้น เลยออกหน้าไปเก็บเอง ยังโดนถามกลับเลยเมิงกล้ามาคิดเงินกูเหรอ เลยเถียงกันพักหนึ่ง สักพักแกก็วิ่งออกไปตามพวกมา ตอนนั้นที่ร้านเริ่มเตรียมพร้อมแล้ว(แต่นึกไม่ออกเหมือนกัน จะไปสู้พวกมันยังไง) หวิดๆ จะมีเรื่อง สักพักลูกพี่ของไอ้คนที่กินแล้วไม่จ่าย ก็เขามาเคลียร์ให้ เรื่องก็เลยจบแบบเสียวไส้สุดๆ

หลังจากนั้นไม่นานก็มีการกวาดล้างจากสันติบาล หรือ ทหารก็ไม่ทราบ พวกนักเลงถ้าไม่โดนแทงตายก็โดนดักยิงหมด ส่วนที่เหลือๆ ก็ไปอยู่คุกก็มี กว่าจะรอดมาเป็นร้านวันนี้ได้นับว่าเสียวไส้เอาเรื่อง ใครทำร้านอาหารยุคก่อนอย่านึกว่าสนุกครับ แม่v ยังกะโรงเตี๊ยมในหนังกำลังภายในนั่นแหละ ตีกัน,หาเรื่องเบ่งกินฟรีบ่อยๆ ใครเป็นเจ้าของร้านโคตรเก็กซิม ครับ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่