ผมทำงานอยู่บริษัทแห่งหนึ่ง ซึ่งมีเจ้านายที่เข้ากับลัทธิธรรมกาย ทุกครั้งที่แกไปทำบุญที่วัด หรือไปทำกิจกรรมอะไรก็แล้วแต่ ก็มักจะชวนพนักงานไปด้วย หนึ่งในนั้นก็คือผม เพราะผมเป็นเหมือนแขนขวาของแก ที่ช่วยเรื่องงานให้แกได้เกือบทุกอย่าง เวลาแกชวนผมไป ผมก็ปฏิเสธทุกครั้งว่า ติดงานบ้าง มีนัดแฟนบ้าง เพื่อเอาตัวรอดไป มีอยู่ครั้งเดียวที่จำเป็นต้องไปเพราะเป็นการบังคับไป คือตอนไปช่วยปลดกลีบกุหลาบ เพื่อให้พระธุดงส์เดินบนกลีบกุหลาบ นั่นเป็นครั้งแรกที่ได้ไป และก็เข้าใจไม่ผิดกับที่ได้ทราบมาก่อนคือ ที่นั่นไม่ใช่วัด ไม่ใช่ที่ของนักปฏิบัติธรรมอยู่ และไม่ใช่ที่ของผู้ที่เป็นอริยะบุคคล แต่เป็นที่อยู่ของนักบุญจอมปลอมนั่นเอง ที่นั่นเป็นอะไรสักอย่าง ที่ผมเรียกว่า อาคารก่อสร้าง โรงยิม หรือ องค์กรระดับประเทศอะไรสักอย่าง ซึ่งใหญ่โตมโหฬาร พอที่จะจัดแข่งกีฬาระดับชาติได้สบาย มากกว่าที่จะเป็น "วัด" ได้
ผมไม่อยากเอ่ยว่าวัดเป็นอย่างไร ท่านทั้งหลายคงจะทราบดีอยู่แล้ว เสิร์ซในกูเกิลก็จะเจอมากมายหลายเรื่อง แต่ที่ผมอยากจะบอกคือ ผมรู้อัดอั้นใจทุกครั้งที่เห็นเจ้านายและพ่อแม่ของแก ทำบุญให้กับวัดครั้งละมากๆ ทั้งๆที่บริษัทก็ไม่ได้มีกำไรมากมายอะไร แถมยังมีหนี้สินอยู่มากมาย ผมไม่เคยบอกให้แกทราบเลยว่า ผมไม่ใช่คนลัทธิธรรมกาย ผมไม่เคยพูด ได้แต่เออออห่อหมกให้ผ่านไปเท่านั้น แม้แต่ตอนที่ต้องใส่ซองกฐิน หรือ ต้องไหว้พระเหล่านั้น ในใจก็มีแต่จะอธิฐานให้มารศาสนาเหล่านี้ได้สูญสลายไปเสียทีเท่านั้นเอง
ผมปิดบังเจ้านายมาเสมอ และไม่อยากเปิดเผย เพราะกลัวเรื่องอาชีพการงาน จึงเฉยไว้ตลอดมาจนถึงบัดนี้ จนผมได้เห็นการเดินธุดงส์เหยียบดอกดาวเรืองเมื่อวันก่อนอีกครั้ง ความรู้สึกอัดอั้นก็บังเกิดขึ้นมาอีก รู้สึกโกรธยังไงไม่รู้ และรู้สึกเวทนาคนเหล่านั้น ที่เขาแยกไม่ออกจริงๆว่า มันเป็นการหลอกลวง มันสิ่งสิ่งจอมปลอม ผมรู้สึกโกรธและเกลียดคนพวกนั้นมาก ที่พวกเขาได้เกิดมาเจอพุทธศาสนาแล้ว แต่กลับไปเชื่อให้เกิดกว่าที่พระพุทธเจ้าเราได้สอนไว้ จนจะไม่เป็นชาวพุทธอยู่แล้ว ไม่รู้ทำไมผมต้องโกรธ ผมได้แต่ทำใจว่า "ช่างมันเถิด" คนเราเกิดมาด้วยปัญญาที่ไม่เท่าเทียมกัน บุญบารมีก็ไม่เท่าเทียมกัน อย่าไปอะไรกับมันเลย ปล่อยให้มันเป็นไปตามวิถีโลกแล้วกัน
