มันอะไรกันนักกันหนา กับแค่ไม่พับผ้าห่ม กับไม่พับเสื้อผ้าเนี่ย??


ฉันเป็นผู้หญิง ที่ไม่พับผ้าห่ม และไม่ชอบพับเสื้อผ้า แค่นี้ตัดสินว่าฉันเป็นคนสกปรกขี้เกียจ เรื่องเล็กน้อยแค่นี้ยังทำไม่ได้ อย่างนั้นรึ??


- ฉันไม่พับเสื้อผ้า แต่เสื้อผ้าฉันสะอาดทุกตัว ฉันไม่หมักผ้าสกปรกเกิน 3 วัน (ซักเสร็จแล้วก็หยิบมาใช้ใหม่)

- ฉันไม่พับผ้าห่ม แต่ฉันมีระเบียบวินัยในการรักษาความสะอาดห้องนอนเสมอ ฉันล้างเท้าทุกครั้งก่อนเข้าห้องนอน (แม้จะเดินอยู่ในบ้านเนี่ยแหล่ะ) ฉันไม่เอาตัวสกปรกไปนอนบนที่นอน จนกว่าจะอาบน้ำเปลี่ยนเป็นชุดนอน แล้วฉันก็ทำความสะอาดห้องนอนอยู่เสมอ

- แล้วมันเกี่ยวอะไรกับการสื่อว่า ทำให้เป็นคนมักง่าย? หมักหมมจานชามไม่ล้าง? ฉันกินข้าวเสร็จ กวาดเศษอาหาร แล้วล้างจานทุกครั้ง แยกประเภทขยะด้วยนะเอ้อ

- ห้องน้ำหลังใช้เสร็จ ฉันก็ดูแลความสะอาดให้เรียบร้อยทุกครั้ง ถึงแม้จะใช้อยู่คนเดียว แต่ฉันก็ไม่ปล่อยให้มีราดำขึ้นเป็นคราบ หรือเศษผมลอยฟ่องอยู่กลางพื้นห้องน้ำหลังใช้เสร็จ (แม้แต่ยาสีฟัน ฉันยังต้องบีบใช้ไล่จากตรงก้นทุกครั้ง ไม่บีบกลางหลอดให้เนื้อมันบุ๋มตรงกลาง)

- ข้าวของที่ต้องเก็บในตู้ทุกอย่าง ฉันมี skill ในการจัดเรียงมือวางอันดับ 1 ของบ้าน แม้แต่การเรียงเก็บของใน "ตู้เย็น" (แต่ตู้เสื้อผ้า ฉันขยุมๆ ผ้าแล้วยัดเก็บ) (เฉพาะเสื้อที่ไม่ได้ใช้บ่อย อย่างเช่นเสื้อกันหนาว ฉันพับเก็บใส่ถุงซิปปิดอากาศ จัดแยกเก็บเสื้อหนาว ผ้าพันคอ ถุงมือ) นี่หาว่าฉันไม่ได้เรื่องแล้วรึ?

- ไม่นับการจัดวางรองเท้า ที่ทุกกล่องจะต้องมีรูปแปะอยู่หน้ากล่องให้ดูรู้ว่าเป็นรองเท้าคู่ไหน เข็มขัดจัดแยกสี เครื่องประดับวางแยกประเภท

- ที่สำคัญเวลาฉันวางรองเท้าแตะหน้าบ้าน ถ้าไม่รีบหรืออารมณ์เสีย ฉันจัดวางรองเท้าแตะแบบหันออก พร้อมใส่เดินออกไปนอกบ้านด้วย


เพียงแค่ฉันไม่พับผ้า อย่าตีตราว่าฉันเป็นผู้หญิงสกปรก มักง่าย จบนะ?



ปล. พี่สาวมักจะบ่นเสมอว่า "ฉันไม่เข้าใจความมีระเบียบของเธอเลยจริงๆ มีระเบียบทุกอย่าง ยกเว้นเรื่องพับผ้า" (ปล. เพราะว่าบางวันที่กินขนมกันนิดๆหน่อย แต่โต๊ะกินข้าวไม่เลอะ ก็จะบอกให้พี่สาวช่วยเช็ด ไม่งั้นไม่สบายใจ พี่เลยบ่น)

