ท่านที่เคารพรักครับ ฟุตเทจสุดท้ายของหนัง โดนตัดต่อเสร็จเรียบร้อยแล้ว ด้วยมือผู้กำกับคนล่าสุด
ทำไมผู้น้อยจึงใช้คำว่า " คนล่าสุด " ก็เพราะหนังเรื่องนี้ มีผู้กำกับสองคน
คนแรกเป็นสตรี ส่วนคนที่สองเป็นบุรุษ
ผู้กำกับคนล่าสุดที่เป็นบุรุษนี้ มีส่วนสัด ปฏิภาณล้ำเลิศที่เหมาะกับการฝึกวิชาบู๊ มีกำลังภายในสูงกว่า ผู้กำกับคนที่เป็นสตรี
พูดตามสำนวนท่านอึ้งเอ็งนักเขียนกำลังภายในผู้เขียนเรื่อง " กระบี่ไร้เทียมทาน " ก็ต้องพูดว่า ผู้กำกับคนนี้มีกำลังภายในระดับขั้นที่ 9
นั่นคือระดับ ไร้เทียมทาน !
สำหรับท่านที่เคยดูหนังกำลังภายใน ย่อมจะคุ้นเคยกับคำพูดของเทพเมฆาอัคคี คำพูดนี้ที่ว่า
" วรยุทธ์ใต้หล้า ตัดสินแพ้ชนะวัดกันที่ความเร็ว "
สำหรับความรวดเร็วของท่าร่างท่านนี้ แทบจะไม่ต้องบรรยาย บนแผ่นดินนี้ จะหาผู้ที่ต้านทานหรือต่อกรได้ยากมาก
หากเทียบความเร็วของฝ่ามือ อาจจะเปรียบเทียบได้ว่า เร็วปาน F 16 ท่านว่าความรวดเร็วอย่างนี้ มีใครสามารถขัดขืนได้หรือไม่ ?
เล่าลือกันในยุทธจักรว่า เจียงกุน ( แม่ทัพ ) ถึงกับปากคอสั่น ตัวอ่อน ขาอ่อนปานดินเหลวก้อนหนึ่งฉี่แทบแตกราดรดเป้ากางเกง เมื่อเจอกระบวนท่ารุกประชิดตัว
และเมื่อผู้กำกับท่านนี้ยอมออกหน้ามาตัดต่อเองอย่างนี้ หนังก็มีแนวโน้มที่จะจบแบบ ธรรมะชนะ อธรรม
และตามธรรมเนียมการตั้งชื่อหนังของสารขัณฑ์ มักจะมีคำที่ติดหูติดตาประดาคอหนังอยู่บ้าง เพื่อให้เป็นที่โดดเด่นและส่อแสดงไปถึงภาพลักษณ์ดาราผู้นำแสดงแต่ละคน
เช่น อาโนลด์ ก็ต้องมีชื่อว่า คนเหล็ก นอกนั้นจะเป็นอะไรตามหลังก็ได้ แต่ขอให้มีคำว่า คนเหล็ก
ส่วนคีนู รีฟ ก็ต้องมีคำว่า เร็ว หรือคำว่า นรก ในชื่อหนัง
สำหรับหนังเฉินหลงแล้ว ต้องมีคำว่า ฟัด เรื่องไหนๆเฉินหลงก็ต้อง ฟัด ( ฮา )
ย้อนกลับมาที่หนังเรื่องนี้ดารานำแสดงที่ชื่อเทพ ผู้มีบุคลิก หน้ากร้อ คอสั้น ตาพอง แขนคอก รวมไปถึงแก๊งค์ทั้งหลาย คำที่เหมาะสมกับพวกประดานี้น่าจะเป็นคำว่า เอี๊ยะ หนังถึงจะขายดี ชื่อหนังก็น่าจะออกมาแนวๆ
" เอี๊ยะชัตดาวน์กรุงเทพฯ " หรืย " เอี๊ยะปิดห้าแพร่ง " หรือ หรือไม่ก็ชื่อว่า " เอี๊ยะพังป้ายตำรวจ "
คนดู พอดูหนังจบ เดินออกมาจากโรงหนัง ก็ต้องรำพึงว่า
" เออ มันเอี๊ยะสมชื่อจริงๆ " ( ฮา )
ยิ่งลักษณ์ ยิ้มเย้ยยุทธจักร ตอน วรยุทธ์ใต้หล้า ตัดสินแพ้ชนะ วัดกันที่ความเร็ว
ทำไมผู้น้อยจึงใช้คำว่า " คนล่าสุด " ก็เพราะหนังเรื่องนี้ มีผู้กำกับสองคน
คนแรกเป็นสตรี ส่วนคนที่สองเป็นบุรุษ
ผู้กำกับคนล่าสุดที่เป็นบุรุษนี้ มีส่วนสัด ปฏิภาณล้ำเลิศที่เหมาะกับการฝึกวิชาบู๊ มีกำลังภายในสูงกว่า ผู้กำกับคนที่เป็นสตรี
พูดตามสำนวนท่านอึ้งเอ็งนักเขียนกำลังภายในผู้เขียนเรื่อง " กระบี่ไร้เทียมทาน " ก็ต้องพูดว่า ผู้กำกับคนนี้มีกำลังภายในระดับขั้นที่ 9
นั่นคือระดับ ไร้เทียมทาน !