เจ้านายผมทำบุญให้กับวัดแต่ละครั้งด้วยเงินเป็นหลักแสน ทั้งที่บริษัทมีสภาพคล่องทางการเงินที่แย่ บางเดือนก็เลื่อนจ่ายเงินเดือนพนักงานก็มีอยู่บ่อย แต่เวลาวัดมาขอให้ช่วยทำอะไร ก็กลับช่วยเต็มที่ ไม่สนใจว่าตนเองจะต้องเสียไปเท่าไหร่ แน่นอนว่ามันไม่ใช่เงินผม ผมไม่ควรไปแส่เงินของเขา แต่ว่ามันควรแล้วหรือ..ที่เราไปช่วยคนที่เขาสบายอยู่แล้วให้สบายขึ้นไปอีก ทำไมไม่เอาเงินเหล่านั้นมาพัฒนาธุรกิจให้ดียิ่งขึ้นล่ะ ทำบุญก็ทำไปพอประมาณและทำกับคนที่ควรทำ (เนื้อนาบุญอันดี) แบบนี้ผมไม่พูดสักคำ และสนับสนุบอีกด้วยซ้ำ
ผมศึกษาและสนใจคำสอนของพระพุทธเจ้ามาตั้งแต่เล็กๆ โดยตาเป็นผู้ปลูกฝังให้ ท่านชอบเล่านิทานพุทธประวัติ พระสาวก ให้ผมฟังอยู่เสมอ และผมก็ชอบฟัง และซึมซับความเป็นพุทธอย่างแท้จริง เมื่อผมโตมา ผมได้เจอกับสิ่งที่วัดธรรมกายได้ทำ ผมก็เกิดความเคียดแค้นในลัทธินี้อย่างมาก ความเคียดแค้นนี้เหมือนกับคนต่างศาสนาพึงมีต่อกัน คือหากมีวิธีที่ทำให้มันสูญสลายไปได้ ผมก็จะยอมทำ ยอมทำบาป ยอมตกนรก ยอมหมดทุกอย่าง เพื่อทำลายให้มันสูญสลายไป แต่มันก็เป็นแค่ความคิดเท่านั้น และยับยั้งทุกครั้งเมื่อนึกถึงคำสอนของพระพุทธองค์
เมื่อก่อนที่บ้านเคยมีลัทธิหนึ่งเข้ามา ผมอยู่มัธยม ได้ยินเค้าเรียกว่า "ชุมธรรม" นุ่งขาว ชักชวนชาวบ้านไปฟังธรรมอะไรไม่รู้ ไปล้อมวงกัน ให้นักเทศน์มาล้างสมอง ให้บริจาค ให้บูชาลูกแก้ว และอื่นๆอีก ซึ่งมันงมงายที่สุดเท่าที่ผมเคยเจอมา โชคร้ายที่แม่ผมก็ดันไปตามกับเขาด้วย ผมทะเลาะกับแม่เป็นการใหญ่ จนในที่สุดแม่ผมก็เลิกยุ่งกับลัทธินี้ไป ผมรู้สึกโล่งใจที่สุดในชีวิต ที่ดึงแม่ออกมาจากขุมนรกนั้นได้ ผมมองว่ามันเป็นขุมนรก เพราะมันหลอกให้คนทำบุญ ด้วยคำสอนที่ถูกดัดแปลงมามากมาย คนเข้าลัทธินี้ แม้ตายก็ไม่รู้จะไปไหน เพราะเหมือนคนไม่มีศาสนา ตายไปไม่มีพระมาสวดส่ง แต่มีพวกปาหี่ที่ไหนไม่รู้มาสวดให้ คนที่ถูกล้างสมอง จะคุยกับคนอื่นไม่ได้เลย เพราะคนพวกนี้ไม่สนใจสนทนาเรื่องการงาน จะมีแต่คำชักจูงคนอย่างเดียว ให้เข้าร่วม ให้บริจาค ให้ลองไป แบบว่าไปสักครั้งแล้วจะติดใจ และคนที่ถูกชักจูงไปก็จะต้องสูญเสียเงินอยู่ร่ำไป เหมือนพวกมันกำลังระดมคนและระดมทุน และจะต้องไปทุกสัปดาห์เหมือนเป็นการลลายพฤติกรรม ลลายความเชื่อเดิม จะมีพวกมันคอยมาเช็ค เหมือนเป็นการตรวจการบ้าน อย่างไรก็ดี แม่ผมออกมาได้ ผมก็ดีใจมากแล้ว
แต่มาถึงตอนนี้ ได้เจอมันอีกครั้ง ในรูปของศาสนาพุทธเราเลย มันน่ากลัวกว่าเดิม เณรคำที่ว่าเสื่อมแล้ว วัดนี้ยิ่งกว่าเสื่อมเสียอีก ที่สำคัญมีทุนมากมาย มีรัฐบาล มีคนรวย จนถึงคนจนสนับสนุน และกำลังจะเข้าถึงเยาวชนของชาติเรา มันเป็นสิ่งที่น่าวิตกมากๆ เป็นเรื่องสำคัญของชาติ ไม่รู้เหตุใดคนมีอำนาจในบ้านเมืองถึงยังนิ่งเฉยกันอยู่ได้ โดยไม่ทำอะไรสักอย่าง ซ้ำยังช่วยสนับสนุนอีกต่างหาก ท่านทั้งหลายลองคิดดูเถิดว่าหากเยาวชนของชาติเรา ถูกล้างสมองให้เป็นคนบ้าบุญ หลงยึดติดในบุญ ในสวรรค์ชั้นเจ็ด ฯลฯ เยาวชนเราจะเป็นอย่างไร ใครจะรวยเละ แล้วศาสนาพุทธที่แท้จริง มันก็จะสูญหายไปจากเมืองไทยในที่สุด มันเป็นสิ่งที่ผมวิตกกังลมาตลอด แต่ช่วยอะไรไม่ได้ แม้แต่เจ้านายตนเองผมก็ช่วยไม่ได้
ผมเคยบวชมาเมื่อไม่นานมานี้เอง ผมดีใจอย่างนึงคือช่วยให้ท่านเจ้าอาวาสหลุดจากธรรมกาย ส่วนพระหัววัดอีกท่านนึง ผมช่วยไม่ได้ เพราะท่านกิเลสหนา บวชหากิน เล่นเฟชบุ๊คทั้งวัน คุยลามกกับผู้หญิง ไม่เคยประกอบกิจของสงฆ์ นอกจากไปสวดหาเงิน พระรูปนั้นเมื่อวัดธรรมกายเสนอเงินให้ ท่านยินดีเต็มใจเข้าร่วมแน่นอน ส่วนเจ้าอาวาส ท่านเป็นพระปฏิบัติดีปฏิบัติชอบอยู่ มีความรู้ในศาสนามากมาย แต่ก็ติดใจในน้ำเงินอยู่มากเหมือนกัน ด้วยการที่ท่านเป็นเจ้าอาวาส เงินที่จะได้จากการเข้าร่วมวัดธรรมกายนั้น เป็นเงินจำนวนค่อนข้างสูง ผมบวชทันตอนนั้นพอดี เลยถามท่านเกี่ยวกับทัศนคติของท่านที่มีต่อธรรมกาย ท่านก็ตอบว่าดี เป็นวัดที่ดี ผมเลยเอาภาพ เอาข่าว ฯลฯ ของวัดนี้ให้ท่านได้ดูและพิจารณา ท่านได้ดูแล้วก็อึ้งเป็นการใหญ่ และท่านบอกว่าท่านไม่รู้มาก่อนว่าวัดจะเป็นอย่างนี้ ผมไม่ได้พูดอะไรมาก แค่ให้ท่านได้ดูเองกับตา ตั้งแต่ขนาดวัด พฤติกรรมของพระ กิจกรรมที่ทำใน กทม ที่พิลึกพิลั่น เท่านั้น ท่านเจ้าอาวาสก็ตรัสรู้ด้วยตัวเองว่าจะเอาอย่างไร
