ขั้นตอนการขอวีซ่าท่องเที่ยว (B2) ของ USA
ก่อนอื่นต้องขอบอกก่อนเลยว่าเหตุเกิดจาก อยากไปUSAช่วงปิดเทอม
แต่ไม่อยากไปWAT เพราะเคยโดน อเจนซี่ชื่อดังหลอกเอาตังมาแล้วค่ะ
เรื่อง อเจนซี่ไหน หลังไมค์มาได้เลยค่ะ H..
จากนั้น จึงศึกษาหาข้อมูลในเว็บ
และอ่านจากกระทู้ใน Pantip
ซึ่งต้องขอขอบคุณพี่qเพื่อนๆที่มาแบ่งปันความรู้นะค่ะ
และได้ทำตาม ขั้นตอนต่างๆตามนั้น
ตั้งใจว่าถ้าทำสำเร็จจะมาเขียนแชร์ประสบการณ์ของตัวเองให้ฟังกันบ้าง
ซึ่งทุกอย่างเป็นประสบการณ์ตรงจริงๆ ตามนี้เลยคะ
Chapter 1 Passport / หนังสือเดินทาง
1.สำหรับคนที่ยังไม่มีpassport ให้ไปทำเลยค่ะ ที่สถานกงศุล
2.สำหรับคนที่มีอยู่แล้วให้ เช็คว่า หมดอายุภายใน 6 เดือนหรือไม่ ถ้าหมด แนะนำให้ไปทำเล่มใหม่ค่ะ
จะได้ไม่มีปัญหาในการขอวีซ่า
Chapter 2 DS-160
1.DS-160 คือ แบบฟอร์ม application online ของทาง USA
ซึ่งผู้ที่จะขอวีซ่า ทุกประเภท และผู้ขอจากนานาประเทศ เข้ามากรอกข้อมูล
เรียกได้ว่าเป็นจุดเริ่มต้น
โดยเราจะต้องกรอกข้อมูลที่เป็นความจริง และห้ามผิดเด็ดขาด
ย้ำเลยนะค่ะ ห้ามผิดเด็ดขาดเพราะจะมีผลต่อการขอวีซ่าค่ะ
2. DS-160 จะต้องกรอกข้อมูลเป็นภาษาอังกฤษและแต่ละ part
และต้องกรอกเสร็จ ภายใน 25นาที ไม่งั้นจะ refresh ตัวเอง
แนะนำให้ กรอกแล้ว save เรื่ิอยๆ
3.DS-160 จะต้องกรอกข้อมูลทีละ part ข้ามไปมาไม่ได้
เริ่มจาก ข้อมูลเกี่ยวกับตัวเรา ชื่อ นามสกุล บ้าน จังหวัดที่เกิด เป็นต้น
เมื่อเสร็จจึงกรอก part ต่อไป ซึ่งมีทั้งหมด 8 parts
หากบางข้อมูลไม่แน่ใจ สามารถ save แล้วกลับมากรอกใหม่ภายหลังได้ค่ะ
Link
https://ceac.state.gov/genniv/
เลือก start an application เลยค่ะ
4. จด application no. ไว้นะค่ะ เวลากรอกใหม่ จะต้องใช้ เหมือนกับเป็น user name ค่ะ
เมื่อกรอกเสร็จ จะมีการให้ Review ค่ะ ตรวจสอบความถูกต้อง และแก้ไขค่ะ
เมื่อมั่นใจว่าถูกต้องครบถ้วนดีแล้ว กด Confirm เพื่อพิมพ์ ใบ Confirmation ออกมา
5.เก็บไว้ให้ดีเลยนะค่ะ ต้องใช้วันสัมภาษณ์
6. อย่าลืมถ่ายรูป ทำวีซ่า อเมริกา นะค่ะ แล้วอัพโหลดด้วย และ นำไปวันสัมภาษณ์ด้วยจ้า
เพิ่มเติมนิดนึง การกรอกDS -160 มีหลายคนกังวลว่ายาก เลยหาคนที่รับกรอกซึ่ง มีนะค่ะ
