ชอบใจโควทของคุณกรรณิกา ธรรมเกษร ที่ว่า
“จงอย่าคิด ปฏิรูป บ้านเมืองด้วย ผ้าขี้ริ้วสกปรก”
ผมว่ามันชัดเห็นภาพดี จึงขอนำมาขยายต่อให้เห็นนะครับว่าผ้าขี้ริ้วมันสกปรกยังไง?
แนวคิดปฏิรูปนั้นเป็นสิ่งที่ดีนะครับ เพราะการพัฒนาที่ดีจะเกิดขึ้นได้ ก็จะต้องมีการปฏิรูปปรับเปลี่ยนกันตลอดเวลา
นั่นคือการคิดค้นหาสิ่งที่ดีกว่าเดิมมานำเสนอเพื่อให้เกิดความเปลี่ยนแปลงไปสู่สิ่งที่ดีขึ้น
จะปฏิรูปการเมืองให้มันดีขึ้นสะอาดโปร่งใสน่ะดีแน่ๆเลย
ถ้าเห็นว่ามันสกปรก แล้วหวังดีอยากจะให้มันสะอาดขึ้น ก็ต้องอย่าไปใช้ผ้าริ้วสกปรกมาเช็ด
ที่ผ้าขี้ริ้วมันสกปรกก็เพราะว่า
ไปใช้คนนำที่มีประวัติ สกปรก มาทำความสะอาด
จะออกมาปฏิรูปต่อต้านการโกงทั้งทีดันใช้คนที่มีประวัติการโกงมานำผมว่ามันเน่าตั้งแต่เริ่มคิดแล้วล่ะครับ
อะไรกันจะหาคนดีๆมานำปฏิรูปกันไม่ได้เชียวหรือ??
นอกจากคนโกงแล้วยังไปเอาคนที่มีความคิดต่ำๆถ่อยๆมาร่วมด้วยมันก็ยิ่งไปกันใหญ่
ที่หวังว่าตำแหน่งทางสังคมสูงส่งจะช่วยสร้างศรัทธาให้คนหันมาสนใจสนับสนุนได้แต่ดันเผลอแสดงออกมาถึงความคิดต่ำๆกันออกมาอย่างที่เป็นกัน จะไปหา ศรัทธาจากไหนล่ะครับ?
ไหนจะคนที่มีตรรกกะเพี้ยนๆแบบดูถูกชาวบ้านชาวเมืองอีก นี่เอามาเรียกแขกหรือเอามาไล่มวลชนล่ะครับ?
บุคคลากรที่จะมานำปฏิรูปน่ะ หาใหม่เถอะครับแล้วค่อยมาว่ากัน อย่าชุ่ยกันนักเลย
ไปใช้วิธีที่สกปรก
อยากจะให้มันสะอาดก็อย่าไปใช้วิธีสกปรกมาทำความสะอาดกันครับเพราะมันจะทำให้เละเทะไปกว่าเดิม เช่น
ไปวุ่นวายกับกฏกติกาทำให้มันบิดเบี้ยวหวังให้เป็นผลดีกับกระบวนการปฏิรูปน่ะสกปรกแน่ นอกจากสกปรกแล้วยังเหม็นติดทนนานเรียกว่าเสียหายใช้การกันไม่ได้กันอีกเลย กฏกติกานี่มันอยู่ได้ด้วยศรัทธา หากทำให้มันเหม็นจนไม่มีใครเชื่อถือศรัทธา ซะแล้วก็ไม่เหลือประโยชน์อะไรอีกต้องโยนทิ้งกันอย่างเดียวเลยนะ เพราะมันก็จะถูกอ้างได้ต่อไปว่า ทีคนนั้น ทีคราวโน้น เป็นมาตรฐาณผิดๆต่อไป กลายเป็นของสกปรกที่ไม่สามารถใช้การได้อีกต่อไป
การอ้างตำแหน่งหน้าที่การงาน ฐานะทางสังคมนี่ก็สกปรกครับ