ผมทำได้แค่นั้นเอง กับเจ้านายผมก็คงไม่คิดจะพูด คงได้แต่มาบ่นในพันทิพได้เท่านั้นเอง ผมอยากให้ใครสักที่ได้อ่าน และมีอำนาจพอที่จะแก้ไขอะไรได้ ผมขอร้องท่านเถิดครับ ขอให้ท่านช่วยศาสนาเราด้วย ศาสนาพุทธที่แท้จริง ไม่ใช่ลัทธิทุนนิยมที่เป็นอยู่ตอนนี้ และอยากวอนทุกท่านที่ได้อ่าน หากท่านใดที่เป็นพุทธแท้ ผมจะซาบซึ้งท่านจริงๆ ส่วนท่านใดที่เป็นธรรมกาย ผมก็อยากบอกท่านว่า ท่านแยกศาสานาไปเถิด เราชาวพุทธไม่ว่าท่านหรอก ต่อให้ท่านเอาคนไปครึ่งค่อนประเทศ หรือครึ่งโลกไปเข้าลัทธิท่านก็เถิด แต่ขอได้ไหม อย่าทำอย่างนี้กับพุทธศาสนา อย่าเอาคำสอนที่ประเสริฐไปเป็นเครื่องมือหากินเลย เราภูมิใจที่นับถือพุทธ ถึงจะน้อยแค่หยิบมือก็ตาม ขอร้องเถิด !!
ก่อนจะส่งท้าย ขอกล่าวอีกหน่อยว่า หลักของพุทธ คือ การมักน้อน สันโดษ การไม่ยึดติด การกระทำที่สวนทางกันนี้ ไม่ถือเป็นว่าเป็นพุทธ ลาภ ยศ สรรเสริญ เปรียบเสมือนน้ำลายที่พระอริยะเจ้าทั้งหลายถ่มทิ้ง แต่พระบางจำพวกกลับหลงติดมันอยู่ และสอนคนอื่นให้หลงติดไปด้วย เท่ากับกับทำลายตนเองและทำลายผู้อื่นไปด้วย จุดสูงสุดของศาสนาพุทธคือ การไม่ยึดติดทั้งบุญและบาป นั่นคือ การหลุดพ้นของพระอรหันต์ทั้งหลาย ขอท่านทั้งโปรดพิจารณาด้วยเถิด
อัดอั้น อยากระบาย
ผมไม่อยากเอ่ยว่าวัดเป็นอย่างไร ท่านทั้งหลายคงจะทราบดีอยู่แล้ว เสิร์ซในกูเกิลก็จะเจอมากมายหลายเรื่อง แต่ที่ผมอยากจะบอกคือ ผมรู้อัดอั้นใจทุกครั้งที่เห็นเจ้านายและพ่อแม่ของแก ทำบุญให้กับวัดครั้งละมากๆ ทั้งๆที่บริษัทก็ไม่ได้มีกำไรมากมายอะไร แถมยังมีหนี้สินอยู่มากมาย ผมไม่เคยบอกให้แกทราบเลยว่า ผมไม่ใช่คนลัทธิธรรมกาย ผมไม่เคยพูด ได้แต่เออออห่อหมกให้ผ่านไปเท่านั้น แม้แต่ตอนที่ต้องใส่ซองกฐิน หรือ ต้องไหว้พระเหล่านั้น ในใจก็มีแต่จะอธิฐานให้มารศาสนาเหล่านี้ได้สูญสลายไปเสียทีเท่านั้นเอง