ผู้รับกรอก แถวหลังการบินไทยอ่ะค่ะ ค่ากรอกก็คนละ 400-500 บาท แต่ไม่จำเป็นค่ะ ไม่ได้ยากขนาดนั้น
คือ ตอนแรกก็คิดอยากจะจ้างเหมือนกัน แต่พอมาทำเองแล้วไม่มีอะไรยากเลย
กรอกให้คุณพ่อคุณแม่อีกต่างหาก และตอนกรอกเสร็จก็มีถามว่าคุณกรอกเองหรือป่าว
ถ้ามีคนช่วยให้ใส่ชื่อคนที่ช่วยคุณกรอก
คือเราคิดเอาเองว่า ถ้าเรากรอกเองมันจะดูตรงไปตรงมากว่านะ
เพราะให้คนอื่นช่วยกรอกเรารู้สึกว่าเหมือนคนอื่นพยายามช่วยเราเข้าประเทศไรงี้
Chapter 3 ซื้อ PIN และ นัดวันสัมภาษณ์
PIN คือรหัสที่ใช้สำหรับเข้าไปนัดวันสัมภาษณ์ มี 2แบบ
ซื้อ PIN
1.ซื้อจากไปรษณีย์ (เราใช้วิธีนี้ค่ะ)
บอกเค้าว่ามาซื้อพิน ราคาประมาน 300-400 บาท
1 พิน ใช้กับครอบครัวที่มีชื่ออยู่ในทะเบียนบ้านเดียวกัน และนามสกุลเดียวกัน
ครอบครัวเดียวกันแต่คนละทะเบียนบ้าน ต้องซื้อ 2 พินค่ะ จะได้ใบเสร็จและใบ
คำแนะนำการใช้มา อ่านและศึกษาดูไม่ยากค่ะ
2.ซื้อผ่านบัตรเครดิต ใช้ได้ทันที สำหรับผู้ขอวีซ่าเร่งด่วนที่ต้องการความไว
เมื่อทำการกรอกรหัส และข้อมูลต่างๆตามคำแนะนำก็เลือกวันสัมภาษณ์
บางกระทู้บอกว่า ส่วนใหญ่วันไม่ค่อยว่าง เราก็กังวลเหมือนกันค่ะ กลัวไม่ได้วัน
เพราะรหัส pin มีอายุ 3 เดือนนับจากวันเปิดใช้ แต่ปรากฏ ว่างค่ะ เลือกได้ทั้งเดือน
คือช่วงนั้นเรา เข้ามาเลือกช่วงปลายธันวา สัมภาษณ์ มกรา เลยว่างมากๆ
พอเลือกวันสำเร็จแล้ว
-พิมพ์ใบนัดออกมาเพื่อเป็นหลักฐาน
-ไปชำระเงินที่ไปรษณีย์ คนละ 5,xxx บาท
-รอวันสัมภาษณ์ และเตรียมเอกสารให้พร้อม
Chapter 4 วันสัมภาษณ์
เอกสารCheck list ต้องครบ
- ใบ DS-160 Confirmation
- ใบนัดวันสัมภาษณ์
- Passport ทุกเล่มที่มีมาตั้งแต่เกิด
- บัตรประชาชน
- สำเนาทะเบียนบ้าน
- หลักฐานการเปลี่ยนชื่อ กรณี เคยเปลี่ยนชื่อ
- ใบรับรองการเป็นนักศึกษา และผลการเรียน กรณีเป็นนักศึกษา
- ใบรับรองการทำงาน ระบุตำแหน่ง และ เงินเดือน
- Statement บัญชีย้อนหลัง 6 เดือน ขอจากธนาคาร
- รูปถ่าย เพื่อทำวีซ่า 2 ใบ
- อื่นๆ ที่จำเป็น และสำเนาที่สำคัญ
แนะนำให้ไปถึงก่อนเวลานัด 45 นาที กำลังพอดี
เพราะ ไปก่อนเป็นชั่วโมง ยืนต่อคิวได้หน้าๆ ก็ไม่มีผลได้เข้าเร็ว
