ผมมาเที่ยวที่สมุย นับ ๆ ดูก็เกือบจะถึง 10 ครั้งแล้ว และครั้งล่าสุดคือเมื่อเดือน มี.ค. 2554 มาแต่ละครั้งก็เห็นถึงการเปลี่ยนแปลงทุกครั้ง สมุยเปลี่ยนไปมาก ความเจริญเริ่มเข้ามาสู่เกาะเยอะมากๆ
จริง ๆ ทริปนี้ผมไม่มีแผนจะมาเที่ยวที่สมุยเลย แต่เนื่องจากผมได้ร่วมสนุกทาง FB กับเพจ The Sea Koh Samui แล้วโชคดีได้รับ Voucher ที่พักจาก THE SEA เกาะสมุย เลยทำให้โปรแกรมสมุยของผมผุดขึ้นมาโดยไม่ได้ตั้งใจ เมื่อสำรองห้องพักได้เรียบร้อยแล้ว ผมเลยเริ่มวางแผนการเดินทาง ซึ่งการเดินทางครั้งนี้ผมเลือกเดินทางโดยเครื่องบิน เนื่องจากไม่อยากหลังขดหลังแข็งนั่งรถข้ามวันข้ามคืน เดี๋ยวนี้มีตัวเลือกในการเดินทางมาสมุยหลายเส้นทาง ไม่ว่าจะบินตรงลงที่เกาะสมุยเลย แต่เนื่องจากเป็นการผูกขาดของสายการบิน ทำให้ราคาบัตรโดยสารสูงเอามาก ๆ หรือถ้าใครเบี้ยน้อยหอยน้อยแบบผม ก็ยังมีอีก 2 ตัวเลือกคือบินลงที่จังหวัดสุราษฎร์ธานี หรือ นครศรีธรรมราช แล้วนั่งรถต่อมายังท่าเรือ แล้วนั่งเรือต่อมายังเกาะสมุย ก็จะได้ราคาถูกกว่าแบบบินตรงลงเกาะ ซี่งมีให้บริการ 2 สายการบิน คือ แอร์เอเซียและนกแอร์ครับ จากการเช็คราคาของสองสายการบินในช่วงที่ผมจองที่พักไว้ ปรากฎว่าแอร์เอเซียถูกที่สุด ราคาบินไป-กลับ พร้อมค่าเรือไป-กลับ อยู่ที่ประมาณสามพันกว่าบาทครับ ผมจองล่วงหน้าร่วม 3-4 เดือน
แล้ววันเดินทางก็มาถึง ผมจองไฟล์ทเช้าสุด คือไฟล์ท 06.50 น. (ดอนเมือง-นครศรีธรรมราช) ช่วงที่เครื่องกำลังจะขึ้น พระอาทิตย์ก็โผล่มาทักทาย ผมซึ่งได้ที่นั่งอยู่ริมทางเดินเริ่มกระสับกระส่าย อยากจะถ่ายภาพพระอาทิตย์ขึ้นเสียเหลือเกิน ก็อดควักกล้องออกจากเป้ไม่ได้ แต่ก็ถ่ายมาได้เท่าที่เห็นครับ
จากการที่ผมต้องตื่นตั้งแต่ 02.30 น. เพื่อเตรียมตัวเดินทางจากลพบุรีมายังสนามบินดอนเมือง ทำให้ระหว่างที่อยู่บนเครื่องกี่งหลับกึ่งตื่นมาโดยตลอด มาสะดุ้งตื่นอีกทีก็ตอนได้ยินเสียงประกาศบนเครื่องบิน "เรากำลังจะทำการลดระดับการบินเพื่อลงจอดที่สนามบินนครศรีธรรมราชแล้วนะค๊ะ กรุณาเปิดม่านบังแดด ปรับพนักพิง...." เมื่อล้อเครื่องบินแตะรันเวย์ ก็ได้ยินเสียงประกาศอีกครั้ง "เรามีความยินดีที่จะแจ้งให้ผู้โดยสารทราบว่า เรามาถึงที่หมายก่อนเวลา 15 นาทีค๊ะ .... ขอขอบคุณที่ใช้บริการจากเรา และหวังเป็นอย่างยิ่งว่าคงจะได้...." ผมมองดูเวลา ใช้เวลาบินประมาณ 1 ชั่วโมงครับ
