กปปส กรณีที่ตรัง มุมมองด้านศาสนา การศึกษาไทย และการเมือง

มนุษย์เรามีสิ่งที่ให้ความสำคัญไม่เหมือนกันครับ คนต่างพื้นที่ หลักคิดก็ต่างกันแล้ว ในประเด็นเรื่องนี้ พุทธ สังคมพุทธ คริสต์ สังคมคริสต์ อิสลาม มุสลิม ก็มีสิ่งที่ให้ความสำคัญไม่เหมือนกัน

ที่ยกเหตุทางศาสนามาเพื่อให้ เพื่อนๆทราบว่า ในประเด็น"การเรียนทางศาสนา" ของอิสลามนั้น เป็นเรื่องสำคัญมาก ยิ่งสำคัญมากถ้าเป็นการปฏิบัติศาสนกิจ สิ่งเดียวที่อนุญาติให้มุสลิมต่อสู้ จับอาวุธได้ คือ การถูกขัดขวางการทำศาสนกิจของตัวเอง ถูกล่วงล้ำอธิปไตยของตัวเอง. ต่อสู้ได้เฉพาะกับผู้ที่มีอาวุธหรือกำลังข่มขี่ และ ต้องหยุดเมื่ออีกฝั่งยุติ อย่างไรก็ดี การต่อสู้นั้นเป็น ทางเลือกสุดท้ายของศาสนาที่อนุญาติ หลังจากการแก้ปัญหาทางสันติทุกอย่างใช้ไม่ได้ผลเท่านั้น เป็นตัวอย่างหนึ่งให้เห็นถึงการต่อสู้เพื่อปกป้องเสรีภาพในการับถือศาสนาที่ไม่อนุญาติให้ใครมาข่มขืนได้. ซึ่งโลกในปัจจุบันนี้ ประเทศส่วนใหญ่ก็ยึดหลักการข้อนี้อยู่แล้วโดยเฉพาะประเทศไทย ซึ่งมีพระมหากษัตริย์ ทรงเป็นองค์อุปธรรมทุกศาสนา โดยไม่แบ่งแยก

เพียงแต่กรณีนี้ ไม่ได้ถึงกับขัดขวางอย่างมีเจตจำนงค์ ชัดเจนแต่ เป็นเรื่อง การกระทบ กระทั่งกัน จากการไม่รุ้จักกาลเทศะเท่านั้น ซึ่งกปปส.ผิดอย่างสมบูรณ์ไม่ต้องหาเหตุมาอ้าง ไม่ต้องพูดเรื่องกฏหมายหรืออะไรทั้งสิ้น ผิดในฐานะ การไม่ให้เกียรติ ระหว่างมนุษย์ต่อมนุษย์ด้วยกันผิดในฐานะไม่รุ้จักเวลา สถานที่ การประเมินความเหมาะสมไม่เหมาะสม เป็นความล้มเหลวสมบูรณ์ของผู้นำมวลชน ที่ไม่รุ้จักฟังเสียงของสังคมที่ตัวเองอยู่ หรือแม้แต่ไม่รุ้จักสังคมที่ตัวเองอยู่

ความไร้มารยาทแบบนี้เป็นสิ่งเลวร้ายที่ไม่ควรทำ เพราะเมื่อไหร่ สังคม ขาดการเอาใจเค้ามาใส่ใจเรา ปัญหาก็ไม่มีทางจบ ในประเด็นทางศาสนา ในเรื่องกฏหมาย กฏหมายประเทศไทยคุ้มครองแต่สถาบันสงฆ์ และ สถานที่ประกอบศาสนกิจ แต่ไม่ได้ปกป้องสิ่งอื่นๆ ดังนั้น ไม่มีทางทำผิดกฏหมายจากการไปเป่านกหวีด แบบนี้หรอกครับ แต่มันมีอย่างอื่นมากมายตามมา จากการไม่รุ้กาลเทศะ โดยเฉพาะความขัดแย้งที่บาดลึกลงไป โดยไม่จำเป็นเพียงถ้าเอาใจเค้ามาใส่ใจเรา