จะมีเจ้าหน้าที่มาประกาศ ตามเวลานัด ดูจากในใบนัด
กรณีครอบครัวเดียวกัน คนละพิน คนละทะเบียนบ้าน คนละเวลานัด
แจ้งเจ้าหน้าที่ตอนรอแถวค่ะ เค้าจะให้มายืนด้วยกัน เข้าไปด้วยกัน สัมภาษณ์พร้อมกัน
ไปถึงสถานทูต จะเห็น คนยืนรอคิวแถวยาว ไม่ต้องกลัวค่ะ หากได้ แถวปลายๆ
จะมีเจ้าหน้าที่คอยประกาศเรียก คอยฟังละกันนะค่ะว่าถึงเวลาของเราหรือยัง
ถ้าถึงก็เดินออกไปตั้งแถวตรงที่เจ้าหน้าที่บอกค่ะ
พอเข้าไปจะต้องฝากพวก มือถือ ipod ipad laptop ต่างๆกับเจ้าหน้าที่
เสร็จตรวจความครบของเอกสาร เข้าไปในห้องรอคิวสัมภาษณ์
ระหว่างรอคิวสามารถออกมาซื้อกาแฟได้ค่ะ ในสถานทูตมีร้านกาแฟดอยช้างอยู่
สัมภาษณ์ครอบครัวเดียวกันสัมภาษณ์พร้อมกันเลยค่ะ เราสัมภาษณ์พร้อมคุณพ่อและคุณแม่
เลยไม่มีปัญหาอะไร โดนถามว่า เรียนอยู่ปีไหน อายุเท่าไร ดูเอกสารนิดๆหน่อยๆ
แล้วก็เลือกเอกสารที่สำคัญเก็บไป เสร็จรู้ผลทันทีตอนนั้นเลยค่ะ
Passport ไม่ได้คืน .... คือผ่านค่ะ เย้
ออกมาก็ซื้อซองไปรษณีย์จ่าหน้าถึงที่อยู่ตัวเอง จ่ายค่า EMS เป็นอันเสร็จพิธี
คราวนี้ก็ รอ รอ รอ Passport ส่งมาที่บ้าน ....
ได้วีซ่า 10 ปี ค่ะ ดีใจมากมาย เพราะตัดสินใจทำเองทุกขั้นตอน
How to...ขั้นตอนการขอวีซ่า USA B2 ทำเองไม่ยากอย่างที่คิด
ก่อนอื่นต้องขอบอกก่อนเลยว่าเหตุเกิดจาก อยากไปUSAช่วงปิดเทอม
แต่ไม่อยากไปWAT เพราะเคยโดน อเจนซี่ชื่อดังหลอกเอาตังมาแล้วค่ะ
เรื่อง อเจนซี่ไหน หลังไมค์มาได้เลยค่ะ H..
จากนั้น จึงศึกษาหาข้อมูลในเว็บ และอ่านจากกระทู้ใน Pantip
ซึ่งต้องขอขอบคุณพี่qเพื่อนๆที่มาแบ่งปันความรู้นะค่ะ
และได้ทำตาม ขั้นตอนต่างๆตามนั้น
ตั้งใจว่าถ้าทำสำเร็จจะมาเขียนแชร์ประสบการณ์ของตัวเองให้ฟังกันบ้าง
ซึ่งทุกอย่างเป็นประสบการณ์ตรงจริงๆ ตามนี้เลยคะ
Chapter 1 Passport / หนังสือเดินทาง
1.สำหรับคนที่ยังไม่มีpassport ให้ไปทำเลยค่ะ ที่สถานกงศุล
2.สำหรับคนที่มีอยู่แล้วให้ เช็คว่า หมดอายุภายใน 6 เดือนหรือไม่ ถ้าหมด แนะนำให้ไปทำเล่มใหม่ค่ะ
จะได้ไม่มีปัญหาในการขอวีซ่า
Chapter 2 DS-160
1.DS-160 คือ แบบฟอร์ม application online ของทาง USA
ซึ่งผู้ที่จะขอวีซ่า ทุกประเภท และผู้ขอจากนานาประเทศ เข้ามากรอกข้อมูล