หลังจากเครื่องจอดสนิทแล้ว ก็เดินออกมาที่อาคารผู้โดยสาร ตรงทางออกนี่เองจะมีเจ้าหน้าที่ของราชาเฟอร์รี่มายืนประกาศเรียกผู้โดยสารที่จะเดินทางต่อไปยังเกาะสมุยและเกาะพะงัน ผมก็เข้าไปยืนยันตัวตน หลังจากนั้นเจ้าหน้าที่จะแปะสติ๊กเกอร์ และให้ผมไปรอรถด้านนอกอาคารผู้โดยสารครับ
ผมต้องนั่งรถต่อเพื่อไปยังท่าเรือดอนสัก ซึ่งอยู่ระหว่าง จ.นครศรีธรรมราช และ จ.สุราษฎร์ธานี ภายในรถเห็นจะมีคนไทยเพียง 4 คน (รวมผม) นอกนั้นเป็นชาวต่างชาติทั้งหมด ก่อนรถจะออก เจ้าหน้าที่ก็มาชี้แจงรายละเอียดหลังเรือเฟอรี่เทียบท่าที่สมุยให้กับผู้โดยสารรับทราบ สรุปใจความได้ว่า หลังจากเรือถึงท่าเรือลิปะน้อยบนฝั่งสมุยแล้ว ถ้าหากต้องการต่อรถไปยังรีสอร์ท สามารถซื้อตั๋วรถตู้ได้ที่เขาเลย โดยคิดค่าบริการคนละ 200 บาท/รอบ ใกล้ ไกล แค่ไหนราคาเดียวกันหมด ผมเองวางแผนการเดินทางมาบ้าง โดยตั้งใจว่าจะมาเช่ามอเตอร์ไซด์ที่หน้าทอน แต่การเดินทางจากท่าเรือไปยังหน้าทอนนั้น ผมโทรสอบถามเจ้าถิ่นมาได้ความว่า จากท่าเรือสามารถเดินมาที่ถนนใหญ่เพื่อมาต่อรถสองแถวได้ ผมเลยไม่สนใจในคำโฆษณาของเจ้าหน้าที่ครับ
08.30 น. ล้อหมุน ใช้เวลาเดินทางประมาณชั่วโมงครึ่ง ก็มาถึงท่าเรือดอนสักครับ
เมื่อมาถึงท่าเรือ ต้องไป Check in ที่ด้านในอาคารก่อนเพื่อรับตั๋วโดยสารครับ จากนั้นก็รอจนกว่าเรือจะออก ภายในอาคารจะมีร้านอาหารด้วย หากใครหิวสามารถทานอาหารช่วงระหว่างรอเรือออกได้ครับ แต่ผมเตรียมขนมปังไว้แล้ว ช่วงระหว่างรอเรือออกเลยเดินเก็บบรรยากาศรอบ ๆ ท่าเรือมาฝากครับ
สำหรับใครที่ไม่ได้ซื้อเป็นแพคเกจแบบผมมา ถ้าหากจะนั่งเรือไปเกาะสมุย จะเสียค่าเรือคนละ 150 บาท ถ้าจะเอารถยนต์ข้ามไปด้วย เสียค่าบริการคันละ 470 บาท โดยราคานี้รวมคนขับ 1 คน เรือจะออกทุก 1 ชั่วโมง รอบแรกคือ 06.30 น. ส่วนรอบสุดท้าย 20.30 น. ครับ
ตามตารางการเดินเรือ เรือผมจะออก 11.00 น.ครับ หลังถ่ายภาพเก็บรายละเอียดด้านล่างแล้ว ก็เตรียมเดินทางกันต่อครับ
