ขอออกตัวก่อนว่า ทั้งหมดทั้งปวงที่พิมพ์ไปเป็นการตีความตามความเห็นส่วนตัวของผมล้วนๆและผมดูไปรอบเดียว
ถ้าเวิ่นเว้อเกินไปหรือผิดพลาดประการใด แนะนำตักเตือนได้นะครับ จะพยายามแก้ไขให้
แล้วก็ขอเรียกแทนตัวเองว่าหะริดตามที่ใช้ในเพจนะครับ
12 Years a Slave: ฤๅสิ้นสุดมนุษยภาพ
ด้วยพล็อตเรื่อง Based on true story และเกี่ยวกับช่วงประวัติศาสตร์การเป็นทาสของคนผิวดำ ที่ช่วงหลังมานี้ มีหนังที่เล่นกับ 2 ประเด็นนี้ค่อนข้างบ่อย อีกทั้งเรื่องนี้ยังเป็นผลงานของผกก. Steve McQueen ที่หะริดเคยดูแค่เรื่องเดียวคือ Shame (ซึ่งบอกตามตรงว่าดู Shame จบ แบบไม่เข้าใจและไม่เข้าถึงซักเท่าไหร่ คือมันหน่วง มันนัว มันลึก แต่มันไม่ค่อยสนุกอะ) จึงส่งผลให้เรื่องนี้ไม่ค่อยดึงดูดต่อการเข้าไปเสียตังค์ในโรงหนังเท่าไหร่นัก
แต่ด้วยการเปิดตัวเป็นที่รู้จักด้วยคำโปรยว่า เป็นหนังที่เข้าชิงรางวัลลูกโลกทองคำมากที่สุดของปี 2013 ถึง 7 สาขาและเรตติ้งในเว็บต่างประเทศที่พุ่งสูงปรี๊ดดดดดดด โดยเฉพาะคะแนนจากนักวิจารณ์ (IMDB 8.5, Meta score 97/100) ก็ทำให้หะริดตกเป็นเหยื่อการตลาด ต้องเดินเชื่องๆเข้าไปเสียตัว เอ๊ย เสียตังค์ให้เสี่ยเมเจอร์เช่นเคย
เรื่องราวโดยย่อของ 12 ปีแห่งความหลัง
เป็นเรื่องราวของ Solomon Northup (Chiwetel Ejiofor) ชายผิวดำอิสรชน พลเมืองของรัฐนิวยอร์กที่มีครอบครัวตามปกติ แต่โชคชะตากลับเล่นตลก เขาถูกหลอกไปที่กรุงวอชิงตัน ดี.ซี. ถูกลักพาตัวที่นั่นและนำไปขายเป็นทาส เรื่องราวหลังจากนั้นก็เป็นเรื่องราวชีวิตปกติที่ทาสผิวดำต้องเผชิญในยุคสมัยนั้น แตกต่างเพียงแค่ Solomon นั้นเป็นอิสรชน และเค้าจะทำเช่นไรในสถานการณ์ที่บัดsoapเช่นนี้
หลังจากดูจบ
ถ้าถามว่าหนังดีมั๊ย? ก็ต้องขอบอกว่าดีมาก
ถ้าถามว่านักแสดงเป็นอย่างไร? ก็ต้องขอบอกว่าเล่นกันได้สุดยอดจริงๆ
แต่ถ้าถามว่าชอบมากมั๊ย? คงตอบได้แค่ว่า ชอบนะ แต่ไม่ได้มากขนาดนั้น
คือ องค์ประกอบทุกอย่างมันดีหมด ภาพสวยจับจิต ดนตรีเพราะจับใจ
นักแสดงเล่นดีใจหาย แถมสร้างจากเรื่องจริงและผู้กำกับก็มือถึงทำออกมาได้สมจริง
แต่ส่วนตัวรู้สึกว่ามันจริงเสียจนออกจะไม่ตื่นตาตื่นใจซักเท่าไร่
อาจเป็นเพราะอดเอาไปเทียบกับ Django ไม่ได้ (ถึงจะรู้ว่ามันไม่ควรเทียบกัน)