ผมปิดบังเจ้านายมาเสมอ และไม่อยากเปิดเผย เพราะกลัวเรื่องอาชีพการงาน จึงเฉยไว้ตลอดมาจนถึงบัดนี้ จนผมได้เห็นการเดินธุดงส์เหยียบดอกดาวเรืองเมื่อวันก่อนอีกครั้ง ความรู้สึกอัดอั้นก็บังเกิดขึ้นมาอีก รู้สึกโกรธยังไงไม่รู้ และรู้สึกเวทนาคนเหล่านั้น ที่เขาแยกไม่ออกจริงๆว่า มันเป็นการหลอกลวง มันสิ่งสิ่งจอมปลอม ผมรู้สึกโกรธและเกลียดคนพวกนั้นมาก ที่พวกเขาได้เกิดมาเจอพุทธศาสนาแล้ว แต่กลับไปเชื่อให้เกิดกว่าที่พระพุทธเจ้าเราได้สอนไว้ จนจะไม่เป็นชาวพุทธอยู่แล้ว ไม่รู้ทำไมผมต้องโกรธ ผมได้แต่ทำใจว่า "ช่างมันเถิด" คนเราเกิดมาด้วยปัญญาที่ไม่เท่าเทียมกัน บุญบารมีก็ไม่เท่าเทียมกัน อย่าไปอะไรกับมันเลย ปล่อยให้มันเป็นไปตามวิถีโลกแล้วกัน
เจ้านายผมทำบุญให้กับวัดแต่ละครั้งด้วยเงินเป็นหลักแสน ทั้งที่บริษัทมีสภาพคล่องทางการเงินที่แย่ บางเดือนก็เลื่อนจ่ายเงินเดือนพนักงานก็มีอยู่บ่อย แต่เวลาวัดมาขอให้ช่วยทำอะไร ก็กลับช่วยเต็มที่ ไม่สนใจว่าตนเองจะต้องเสียไปเท่าไหร่ แน่นอนว่ามันไม่ใช่เงินผม ผมไม่ควรไปแส่เงินของเขา แต่ว่ามันควรแล้วหรือ..ที่เราไปช่วยคนที่เขาสบายอยู่แล้วให้สบายขึ้นไปอีก ทำไมไม่เอาเงินเหล่านั้นมาพัฒนาธุรกิจให้ดียิ่งขึ้นล่ะ ทำบุญก็ทำไปพอประมาณและทำกับคนที่ควรทำ (เนื้อนาบุญอันดี) แบบนี้ผมไม่พูดสักคำ และสนับสนุบอีกด้วยซ้ำ
ผมศึกษาและสนใจคำสอนของพระพุทธเจ้ามาตั้งแต่เล็กๆ โดยตาเป็นผู้ปลูกฝังให้ ท่านชอบเล่านิทานพุทธประวัติ พระสาวก ให้ผมฟังอยู่เสมอ และผมก็ชอบฟัง และซึมซับความเป็นพุทธอย่างแท้จริง เมื่อผมโตมา ผมได้เจอกับสิ่งที่วัดธรรมกายได้ทำ ผมก็เกิดความเคียดแค้นในลัทธินี้อย่างมาก ความเคียดแค้นนี้เหมือนกับคนต่างศาสนาพึงมีต่อกัน คือหากมีวิธีที่ทำให้มันสูญสลายไปได้ ผมก็จะยอมทำ ยอมทำบาป ยอมตกนรก ยอมหมดทุกอย่าง เพื่อทำลายให้มันสูญสลายไป แต่มันก็เป็นแค่ความคิดเท่านั้น และยับยั้งทุกครั้งเมื่อนึกถึงคำสอนของพระพุทธองค์