ด้านบนเรือครับ จะแบ่งเป็น 2 ส่วน ส่วนนี้สำหรับคนที่ต้องการรับลมทะเลครับ
ติดกันก็จะเป็นส่วน VIP ซึ่งส่วนนี้จะติดแอร์ครับ ผู้โดยสารทุกคนที่ซื้อตั๋วขึ้นมา สามารถมาใช้บริการที่โซนนี้ได้ทุกคนนะครับ ไม่ต้องเสียค่า VIP ใด ๆ ครับ
โซน VIP นอกจากจะมีเก้าอี้เป็นแบบแถวแล้ว ยังมีเป็นแบบโต๊ะโซฟาให้อีกด้วย ผมเลยยึดตรงนี้เป็นที่นั่งผมครับ ด้านหลังที่ผมนั่งเป็นห้องสำหรับสูบบุหรี่ครับ
ที่ด้านท้ายเรือ ยังแบ่งพื้นที่เป็นร้านขายของเล็ก ๆ ที่มีของทานเล่น ทานจริง อาหารและเครื่องดื่มไว้บริการด้วย
ชั้นบนสุดของเรือจะมีอุปกรณ์ยามเกิดกรณีฉุกเฉิน ไม่ว่าจะเป็นสายดับเพลิง เสื้อชูชีพ ห่วงยาง เรือยาง แต่ผมดูจากลักษณะของเรือยางแล้ว ไม่มั่นใจเลยว่าหากเกิดกรณีฉุกเฉินขึ้นมาจริง ๆ มันจะสามารถใช้การได้หรือไม่ เพราะดูสภาพชำรุดมาก ๆ ครับ
นี่คือสติ๊กเกอร์ที่เจ้าหน้าที่ที่สนามบินแปะที่เสื้อช่วงผมไปแสดงตัวและสีชมพูคือตั๋วโดยสารเรือครับ
เรือออกช้ากว่ากำหนดไป 20 นาที ใช้เวลานั่งเรือประมาณหนึ่งชั่วโมงครึ่งก็มาถึงท่าเรือลิปะน้อยครับ
เมื่อเรือเทียบท่า ผมรีบเดินมาหารถสองแถว เผื่อโชคดีจะมีรถสองแถวมาส่งผู้โดยสาร แต่ท้ายสุดก็ไม่เห็นวี่แวว รวมถึงมอเตอร์ไซด์รับจ้างก็ไม่มีเงาเลยครับ เดินออกมาผ่านวินรถตู้ คนขับก็ตะโกนถามว่าจะไปไหน ผมก็เลยบอกว่าจะไปหน้าทอน เขาบอกว่าแถวนี้ไม่มีรถสองแถวผ่าน ถ้าจะเดินไปขึ้นรถสองแถวก็ไกลมาก ให้ขึ้นรถตู้ไปจะดีกว่า คิด 200 บาทเอง ผมเห็นราคาแล้วไม่กล้าขึ้นครับ เลยลองเดินไปเรื่อย ๆ ดีกว่าเผื่อโชคดีมีรถสองแถวผ่านมาจะได้ประหยัดค่ารถ
เดินออกจากท่าเรือได้นิดหน่อย ผมเลยลองถามชาวบ้านแถวนั้นดู ก็ได้รู้ว่าถ้าจะเดินไปที่รถสองแถวนั้นไกลจริง ๆ คงเดินไม่ไหวแน่ ๆ ผมเลยต้องโทรเรียกให้เจ้าถิ่นออกมารับเพื่อไปยังหน้าทอนครับ จริง ๆ ก็ไม่อยากไปรบกวนเลย แต่พี่เขายื่นข้อเสนอมาให้ว่าให้ผมรออยู่ตรงนั้น แล้วเดี๋ยวพี่เขาจะมารับผมไปส่งที่หน้าทอนเอง จริง ๆ แล้วถ้าหากเพื่อนคนไหนมาถึงที่ท่าเรือแล้ว ลองดูว่าถ้ามีรถบัส สุราษฎร์ธานี-เกาะสมุย ขึ้นมาบนเรือด้วย สามารถติดต่อขอติดรถมาลงที่หน้าทอนได้นะครับ แต่เรือรอบที่ผมไปไม่มีครับ