เอาไว้ใช้ดูว่าควรเลือกมาเป็นศรีภรรยามั๊ย  กะอีแค่ผ้าห่มยังขี้เกียจพับ  เรื่องอื่นคงไม่ต้องพูดถึง  เรามีลูกชายจะสอนลูกว่าจะคบใครชอบใคร ต้องดูให้ดีๆ  ผู้หญิงขี้เกียจสกปรกอย่าเอามาเป็นเมียเด็ดขาด  ไม่งั้นบ้านช่องรก จานชามกองสุม  ลูกเต้ามอมแมม  คงเครียดแย่  จะรู้โดยดูจากห้องนอนผู้หญิงนี่แหละ   คบกันไปก็หมั่นสังเกตุไปด้วยค่ะ  ทำอาหารไม่เป็นยังไม่เป็นไร  ขอให้สะอาด  รู้จักเก็บกวาด  ไม่ต้องเนี๊ยบมากก็ได้      เรามีลูกชายและหลานชายก็สอนเค้าช่วยงานบ้านทุกอย่าง เช้ามาก่อนไปรร.พับผ้าห่มดึงที่นอนตึงๆและสลับกันถูบ้าน   เย็นมาช่วยเอาขยะไปทิ้ง  เสื้อผ้าถอดแล้วแยกตะกร้าผ้าสี,ผ้าขาวและชุดชั้นใน  วันหยุดช่วยทำกับข้าวและล้างจาน   เราก็หวังว่าลูกเราจะได้ภรรยาที่ดี ช่วยกันดูแลบ้านช่อง ไม่ใช่ให้ลูกเราไปตามเก็บให้เธอ  สงสารลูกค่ะ   การดูในห้องนอนสามารถบอกได้ระดับนึงค่ะ  ถ้าจะให้ละเอียดต้องดูห้องครัวและห้องน้ำด้วย  แต่ท้ายที่สุดแล้วเราไม่ใช่คนเลือก ถ้าลูกเราและเธอรักกัน ก็เป็นเรื่องของเค้า2คน ว่าจะจัดการงานในบ้านกันอย่างไร  เราคิดถึงในกรณีที่สามารถเลือกได้อ่ะค่ะ  ทีแรกเราไม่คิดจะเขียนเพราะไม่อยากเขียนอะไรยาวๆแต่เห็นหลายๆคนต่อว่ามา เลยขออธิบายนิดนึงค่ะ   ขอบคุณค่ะ

นอกจากดูเรียบร้อยแล้ว หลังจากที่เราจะมานอนครั้งต่อไป ก็ยังให้เราได้สังเกตุอะไรๆก่อนทิ้งตัวลงไปนอน เช่นแมลงต่างๆที่อาจจะมีอันตราย ที่เข้าไปซุกหรือขึ้นไปอยู่บนที่นอนครับ (ครั้งนึงผมเคยเจอ กิ้งกือตัวเท่านิ้วก้อยแอบเข้าไปอยู่ใต้หมอน)

อ่า ใครบอกว่ามันวัดอะไรไม่ได้ มันวัดได้ดีเลยนะ แน่นอนว่ามันคงไม่ได้วัดคุณค่าความเป็นคนแม่ศรีเรือนอะไร แต่มันวัดค่าความมักง่าย ไม่เรียบร้อยได้ ใครรับได้ก็รับไป แต่แน่นอนคนจำนวนนึงก็รับไม่ได้(เช่นแฟนคุณ) คุณเองก็คงไปเปลี่ยนความคิดเค้าไม่ได้ ส่วนประโยชน์ของมันหน่ะหรือ ถามว่ามีมั้ย จริงๆมันก็คงแค่เป็นระเบียบสะอาดตาถึงมันจะไม่ได้อะไรมาก แต่นั่นก็เป็นสิ่งสำคัญสำหรับหลายๆคน ต้องเข้าใจนะครับ หลายคนเค้าไม่ชอบอยู่บ้านไม่เรียบร้อย โดยเฉพาะถ้าเค้าเป็นคนเรียบร้อย ลองจินตนาการดูถ้าคุณจัดอะไรของคุณเป็นระเบียบทุกๆวัน  ทำเป็นนิสัยของคุณ นึงแฟนคุณมาใช้ด้วย (โดยเฉพาะถ้าคุณใช้เป็นคนสุดท้าย) ใช้แล้ววางเกะกะ คุณจะชอบหรือไม่ มันไม่เกี่ยวกับว่าแม่ศรีเรือนหรือไม่นะ แต่มันเป็นมารยาทในการอยู่ด้วยกัน กรณีคุณต้องถามว่าใครตื่นหลัง ถ้าเวลาแฟนคุณตื่นหลังแล้วเค้าทำ แต่พอคุณตื่นหลังแล้วไม่ทำเป็นผมผมก็หงุดหงิดนะ  ไม่ใช่เฉพาะกับแฟนหรอก กับคนอื่นก็ด้วย คนนึงทำ คนนึงมักง่าย ปัญหามันมีอยู่แล้ว