เมื่อก่อนที่บ้านเคยมีลัทธิหนึ่งเข้ามา ผมอยู่มัธยม ได้ยินเค้าเรียกว่า "ชุมธรรม" นุ่งขาว ชักชวนชาวบ้านไปฟังธรรมอะไรไม่รู้ ไปล้อมวงกัน ให้นักเทศน์มาล้างสมอง ให้บริจาค ให้บูชาลูกแก้ว และอื่นๆอีก ซึ่งมันงมงายที่สุดเท่าที่ผมเคยเจอมา โชคร้ายที่แม่ผมก็ดันไปตามกับเขาด้วย ผมทะเลาะกับแม่เป็นการใหญ่ จนในที่สุดแม่ผมก็เลิกยุ่งกับลัทธินี้ไป ผมรู้สึกโล่งใจที่สุดในชีวิต ที่ดึงแม่ออกมาจากขุมนรกนั้นได้ ผมมองว่ามันเป็นขุมนรก เพราะมันหลอกให้คนทำบุญ ด้วยคำสอนที่ถูกดัดแปลงมามากมาย คนเข้าลัทธินี้ แม้ตายก็ไม่รู้จะไปไหน เพราะเหมือนคนไม่มีศาสนา ตายไปไม่มีพระมาสวดส่ง แต่มีพวกปาหี่ที่ไหนไม่รู้มาสวดให้ คนที่ถูกล้างสมอง จะคุยกับคนอื่นไม่ได้เลย เพราะคนพวกนี้ไม่สนใจสนทนาเรื่องการงาน จะมีแต่คำชักจูงคนอย่างเดียว ให้เข้าร่วม ให้บริจาค ให้ลองไป แบบว่าไปสักครั้งแล้วจะติดใจ และคนที่ถูกชักจูงไปก็จะต้องสูญเสียเงินอยู่ร่ำไป เหมือนพวกมันกำลังระดมคนและระดมทุน และจะต้องไปทุกสัปดาห์เหมือนเป็นการลลายพฤติกรรม ลลายความเชื่อเดิม จะมีพวกมันคอยมาเช็ค เหมือนเป็นการตรวจการบ้าน อย่างไรก็ดี แม่ผมออกมาได้ ผมก็ดีใจมากแล้ว
แต่มาถึงตอนนี้ ได้เจอมันอีกครั้ง ในรูปของศาสนาพุทธเราเลย มันน่ากลัวกว่าเดิม เณรคำที่ว่าเสื่อมแล้ว วัดนี้ยิ่งกว่าเสื่อมเสียอีก ที่สำคัญมีทุนมากมาย มีรัฐบาล มีคนรวย จนถึงคนจนสนับสนุน และกำลังจะเข้าถึงเยาวชนของชาติเรา มันเป็นสิ่งที่น่าวิตกมากๆ เป็นเรื่องสำคัญของชาติ ไม่รู้เหตุใดคนมีอำนาจในบ้านเมืองถึงยังนิ่งเฉยกันอยู่ได้ โดยไม่ทำอะไรสักอย่าง ซ้ำยังช่วยสนับสนุนอีกต่างหาก ท่านทั้งหลายลองคิดดูเถิดว่าหากเยาวชนของชาติเรา ถูกล้างสมองให้เป็นคนบ้าบุญ หลงยึดติดในบุญ ในสวรรค์ชั้นเจ็ด ฯลฯ เยาวชนเราจะเป็นอย่างไร ใครจะรวยเละ แล้วศาสนาพุทธที่แท้จริง มันก็จะสูญหายไปจากเมืองไทยในที่สุด มันเป็นสิ่งที่ผมวิตกกังลมาตลอด แต่ช่วยอะไรไม่ได้ แม้แต่เจ้านายตนเองผมก็ช่วยไม่ได้