[SR] Sleep Eat Play @ THE SEA Koh Samui
จริง ๆ ทริปนี้ผมไม่มีแผนจะมาเที่ยวที่สมุยเลย แต่เนื่องจากผมได้ร่วมสนุกทาง FB กับเพจ The Sea Koh Samui แล้วโชคดีได้รับ Voucher ที่พักจาก THE SEA เกาะสมุย เลยทำให้โปรแกรมสมุยของผมผุดขึ้นมาโดยไม่ได้ตั้งใจ เมื่อสำรองห้องพักได้เรียบร้อยแล้ว ผมเลยเริ่มวางแผนการเดินทาง ซึ่งการเดินทางครั้งนี้ผมเลือกเดินทางโดยเครื่องบิน เนื่องจากไม่อยากหลังขดหลังแข็งนั่งรถข้ามวันข้ามคืน เดี๋ยวนี้มีตัวเลือกในการเดินทางมาสมุยหลายเส้นทาง ไม่ว่าจะบินตรงลงที่เกาะสมุยเลย แต่เนื่องจากเป็นการผูกขาดของสายการบิน ทำให้ราคาบัตรโดยสารสูงเอามาก ๆ หรือถ้าใครเบี้ยน้อยหอยน้อยแบบผม ก็ยังมีอีก 2 ตัวเลือกคือบินลงที่จังหวัดสุราษฎร์ธานี หรือ นครศรีธรรมราช แล้วนั่งรถต่อมายังท่าเรือ แล้วนั่งเรือต่อมายังเกาะสมุย ก็จะได้ราคาถูกกว่าแบบบินตรงลงเกาะ ซี่งมีให้บริการ 2 สายการบิน คือ แอร์เอเซียและนกแอร์ครับ จากการเช็คราคาของสองสายการบินในช่วงที่ผมจองที่พักไว้ ปรากฎว่าแอร์เอเซียถูกที่สุด ราคาบินไป-กลับ พร้อมค่าเรือไป-กลับ อยู่ที่ประมาณสามพันกว่าบาทครับ ผมจองล่วงหน้าร่วม 3-4 เดือน
แล้ววันเดินทางก็มาถึง ผมจองไฟล์ทเช้าสุด คือไฟล์ท 06.50 น. (ดอนเมือง-นครศรีธรรมราช) ช่วงที่เครื่องกำลังจะขึ้น พระอาทิตย์ก็โผล่มาทักทาย ผมซึ่งได้ที่นั่งอยู่ริมทางเดินเริ่มกระสับกระส่าย อยากจะถ่ายภาพพระอาทิตย์ขึ้นเสียเหลือเกิน ก็อดควักกล้องออกจากเป้ไม่ได้ แต่ก็ถ่ายมาได้เท่าที่เห็นครับ
จากการที่ผมต้องตื่นตั้งแต่ 02.30 น. เพื่อเตรียมตัวเดินทางจากลพบุรีมายังสนามบินดอนเมือง ทำให้ระหว่างที่อยู่บนเครื่องกี่งหลับกึ่งตื่นมาโดยตลอด มาสะดุ้งตื่นอีกทีก็ตอนได้ยินเสียงประกาศบนเครื่องบิน "เรากำลังจะทำการลดระดับการบินเพื่อลงจอดที่สนามบินนครศรีธรรมราชแล้วนะค๊ะ กรุณาเปิดม่านบังแดด ปรับพนักพิง...." เมื่อล้อเครื่องบินแตะรันเวย์ ก็ได้ยินเสียงประกาศอีกครั้ง "เรามีความยินดีที่จะแจ้งให้ผู้โดยสารทราบว่า เรามาถึงที่หมายก่อนเวลา 15 นาทีค๊ะ .... ขอขอบคุณที่ใช้บริการจากเรา และหวังเป็นอย่างยิ่งว่าคงจะได้...." ผมมองดูเวลา ใช้เวลาบินประมาณ 1 ชั่วโมงครับ