เพราะมันก็ไม่ต่างกับอ้างตำแหน่งหน้าที่การงานมาขอเอาเปรียบชาวบ้านเค้านั่นแหละ
อ้างว่ามีความรู้มากกว่าจะมาขอมีสิทธิที่มากกว่า
อ้างว่าเป็นหมอเป็นเจ้าหน้าที่ไปเอาเครื่องหมายกาชาดมาสมอ้างด้วย
อันนี้ก็สกปรกไม่เหมาะสม
อ้างว่าเป็นจิตอาสาเป็นประชาชนของพระราชานี่ก็สกปรก
เพราะเป็นการอ้างความคิดดีๆเอามาหากินที่หลายครั้งกลับไปทำชั่วให้คนเค้าจับได้ เสียหายไปทั้งองค์กรณ์ และสถาบันฯที่แอบอ้าง
อยากจะปฏิรูปไม่ให้มีการคอรัปชั่นแต่ดันใช้วิธีคอรัปชั่นตำแหน่งหน้าที่ของตัวเองกันอย่างนี้ จะไหวเร้อ
ไปบีบบังคับขู่เข็ญคนอื่นให้เห็นด้วยช่วยกันเอา”ผ้าสกปรก”เหล่านี้ไปทำความสะอาดนี่ก็เป็นอีกวิธีที่สกปรก ปิดโน่นยึดนี่ทำความเดือดร้อนไปทั่ว ปกครองกันด้วยระบอบประชาธิปไตยแต่ดันมีแนวคิดและการกระทำที่ต่อต้านประชาธิปไตยกัน
พอจะเห็นความสกปรกของพวกเดียวกันเองกันมั๊ยล่ะครับ มวลมหาประชาชน??
อีกความสกปรกนึงก็คือ ความพยายามยั่วยุให้เกิดความรุนแรงเพื่อที่จะได้มีรัฐประหาร เปิดทางให้ได้ปฏิรูปกันได้อย่างใจ จนถึงกับทำร้ายกันเองนี่ สกปรกมากกกกก
รู้สึกกันมั๊ยล่ะครับ หรือว่าเฉยๆชิลล์ๆไม่รู้สึกรู้สากันเลยว่ามีผู้ร่วมอุดมการณ์เสียชีวิตแล้ว
ความสกปรกเหล่านี้หากไม่คิดแก้ไข ก็ไม่ต่างกับผ้าขี้ริ้วสกปรกๆจะอาสามาเช็ดทำความสะอาดนั่นแหละ มันจะพาให้สกปรกเลอะเทอะไปมากกว่าเก่า จนอาจจะถึงขั้นต้องโยนทิ้งกันเลย ทีเดียว
ความตั้งใจดี หวังดีอยากจะปฏิรูปบ้านเมืองกัน มันจึงกลายเป็นความหวังดีที่น่ารังเกียจ และมีจำเป็นอย่างยิ่งที่ต้องหยุดความหวังดีนี้ไว้ก่อนจนกว่าจะแก้ไขจนแน่ใจได้ว่า
ผ้าขี้ริ้วที่จะอาสานำมาทำความสะอาดนั้นน่ะ
สะอาดจริงๆ
เพราะอาสาทำความสะอาดกันนี่ก็ไม่ใช่ฟรีๆนะครับ กระบวนการทำความสะอาดนี่ราคาแพงระยับเชียว
อย่างปิดกรุงเทพนี่ก็ประเมินกันว่าเสียหายวันละ500ล้านบาท
ตั้งแต่ต้นจนถึงทุกวันนี้ก็ไม่ต่ำกว่าสองแสนล้านบาท
จะเสียค่าทำความสะอาดกันแพงขนาดนี้
ขอคนสะอาดๆกับวิธีสะอาดๆและผ้าขี้ริ้วสะอาดๆไม่ได้เชียวหรือ?
ถ้าไม่ได้ก็ไม่ต้องดีกว่าครับ
มันไม่คุ้ม
ผ้าขี้ริ้วแบบไหนที่สกปรก??