อย่างไร ก็ดี อิสลามก็ได้ย้ำว่า ให้แก้สิ่งเลวร้ายด้วยสิ่งที่ดีกว่า การตอบโต้เรื่องที่เกิดขึ้นด้วยความรุนแรง ถ้าเกิดขึ้นจากฝั่งมุสลิม ก็ถือว่าผิดเต็มๆเช่นกัน ทุกอย่างยังอยู๋ในจุดที่พูดคุยกันได้ แน่นอนแต่ต้องเริ่มต้นจาก ฝั่งที่กระทำ ยุติการกระทำเป็นเบื้องต้น

สุดท้าย จริงๆไม่ใช่เพียงอิสลามที่ปกป้องการศึกษา หลักปรัชญา ทั้งทางตะวันตก หรือตะวันออกเอง ก็ปกป้อง การศึกษา และ พยายามแยก กิจของการศึกษาออกจากกิจของการเมือง หลายปราชญ์ย้ำว่า ไม่มีการเมืองที่ดี จาก สังคมที่ การศึกษาถูกขัดขวาง กรณีนี้ก็เช่นกัน สำหรับผมมองว่า จุดยืนของกปปส ไม่ควรที่จะ ใช้กิจของกลุ่มตัวเอง ไปรบกวน ระบบการศึกษา ไม่ว่าจะเป็นระบบใดทั้งสิ้น จะชักชวนชี้นำ หรือ รวมตัว ก็ขอให้เป็นเรื่องหลังจากนั้น ก่อนเข้าเรียน หรือ หลังเลิกเรียน ก็มีเวลาเหลือเฝือ รวมทั้งไม่ควรใช้โรงเรียนเป็นที่ สนองตัณหาทางการเมืองของตัวเองโดยเฉพาะจากครูบาอาจารย์ ท่านอาจเลือกข้างได้ แต่ท่านมีหน้าที่เพียงให้ข้อมูลที่สอดคล้องกับบทเรียน. และให้ผู้เรียนเป็นผู้เลือกเอง ไม่ใช่ใช้สถานศึกษาเป็นที่ บีบคั้นสภาพการเมือง

ประเทศไทย การศึกษาเราถอยหลังและ ล้าหลัง มานานแล้ว
ไม่ใช่เพราะ ศาสนาไม่ได้ปกป้องการศึกษา ศาสนาพุทธซึ่งเป็นศาสนาที่มีผู้นับถือมากที่สุดในประเทศก็ปกป้องและสนับสนุนการศึกษาที่ และ วิธีการศึกษาอย่างมีเหตมีผล กระบวนการคิดทางสังคมอื่น
ก็สนับสนุน และปกป้องการศึกษาเช่นกัน
แต่ตัวเรา ผู้ใหญ่ในสังคมเราต่างหากที่เห็นความสำคัญของกิจการศึกษาน้อยไป
น้อยจนไม่เข้าใจว่า ในสังคมอื่นๆ หรือสังคมมุสลิมนั้น เค้ายอมตายเพื่อปกป้องการศึกษได้อย่างไร

วันนี้ ถึงเวลาที่ ต้องทบทวนจุดยืนกันใหม่หมด ถ้าจะปฏิรูป
การปฏิรูป การเรียนรู้ที่จะทำความเข้าใจระหว่างกันควรเป็นเรื่องแรกๆ
ไม่งั้นก็เปล่าประโยชน์ เป็นเพียงการ ปฏิรูปเอกชน หรือ การปฏิรูปที่โดดเดี่ยวตัวเอง
และสุดท้ายก็พังไม่เป็นท่าเท่านั้น โดยการพังนั้น ลากสังคม ให้พังตามลงไปด้วย

แล้วประเทศไทยจะเหลืออะไร ฝากให้พิจราณานะครับ
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่