และแน่นอนผมบอกแล้วว่ามันวัดกันได้ เพราะอะไร เพราะขนาดเรื่องเล็กๆ ใช้เวลาไม่ถึงนาทียังไม่มีระเบียบใส่ใจ แสดงว่าคุณเองต้องมีนิสัยที่ไม่ละเอียด หรือละเลยในสิ่งอื่นๆด้วย แน่นอนคุณอาจเถียงว่าแต่ชั้นทำอย่างนั้นอย่างนี้นะ ชั้นซักผ้าสะอาดนะ บลาๆ แต่มันก็สะท้อนความจริงไม่ได้ว่าคุณยังละเลยอีกหลายๆอย่าง ซึ่งจริงๆหน่ะมันวัดคุณค่าคนไม่ได้ แต่บ่งบอกถึงนิสัย ความคิด บลาๆได้ครับ ซึ่งผมคงไม่ไปพูดว่ามันถูกหรือผิด หรือมันลดความดีในตัวคุณหรือไม่ เพราะคนทุกคนย่อมมีดีเสียในตัวเอง แต่ทราบไว้เลยว่าสิ่งนี้เป็นข้อเสียของคุณในสายตาของคนกลุ่มนึง(กลุ่มใหญ่ๆเลยหล่ะ) ซึ่งถ้าชีวิตนี้คุณไม่คิดจะคบค้าสมาคมกับคนกลุ่มนี้ มันก็โอเคครับ ชีวิตคุณ แต่ถ้าคุณยังต้องคบ มันก็จะเป็นสิ่งที่ทำให้ตัวคุณดูแย่ลง ส่วนคุณจะปรับตัวหรือไม่มันก็สิทธิของคุณ แต่ก็ต้องยอมรับว่าเป็นสิทธิของแฟนคุณเช่นกันว่าจะมองพฤติกรรมอย่างนี้บวกหรือลบ(ซึ่งผมไม่คิดว่ามีใครมองบวก)

ส่วนตัวผมว่าผมค่อนข้างมีระเบียบ ผมเข้าใจแฟนคุณ มันคือนิสัย ความชอบ ส่วนตัวของคน บ้านเราจัดมามีระเบียบๆ วันนึงถ้ามีคนมักง่ายหยิบจับของออกจากที่ไม่เก็บไม่ล้าง เราต้องมาตามทำให้อย่างเดียวเป็นผมผมก็เซ็ง และผมจะไม่หาภรรยาประเภทนี้เป็นอันขาด แน่นอนว่าผมไม่เคยหวังว่าผู้หญิงสมัยนี้จะต้องเป็นแม่ศรีเรือน ทำงานบ้านทุกอย่าง เพราะทุกวันนี้บ้านผมก็ทำงานบ้านเอง แต่อย่างน้อย ถ้าบ้านมันเรียบร้อยก็ต้องช่วยกันทำให้เรียบร้อยเหมือนเดิม ไม่ใช้ทำให้รกขึ้นแล้วไม่คิดจะจัดการ  ความจริงคำว่าเรียบร้อยมันไม่ได้มีประโยชน์อย่างเป็นรูปธรรมอยู่แล้ว แต่มันทำให้คนภายนอกรู้และเห็นถึงนิสัย ความักง่ายของคน (ซึ่งอาจจะจริงหรือไม่จริงก็ได้แต่มันสื่อไปได้) ผมสมมุติง่ายๆ ความจริงคุณไม่ต้องแต่งหน้า ทำผม ใส่เสื้อรีดเรียบร้อย แต่งตัวสุภาพ ไปทำงานก็ได้นะ เครื่องสำอางจะซื้อไปทำไม รองเท้า กระเป๋าที่จะใส่ไปทำงานจะมีทำไมหลายคู่ เพราะมันไม่ได้ทำให้คุณทำงานเก่งขึ้น มันไม่ได้มีประโยชน์อะไรเลย ซึ่งแน่นอนถ้าคุณอยู่คนเดียว ตลอดเวลา ผมเชื่อว่าคนจำนวนมากทำแบบนั้นเวลาอยู่บ้านคนเดียว แต่ในโลกเแห่งความเป็นจริง เมื่อคุณต้องออกมาเจอคนอื่นถ้าคุณทำงานกับคนหมู่มาก คุณกล้าทำมั้ย สุดท้ายมันก็ลงที่ความชอบส่วนตัว และมารยาททางสังคมล้วนๆ ถ้าคุณนอนคนเดียว จะพับหรือไม่ก็คงเป็นเรื่องของคุณ แต่ถ้าคุณอยู่กับแฟนคุณก็คงต้องปรับ คิดเอาเองว่าจะยอมทำบ้านให้เรียบร้อยตามเค้า หรืออยากให้เค้ายอมรับบ้านที่รกตามคุณ

สุดท้ายจริงของคณ ใครมี "ใครเชื่อใครชอบแบบไหนก็ทำแบบที่ตัวเองเห็นว่าดี อย่าตัดสินคนอื่นเพียงแค่การกระทำอย่างใด" มันก็จริงครับ สำหรับการคบคนทั่วไปผิวเผิน แต่ถ้าจะคบเอาเป็นคู่ชีวิต ผมว่าถ้าทรรศนคติต่างกันเกินไปมันก็คงไปไม่รอด แน่นอนคงไม่มีใครตัดสินการคบกันแค่พับหรือไม่พับผ้าห่ม แต่มันคือฟางเส้นนึงในการตัดสิน ไม่แน่อาจเป็นฟางเส้นสุดท้ายด้วย