ถ้ามองดูเผินๆ ว่าการปล่อยนกปล่อยปลา เหมือนเป็นการต่อชีวิตให้พวกเขา แต่จริงๆ แล้วมันไม่ใช่เลยนะครับ ที่จริงแล้วการปล่อยนกปล่อยปลา เป็นไปตามหลักอุปสงค์ อุปทานครับ จะยกตัวอย่างให้ดูง่ายๆ นะครับ
สมมติป้าแดง ขายปลาอยู่ที่ตลาด ปกติจะรับปลามาวันละ 100 ตัว ตอนเย็นก็ขายหมด
ต่อมามีคนนิยมซื้อปลาไปปล่อยมากขึ้น จึงรับปลามาขายวันละ 150 ตัว ขายหมดตอนเย็นเช่นกัน
เห็นอะไรมั้ยครับ
ปลา 50 ตัว ถูกจับเพื่อมาปล่อย ไม่ได้ถูกจับเพื่อมาขาย แล้วโดนปล่อยอย่างที่เข้าใจ
ยิ่งคนปล่อยปลากันมาก ปลาก็จะยิ่งถูกจับมามาก
ถ้าไม่มีความเชื่อด้านการปล่อยปลาได้บุญ ปลา 50 ตัวนั้นก็จะไม่ถูกทรมาน ไม่ถูกจับมาจากที่นึง เพื่อปล่อยอีกที่นึง กรณีปล่อยนกก็ไม่ต่างกันเลยครับ
นี่ยังไม่รวมที่ว่า ปล่อยแล้วตายเพราะเป็นปลาเลี้ยง ไม่คุ้นสถานที่ บลาๆ
แต่การทำบุญมันอยู่ที่เจตนา อยู่ที่ใจไม่ใช่เหรอ?
ประเด็นนี้เข้าใจไม่ยาก และไม่ขออธิบายนะครับ อย่าเอาคำว่า ใจ หรือ เจตนา มาเป็นข้ออ้างเพื่อความสะดวกสบายในการทำบุญของคุณเลย สำหรับผมคิดว่า การทำบุญที่ดีที่สุด คือการทำประโยชน์ให้กับสิ่งอื่นมากที่สุดครับ ไม่ว่าสิ่งนั้นจะเป็นมนุษย์ สัตว์ หรือแม้แต่โลกของเรา
ปิดไฟดวงที่ไม่ใช้ ใช้ทรัพยากรให้น้อยลง ยังได้บุญกว่าปล่อยปลาล้านตัวอีกมั้งครับ
คิดว่าการปล่อยนกปล่อยปลา เป็นการทำบุญจริงๆ เหรอครับ
สมมติป้าแดง ขายปลาอยู่ที่ตลาด ปกติจะรับปลามาวันละ 100 ตัว ตอนเย็นก็ขายหมด
ต่อมามีคนนิยมซื้อปลาไปปล่อยมากขึ้น จึงรับปลามาขายวันละ 150 ตัว ขายหมดตอนเย็นเช่นกัน
เห็นอะไรมั้ยครับ
ปลา 50 ตัว ถูกจับเพื่อมาปล่อย ไม่ได้ถูกจับเพื่อมาขาย แล้วโดนปล่อยอย่างที่เข้าใจ
ยิ่งคนปล่อยปลากันมาก ปลาก็จะยิ่งถูกจับมามาก
ถ้าไม่มีความเชื่อด้านการปล่อยปลาได้บุญ ปลา 50 ตัวนั้นก็จะไม่ถูกทรมาน ไม่ถูกจับมาจากที่นึง เพื่อปล่อยอีกที่นึง กรณีปล่อยนกก็ไม่ต่างกันเลยครับ
นี่ยังไม่รวมที่ว่า ปล่อยแล้วตายเพราะเป็นปลาเลี้ยง ไม่คุ้นสถานที่ บลาๆ
แต่การทำบุญมันอยู่ที่เจตนา อยู่ที่ใจไม่ใช่เหรอ?
ประเด็นนี้เข้าใจไม่ยาก และไม่ขออธิบายนะครับ อย่าเอาคำว่า ใจ หรือ เจตนา มาเป็นข้ออ้างเพื่อความสะดวกสบายในการทำบุญของคุณเลย สำหรับผมคิดว่า การทำบุญที่ดีที่สุด คือการทำประโยชน์ให้กับสิ่งอื่นมากที่สุดครับ ไม่ว่าสิ่งนั้นจะเป็นมนุษย์ สัตว์ หรือแม้แต่โลกของเรา
ปิดไฟดวงที่ไม่ใช้ ใช้ทรัพยากรให้น้อยลง ยังได้บุญกว่าปล่อยปลาล้านตัวอีกมั้งครับ