“จงอย่าคิด ปฏิรูป บ้านเมืองด้วย ผ้าขี้ริ้วสกปรก”
ผมว่ามันชัดเห็นภาพดี จึงขอนำมาขยายต่อให้เห็นนะครับว่าผ้าขี้ริ้วมันสกปรกยังไง?
แนวคิดปฏิรูปนั้นเป็นสิ่งที่ดีนะครับ เพราะการพัฒนาที่ดีจะเกิดขึ้นได้ ก็จะต้องมีการปฏิรูปปรับเปลี่ยนกันตลอดเวลา
นั่นคือการคิดค้นหาสิ่งที่ดีกว่าเดิมมานำเสนอเพื่อให้เกิดความเปลี่ยนแปลงไปสู่สิ่งที่ดีขึ้น
จะปฏิรูปการเมืองให้มันดีขึ้นสะอาดโปร่งใสน่ะดีแน่ๆเลย
ถ้าเห็นว่ามันสกปรก แล้วหวังดีอยากจะให้มันสะอาดขึ้น ก็ต้องอย่าไปใช้ผ้าริ้วสกปรกมาเช็ด
ที่ผ้าขี้ริ้วมันสกปรกก็เพราะว่า
ไปใช้คนนำที่มีประวัติ สกปรก มาทำความสะอาด
จะออกมาปฏิรูปต่อต้านการโกงทั้งทีดันใช้คนที่มีประวัติการโกงมานำผมว่ามันเน่าตั้งแต่เริ่มคิดแล้วล่ะครับ
อะไรกันจะหาคนดีๆมานำปฏิรูปกันไม่ได้เชียวหรือ??
นอกจากคนโกงแล้วยังไปเอาคนที่มีความคิดต่ำๆถ่อยๆมาร่วมด้วยมันก็ยิ่งไปกันใหญ่
ที่หวังว่าตำแหน่งทางสังคมสูงส่งจะช่วยสร้างศรัทธาให้คนหันมาสนใจสนับสนุนได้แต่ดันเผลอแสดงออกมาถึงความคิดต่ำๆกันออกมาอย่างที่เป็นกัน จะไปหา ศรัทธาจากไหนล่ะครับ?
ไหนจะคนที่มีตรรกกะเพี้ยนๆแบบดูถูกชาวบ้านชาวเมืองอีก นี่เอามาเรียกแขกหรือเอามาไล่มวลชนล่ะครับ?
บุคคลากรที่จะมานำปฏิรูปน่ะ หาใหม่เถอะครับแล้วค่อยมาว่ากัน อย่าชุ่ยกันนักเลย
ไปใช้วิธีที่สกปรก
อยากจะให้มันสะอาดก็อย่าไปใช้วิธีสกปรกมาทำความสะอาดกันครับเพราะมันจะทำให้เละเทะไปกว่าเดิม เช่น
ไปวุ่นวายกับกฏกติกาทำให้มันบิดเบี้ยวหวังให้เป็นผลดีกับกระบวนการปฏิรูปน่ะสกปรกแน่ นอกจากสกปรกแล้วยังเหม็นติดทนนานเรียกว่าเสียหายใช้การกันไม่ได้กันอีกเลย กฏกติกานี่มันอยู่ได้ด้วยศรัทธา หากทำให้มันเหม็นจนไม่มีใครเชื่อถือศรัทธา ซะแล้วก็ไม่เหลือประโยชน์อะไรอีกต้องโยนทิ้งกันอย่างเดียวเลยนะ เพราะมันก็จะถูกอ้างได้ต่อไปว่า ทีคนนั้น ทีคราวโน้น เป็นมาตรฐาณผิดๆต่อไป กลายเป็นของสกปรกที่ไม่สามารถใช้การได้อีกต่อไป
การอ้างตำแหน่งหน้าที่การงาน ฐานะทางสังคมนี่ก็สกปรกครับ