ผมเคยบวชมาเมื่อไม่นานมานี้เอง ผมดีใจอย่างนึงคือช่วยให้ท่านเจ้าอาวาสหลุดจากธรรมกาย ส่วนพระหัววัดอีกท่านนึง ผมช่วยไม่ได้ เพราะท่านกิเลสหนา บวชหากิน เล่นเฟชบุ๊คทั้งวัน คุยลามกกับผู้หญิง ไม่เคยประกอบกิจของสงฆ์ นอกจากไปสวดหาเงิน พระรูปนั้นเมื่อวัดธรรมกายเสนอเงินให้ ท่านยินดีเต็มใจเข้าร่วมแน่นอน ส่วนเจ้าอาวาส ท่านเป็นพระปฏิบัติดีปฏิบัติชอบอยู่ มีความรู้ในศาสนามากมาย แต่ก็ติดใจในน้ำเงินอยู่มากเหมือนกัน ด้วยการที่ท่านเป็นเจ้าอาวาส เงินที่จะได้จากการเข้าร่วมวัดธรรมกายนั้น เป็นเงินจำนวนค่อนข้างสูง ผมบวชทันตอนนั้นพอดี เลยถามท่านเกี่ยวกับทัศนคติของท่านที่มีต่อธรรมกาย ท่านก็ตอบว่าดี เป็นวัดที่ดี ผมเลยเอาภาพ เอาข่าว ฯลฯ ของวัดนี้ให้ท่านได้ดูและพิจารณา ท่านได้ดูแล้วก็อึ้งเป็นการใหญ่ และท่านบอกว่าท่านไม่รู้มาก่อนว่าวัดจะเป็นอย่างนี้ ผมไม่ได้พูดอะไรมาก แค่ให้ท่านได้ดูเองกับตา ตั้งแต่ขนาดวัด พฤติกรรมของพระ กิจกรรมที่ทำใน กทม ที่พิลึกพิลั่น เท่านั้น ท่านเจ้าอาวาสก็ตรัสรู้ด้วยตัวเองว่าจะเอาอย่างไร
ผมทำได้แค่นั้นเอง กับเจ้านายผมก็คงไม่คิดจะพูด คงได้แต่มาบ่นในพันทิพได้เท่านั้นเอง ผมอยากให้ใครสักที่ได้อ่าน และมีอำนาจพอที่จะแก้ไขอะไรได้ ผมขอร้องท่านเถิดครับ ขอให้ท่านช่วยศาสนาเราด้วย ศาสนาพุทธที่แท้จริง ไม่ใช่ลัทธิทุนนิยมที่เป็นอยู่ตอนนี้ และอยากวอนทุกท่านที่ได้อ่าน หากท่านใดที่เป็นพุทธแท้ ผมจะซาบซึ้งท่านจริงๆ ส่วนท่านใดที่เป็นธรรมกาย ผมก็อยากบอกท่านว่า ท่านแยกศาสานาไปเถิด เราชาวพุทธไม่ว่าท่านหรอก ต่อให้ท่านเอาคนไปครึ่งค่อนประเทศ หรือครึ่งโลกไปเข้าลัทธิท่านก็เถิด แต่ขอได้ไหม อย่าทำอย่างนี้กับพุทธศาสนา อย่าเอาคำสอนที่ประเสริฐไปเป็นเครื่องมือหากินเลย เราภูมิใจที่นับถือพุทธ ถึงจะน้อยแค่หยิบมือก็ตาม ขอร้องเถิด !!
ก่อนจะส่งท้าย ขอกล่าวอีกหน่อยว่า หลักของพุทธ คือ การมักน้อน สันโดษ การไม่ยึดติด การกระทำที่สวนทางกันนี้ ไม่ถือเป็นว่าเป็นพุทธ ลาภ ยศ สรรเสริญ เปรียบเสมือนน้ำลายที่พระอริยะเจ้าทั้งหลายถ่มทิ้ง แต่พระบางจำพวกกลับหลงติดมันอยู่ และสอนคนอื่นให้หลงติดไปด้วย เท่ากับกับทำลายตนเองและทำลายผู้อื่นไปด้วย จุดสูงสุดของศาสนาพุทธคือ การไม่ยึดติดทั้งบุญและบาป นั่นคือ การหลุดพ้นของพระอรหันต์ทั้งหลาย ขอท่านทั้งโปรดพิจารณาด้วยเถิด