หลังจากเครื่องจอดสนิทแล้ว ก็เดินออกมาที่อาคารผู้โดยสาร ตรงทางออกนี่เองจะมีเจ้าหน้าที่ของราชาเฟอร์รี่มายืนประกาศเรียกผู้โดยสารที่จะเดินทางต่อไปยังเกาะสมุยและเกาะพะงัน ผมก็เข้าไปยืนยันตัวตน หลังจากนั้นเจ้าหน้าที่จะแปะสติ๊กเกอร์ และให้ผมไปรอรถด้านนอกอาคารผู้โดยสารครับ
ผมต้องนั่งรถต่อเพื่อไปยังท่าเรือดอนสัก ซึ่งอยู่ระหว่าง จ.นครศรีธรรมราช และ จ.สุราษฎร์ธานี ภายในรถเห็นจะมีคนไทยเพียง 4 คน (รวมผม) นอกนั้นเป็นชาวต่างชาติทั้งหมด ก่อนรถจะออก เจ้าหน้าที่ก็มาชี้แจงรายละเอียดหลังเรือเฟอรี่เทียบท่าที่สมุยให้กับผู้โดยสารรับทราบ สรุปใจความได้ว่า หลังจากเรือถึงท่าเรือลิปะน้อยบนฝั่งสมุยแล้ว ถ้าหากต้องการต่อรถไปยังรีสอร์ท สามารถซื้อตั๋วรถตู้ได้ที่เขาเลย โดยคิดค่าบริการคนละ 200 บาท/รอบ ใกล้ ไกล แค่ไหนราคาเดียวกันหมด ผมเองวางแผนการเดินทางมาบ้าง โดยตั้งใจว่าจะมาเช่ามอเตอร์ไซด์ที่หน้าทอน แต่การเดินทางจากท่าเรือไปยังหน้าทอนนั้น ผมโทรสอบถามเจ้าถิ่นมาได้ความว่า จากท่าเรือสามารถเดินมาที่ถนนใหญ่เพื่อมาต่อรถสองแถวได้ ผมเลยไม่สนใจในคำโฆษณาของเจ้าหน้าที่ครับ
08.30 น. ล้อหมุน ใช้เวลาเดินทางประมาณชั่วโมงครึ่ง ก็มาถึงท่าเรือดอนสักครับ
เมื่อมาถึงท่าเรือ ต้องไป Check in ที่ด้านในอาคารก่อนเพื่อรับตั๋วโดยสารครับ จากนั้นก็รอจนกว่าเรือจะออก ภายในอาคารจะมีร้านอาหารด้วย หากใครหิวสามารถทานอาหารช่วงระหว่างรอเรือออกได้ครับ แต่ผมเตรียมขนมปังไว้แล้ว ช่วงระหว่างรอเรือออกเลยเดินเก็บบรรยากาศรอบ ๆ ท่าเรือมาฝากครับ
สำหรับใครที่ไม่ได้ซื้อเป็นแพคเกจแบบผมมา ถ้าหากจะนั่งเรือไปเกาะสมุย จะเสียค่าเรือคนละ 150 บาท ถ้าจะเอารถยนต์ข้ามไปด้วย เสียค่าบริการคันละ 470 บาท โดยราคานี้รวมคนขับ 1 คน เรือจะออกทุก 1 ชั่วโมง รอบแรกคือ 06.30 น. ส่วนรอบสุดท้าย 20.30 น. ครับ
ตามตารางการเดินเรือ เรือผมจะออก 11.00 น.ครับ หลังถ่ายภาพเก็บรายละเอียดด้านล่างแล้ว ก็เตรียมเดินทางกันต่อครับ