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้แม้จะไม่ลึกเท่าเรื่องนี้ แต่ก็แอบรู้สึกว่า Django มันกลมกล่อมครบรส ดูเพลินกว่า อร่อยกว่า คือ ตีแผ่ความโหดร้ายของการเป็นทาส แอคชั่นมันส์สะใจ ฉากกดดันก็ตื่นเต้นลุ้นกันแทบลืมหายใจ แถมตลกอีกต่างหาก
อาจเพราะหะริดมีความเชื่ออยู่อย่างหนึ่งคือ ชมภาพยนตร์เพื่อความบันเทิงเป็นหลัก
ดังนั้นที่ชอบเรื่องนี้ในระดับธรรมดา คงเป็นเพราะหนังเรื่องนี้ถูกสร้างขึ้น
เพื่อสร้าง “ความตระหนัก” มากกว่าสร้าง “ความสนุก” ก็เป็นได้
(แต่ถ้าถามว่าหนังดีแค่ไหน ขอย้ำอีกครั้งว่า ดีมากกกกกกกกกกกกกกกกก)
โดยรวมแล้ว เรื่องนี้เป็นหนังหม่นหมองประคองอารมณ์ ไม่เหมาะกับเด็กเล็กเท่าไหร่ เพราะเนื้อหาค่อนข้างโหดร้ายและรุนแรง
ไม่มีแม้แต่ฉากเดียวที่จะช่วยสร้างรอยยิ้มหรือเสียงหัวเราะ แต่สำหรับเด็กโตหรือผู้ใหญ่ที่มีจิตใจหนักแน่น
การเข้าไปเสพย์ภาพยนตร์เรื่องนี้ในโรงหนัง ก็ถือได้ว่าเป็นการรับความรู้ควบคู่ความบันเทิงที่คุ้มค่าทุกบาททุกสตางค์ครับ
Mini Review จบเพียงเท่านี้ หลังจากนี้มีการเปิดเผยเนื้อหาสำคัญ (Spoil) นะครับ
ถ้าเห็นว่ากระทู้ดีมีประโยชน์ รบกวนช่วยโหวตกระทู้ซักคนละหนึ่งจึ้กนะครับ จะได้มีเพื่อนๆเข้ามาพูดคุยกันเยอะๆ
ขอบคุณครับ
[CR] 9Harit>>12 Years a Slave: ฤๅสิ้นสุดมนุษยภาพ
ถ้าเวิ่นเว้อเกินไปหรือผิดพลาดประการใด แนะนำตักเตือนได้นะครับ จะพยายามแก้ไขให้
แล้วก็ขอเรียกแทนตัวเองว่าหะริดตามที่ใช้ในเพจนะครับ
12 Years a Slave: ฤๅสิ้นสุดมนุษยภาพ
ด้วยพล็อตเรื่อง Based on true story และเกี่ยวกับช่วงประวัติศาสตร์การเป็นทาสของคนผิวดำ ที่ช่วงหลังมานี้ มีหนังที่เล่นกับ 2 ประเด็นนี้ค่อนข้างบ่อย อีกทั้งเรื่องนี้ยังเป็นผลงานของผกก. Steve McQueen ที่หะริดเคยดูแค่เรื่องเดียวคือ Shame (ซึ่งบอกตามตรงว่าดู Shame จบ แบบไม่เข้าใจและไม่เข้าถึงซักเท่าไหร่ คือมันหน่วง มันนัว มันลึก แต่มันไม่ค่อยสนุกอะ) จึงส่งผลให้เรื่องนี้ไม่ค่อยดึงดูดต่อการเข้าไปเสียตังค์ในโรงหนังเท่าไหร่นัก
แต่ด้วยการเปิดตัวเป็นที่รู้จักด้วยคำโปรยว่า เป็นหนังที่เข้าชิงรางวัลลูกโลกทองคำมากที่สุดของปี 2013 ถึง 7 สาขาและเรตติ้งในเว็บต่างประเทศที่พุ่งสูงปรี๊ดดดดดดด โดยเฉพาะคะแนนจากนักวิจารณ์ (IMDB 8.5, Meta score 97/100) ก็ทำให้หะริดตกเป็นเหยื่อการตลาด ต้องเดินเชื่องๆเข้าไปเสียตัว เอ๊ย เสียตังค์ให้เสี่ยเมเจอร์เช่นเคย