เพราะมันก็ไม่ต่างกับอ้างตำแหน่งหน้าที่การงานมาขอเอาเปรียบชาวบ้านเค้านั่นแหละ
อ้างว่ามีความรู้มากกว่าจะมาขอมีสิทธิที่มากกว่า
อ้างว่าเป็นหมอเป็นเจ้าหน้าที่ไปเอาเครื่องหมายกาชาดมาสมอ้างด้วย
อันนี้ก็สกปรกไม่เหมาะสม
อ้างว่าเป็นจิตอาสาเป็นประชาชนของพระราชานี่ก็สกปรก
เพราะเป็นการอ้างความคิดดีๆเอามาหากินที่หลายครั้งกลับไปทำชั่วให้คนเค้าจับได้ เสียหายไปทั้งองค์กรณ์ และสถาบันฯที่แอบอ้าง
อยากจะปฏิรูปไม่ให้มีการคอรัปชั่นแต่ดันใช้วิธีคอรัปชั่นตำแหน่งหน้าที่ของตัวเองกันอย่างนี้ จะไหวเร้อ
ไปบีบบังคับขู่เข็ญคนอื่นให้เห็นด้วยช่วยกันเอา”ผ้าสกปรก”เหล่านี้ไปทำความสะอาดนี่ก็เป็นอีกวิธีที่สกปรก ปิดโน่นยึดนี่ทำความเดือดร้อนไปทั่ว ปกครองกันด้วยระบอบประชาธิปไตยแต่ดันมีแนวคิดและการกระทำที่ต่อต้านประชาธิปไตยกัน
พอจะเห็นความสกปรกของพวกเดียวกันเองกันมั๊ยล่ะครับ มวลมหาประชาชน??
อีกความสกปรกนึงก็คือ ความพยายามยั่วยุให้เกิดความรุนแรงเพื่อที่จะได้มีรัฐประหาร เปิดทางให้ได้ปฏิรูปกันได้อย่างใจ จนถึงกับทำร้ายกันเองนี่ สกปรกมากกกกก
รู้สึกกันมั๊ยล่ะครับ หรือว่าเฉยๆชิลล์ๆไม่รู้สึกรู้สากันเลยว่ามีผู้ร่วมอุดมการณ์เสียชีวิตแล้ว
ความสกปรกเหล่านี้หากไม่คิดแก้ไข ก็ไม่ต่างกับผ้าขี้ริ้วสกปรกๆจะอาสามาเช็ดทำความสะอาดนั่นแหละ มันจะพาให้สกปรกเลอะเทอะไปมากกว่าเก่า จนอาจจะถึงขั้นต้องโยนทิ้งกันเลย ทีเดียว
ความตั้งใจดี หวังดีอยากจะปฏิรูปบ้านเมืองกัน มันจึงกลายเป็นความหวังดีที่น่ารังเกียจ และมีจำเป็นอย่างยิ่งที่ต้องหยุดความหวังดีนี้ไว้ก่อนจนกว่าจะแก้ไขจนแน่ใจได้ว่า
ผ้าขี้ริ้วที่จะอาสานำมาทำความสะอาดนั้นน่ะ
สะอาดจริงๆ
เพราะอาสาทำความสะอาดกันนี่ก็ไม่ใช่ฟรีๆนะครับ กระบวนการทำความสะอาดนี่ราคาแพงระยับเชียว
อย่างปิดกรุงเทพนี่ก็ประเมินกันว่าเสียหายวันละ500ล้านบาท
ตั้งแต่ต้นจนถึงทุกวันนี้ก็ไม่ต่ำกว่าสองแสนล้านบาท
จะเสียค่าทำความสะอาดกันแพงขนาดนี้
ขอคนสะอาดๆกับวิธีสะอาดๆและผ้าขี้ริ้วสะอาดๆไม่ได้เชียวหรือ?
ถ้าไม่ได้ก็ไม่ต้องดีกว่าครับ
มันไม่คุ้ม