ด้านบนเรือครับ จะแบ่งเป็น 2 ส่วน ส่วนนี้สำหรับคนที่ต้องการรับลมทะเลครับ
ติดกันก็จะเป็นส่วน VIP ซึ่งส่วนนี้จะติดแอร์ครับ ผู้โดยสารทุกคนที่ซื้อตั๋วขึ้นมา สามารถมาใช้บริการที่โซนนี้ได้ทุกคนนะครับ ไม่ต้องเสียค่า VIP ใด ๆ ครับ
โซน VIP นอกจากจะมีเก้าอี้เป็นแบบแถวแล้ว ยังมีเป็นแบบโต๊ะโซฟาให้อีกด้วย ผมเลยยึดตรงนี้เป็นที่นั่งผมครับ ด้านหลังที่ผมนั่งเป็นห้องสำหรับสูบบุหรี่ครับ
ที่ด้านท้ายเรือ ยังแบ่งพื้นที่เป็นร้านขายของเล็ก ๆ ที่มีของทานเล่น ทานจริง อาหารและเครื่องดื่มไว้บริการด้วย
ชั้นบนสุดของเรือจะมีอุปกรณ์ยามเกิดกรณีฉุกเฉิน ไม่ว่าจะเป็นสายดับเพลิง เสื้อชูชีพ ห่วงยาง เรือยาง แต่ผมดูจากลักษณะของเรือยางแล้ว ไม่มั่นใจเลยว่าหากเกิดกรณีฉุกเฉินขึ้นมาจริง ๆ มันจะสามารถใช้การได้หรือไม่ เพราะดูสภาพชำรุดมาก ๆ ครับ
นี่คือสติ๊กเกอร์ที่เจ้าหน้าที่ที่สนามบินแปะที่เสื้อช่วงผมไปแสดงตัวและสีชมพูคือตั๋วโดยสารเรือครับ
เรือออกช้ากว่ากำหนดไป 20 นาที ใช้เวลานั่งเรือประมาณหนึ่งชั่วโมงครึ่งก็มาถึงท่าเรือลิปะน้อยครับ
เมื่อเรือเทียบท่า ผมรีบเดินมาหารถสองแถว เผื่อโชคดีจะมีรถสองแถวมาส่งผู้โดยสาร แต่ท้ายสุดก็ไม่เห็นวี่แวว รวมถึงมอเตอร์ไซด์รับจ้างก็ไม่มีเงาเลยครับ เดินออกมาผ่านวินรถตู้ คนขับก็ตะโกนถามว่าจะไปไหน ผมก็เลยบอกว่าจะไปหน้าทอน เขาบอกว่าแถวนี้ไม่มีรถสองแถวผ่าน ถ้าจะเดินไปขึ้นรถสองแถวก็ไกลมาก ให้ขึ้นรถตู้ไปจะดีกว่า คิด 200 บาทเอง ผมเห็นราคาแล้วไม่กล้าขึ้นครับ เลยลองเดินไปเรื่อย ๆ ดีกว่าเผื่อโชคดีมีรถสองแถวผ่านมาจะได้ประหยัดค่ารถ
เดินออกจากท่าเรือได้นิดหน่อย ผมเลยลองถามชาวบ้านแถวนั้นดู ก็ได้รู้ว่าถ้าจะเดินไปที่รถสองแถวนั้นไกลจริง ๆ คงเดินไม่ไหวแน่ ๆ ผมเลยต้องโทรเรียกให้เจ้าถิ่นออกมารับเพื่อไปยังหน้าทอนครับ จริง ๆ ก็ไม่อยากไปรบกวนเลย แต่พี่เขายื่นข้อเสนอมาให้ว่าให้ผมรออยู่ตรงนั้น แล้วเดี๋ยวพี่เขาจะมารับผมไปส่งที่หน้าทอนเอง จริง ๆ แล้วถ้าหากเพื่อนคนไหนมาถึงที่ท่าเรือแล้ว ลองดูว่าถ้ามีรถบัส สุราษฎร์ธานี-เกาะสมุย ขึ้นมาบนเรือด้วย สามารถติดต่อขอติดรถมาลงที่หน้าทอนได้นะครับ แต่เรือรอบที่ผมไปไม่มีครับ