เรื่องราวโดยย่อของ 12 ปีแห่งความหลัง
เป็นเรื่องราวของ Solomon Northup (Chiwetel Ejiofor) ชายผิวดำอิสรชน พลเมืองของรัฐนิวยอร์กที่มีครอบครัวตามปกติ แต่โชคชะตากลับเล่นตลก เขาถูกหลอกไปที่กรุงวอชิงตัน ดี.ซี. ถูกลักพาตัวที่นั่นและนำไปขายเป็นทาส เรื่องราวหลังจากนั้นก็เป็นเรื่องราวชีวิตปกติที่ทาสผิวดำต้องเผชิญในยุคสมัยนั้น แตกต่างเพียงแค่ Solomon นั้นเป็นอิสรชน และเค้าจะทำเช่นไรในสถานการณ์ที่บัดsoapเช่นนี้
หลังจากดูจบ
ถ้าถามว่าหนังดีมั๊ย? ก็ต้องขอบอกว่าดีมาก
ถ้าถามว่านักแสดงเป็นอย่างไร? ก็ต้องขอบอกว่าเล่นกันได้สุดยอดจริงๆ
แต่ถ้าถามว่าชอบมากมั๊ย? คงตอบได้แค่ว่า ชอบนะ แต่ไม่ได้มากขนาดนั้น
คือ องค์ประกอบทุกอย่างมันดีหมด ภาพสวยจับจิต ดนตรีเพราะจับใจ
นักแสดงเล่นดีใจหาย แถมสร้างจากเรื่องจริงและผู้กำกับก็มือถึงทำออกมาได้สมจริง
แต่ส่วนตัวรู้สึกว่ามันจริงเสียจนออกจะไม่ตื่นตาตื่นใจซักเท่าไร่
อาจเป็นเพราะอดเอาไปเทียบกับ Django ไม่ได้ (ถึงจะรู้ว่ามันไม่ควรเทียบกัน)
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
อาจเพราะหะริดมีความเชื่ออยู่อย่างหนึ่งคือ ชมภาพยนตร์เพื่อความบันเทิงเป็นหลัก
ดังนั้นที่ชอบเรื่องนี้ในระดับธรรมดา คงเป็นเพราะหนังเรื่องนี้ถูกสร้างขึ้น
เพื่อสร้าง “ความตระหนัก” มากกว่าสร้าง “ความสนุก” ก็เป็นได้
(แต่ถ้าถามว่าหนังดีแค่ไหน ขอย้ำอีกครั้งว่า ดีมากกกกกกกกกกกกกกกกก)
โดยรวมแล้ว เรื่องนี้เป็นหนังหม่นหมองประคองอารมณ์ ไม่เหมาะกับเด็กเล็กเท่าไหร่ เพราะเนื้อหาค่อนข้างโหดร้ายและรุนแรง
ไม่มีแม้แต่ฉากเดียวที่จะช่วยสร้างรอยยิ้มหรือเสียงหัวเราะ แต่สำหรับเด็กโตหรือผู้ใหญ่ที่มีจิตใจหนักแน่น
การเข้าไปเสพย์ภาพยนตร์เรื่องนี้ในโรงหนัง ก็ถือได้ว่าเป็นการรับความรู้ควบคู่ความบันเทิงที่คุ้มค่าทุกบาททุกสตางค์ครับ
Mini Review จบเพียงเท่านี้ หลังจากนี้มีการเปิดเผยเนื้อหาสำคัญ (Spoil) นะครับ
ถ้าเห็นว่ากระทู้ดีมีประโยชน์ รบกวนช่วยโหวตกระทู้ซักคนละหนึ่งจึ้กนะครับ จะได้มีเพื่อนๆเข้ามาพูดคุยกันเยอะๆ
ขอบคุณครับ