สำหรับท่านที่เคยดูหนังกำลังภายใน ย่อมจะคุ้นเคยกับคำพูดของเทพเมฆาอัคคี คำพูดนี้ที่ว่า
" วรยุทธ์ใต้หล้า ตัดสินแพ้ชนะวัดกันที่ความเร็ว "
สำหรับความรวดเร็วของท่าร่างท่านนี้ แทบจะไม่ต้องบรรยาย บนแผ่นดินนี้ จะหาผู้ที่ต้านทานหรือต่อกรได้ยากมาก
หากเทียบความเร็วของฝ่ามือ อาจจะเปรียบเทียบได้ว่า เร็วปาน F 16 ท่านว่าความรวดเร็วอย่างนี้ มีใครสามารถขัดขืนได้หรือไม่ ?
เล่าลือกันในยุทธจักรว่า เจียงกุน ( แม่ทัพ ) ถึงกับปากคอสั่น ตัวอ่อน ขาอ่อนปานดินเหลวก้อนหนึ่งฉี่แทบแตกราดรดเป้ากางเกง เมื่อเจอกระบวนท่ารุกประชิดตัว
และเมื่อผู้กำกับท่านนี้ยอมออกหน้ามาตัดต่อเองอย่างนี้ หนังก็มีแนวโน้มที่จะจบแบบ ธรรมะชนะ อธรรม
และตามธรรมเนียมการตั้งชื่อหนังของสารขัณฑ์ มักจะมีคำที่ติดหูติดตาประดาคอหนังอยู่บ้าง เพื่อให้เป็นที่โดดเด่นและส่อแสดงไปถึงภาพลักษณ์ดาราผู้นำแสดงแต่ละคน
เช่น อาโนลด์ ก็ต้องมีชื่อว่า คนเหล็ก นอกนั้นจะเป็นอะไรตามหลังก็ได้ แต่ขอให้มีคำว่า คนเหล็ก
ส่วนคีนู รีฟ ก็ต้องมีคำว่า เร็ว หรือคำว่า นรก ในชื่อหนัง
สำหรับหนังเฉินหลงแล้ว ต้องมีคำว่า ฟัด เรื่องไหนๆเฉินหลงก็ต้อง ฟัด ( ฮา )
ย้อนกลับมาที่หนังเรื่องนี้ดารานำแสดงที่ชื่อเทพ ผู้มีบุคลิก หน้ากร้อ คอสั้น ตาพอง แขนคอก รวมไปถึงแก๊งค์ทั้งหลาย คำที่เหมาะสมกับพวกประดานี้น่าจะเป็นคำว่า เอี๊ยะ หนังถึงจะขายดี ชื่อหนังก็น่าจะออกมาแนวๆ
" เอี๊ยะชัตดาวน์กรุงเทพฯ " หรืย " เอี๊ยะปิดห้าแพร่ง " หรือ หรือไม่ก็ชื่อว่า " เอี๊ยะพังป้ายตำรวจ "
คนดู พอดูหนังจบ เดินออกมาจากโรงหนัง ก็ต้องรำพึงว่า
" เออ มันเอี๊ยะสมชื่อจริงๆ " ( ฮา )