เรียกได้ว่าเป็นจุดเริ่มต้น
โดยเราจะต้องกรอกข้อมูลที่เป็นความจริง และห้ามผิดเด็ดขาด
ย้ำเลยนะค่ะ ห้ามผิดเด็ดขาดเพราะจะมีผลต่อการขอวีซ่าค่ะ
2. DS-160 จะต้องกรอกข้อมูลเป็นภาษาอังกฤษและแต่ละ part
และต้องกรอกเสร็จ ภายใน 25นาที ไม่งั้นจะ refresh ตัวเอง
แนะนำให้ กรอกแล้ว save เรื่ิอยๆ
3.DS-160 จะต้องกรอกข้อมูลทีละ part ข้ามไปมาไม่ได้
เริ่มจาก ข้อมูลเกี่ยวกับตัวเรา ชื่อ นามสกุล บ้าน จังหวัดที่เกิด เป็นต้น
เมื่อเสร็จจึงกรอก part ต่อไป ซึ่งมีทั้งหมด 8 parts
หากบางข้อมูลไม่แน่ใจ สามารถ save แล้วกลับมากรอกใหม่ภายหลังได้ค่ะ
Link https://ceac.state.gov/genniv/
เลือก start an application เลยค่ะ
4. จด application no. ไว้นะค่ะ เวลากรอกใหม่ จะต้องใช้ เหมือนกับเป็น user name ค่ะ
เมื่อกรอกเสร็จ จะมีการให้ Review ค่ะ ตรวจสอบความถูกต้อง และแก้ไขค่ะ
เมื่อมั่นใจว่าถูกต้องครบถ้วนดีแล้ว กด Confirm เพื่อพิมพ์ ใบ Confirmation ออกมา
5.เก็บไว้ให้ดีเลยนะค่ะ ต้องใช้วันสัมภาษณ์
6. อย่าลืมถ่ายรูป ทำวีซ่า อเมริกา นะค่ะ แล้วอัพโหลดด้วย และ นำไปวันสัมภาษณ์ด้วยจ้า
เพิ่มเติมนิดนึง การกรอกDS -160 มีหลายคนกังวลว่ายาก เลยหาคนที่รับกรอกซึ่ง มีนะค่ะ
ผู้รับกรอก แถวหลังการบินไทยอ่ะค่ะ ค่ากรอกก็คนละ 400-500 บาท แต่ไม่จำเป็นค่ะ ไม่ได้ยากขนาดนั้น
คือ ตอนแรกก็คิดอยากจะจ้างเหมือนกัน แต่พอมาทำเองแล้วไม่มีอะไรยากเลย
กรอกให้คุณพ่อคุณแม่อีกต่างหาก และตอนกรอกเสร็จก็มีถามว่าคุณกรอกเองหรือป่าว
ถ้ามีคนช่วยให้ใส่ชื่อคนที่ช่วยคุณกรอก
คือเราคิดเอาเองว่า ถ้าเรากรอกเองมันจะดูตรงไปตรงมากว่านะ
เพราะให้คนอื่นช่วยกรอกเรารู้สึกว่าเหมือนคนอื่นพยายามช่วยเราเข้าประเทศไรงี้
Chapter 3 ซื้อ PIN และ นัดวันสัมภาษณ์
PIN คือรหัสที่ใช้สำหรับเข้าไปนัดวันสัมภาษณ์ มี 2แบบ
ซื้อ PIN
1.ซื้อจากไปรษณีย์ (เราใช้วิธีนี้ค่ะ)
บอกเค้าว่ามาซื้อพิน ราคาประมาน 300-400 บาท
1 พิน ใช้กับครอบครัวที่มีชื่ออยู่ในทะเบียนบ้านเดียวกัน และนามสกุลเดียวกัน
ครอบครัวเดียวกันแต่คนละทะเบียนบ้าน ต้องซื้อ 2 พินค่ะ จะได้ใบเสร็จและใบ
คำแนะนำการใช้มา อ่านและศึกษาดูไม่ยากค่ะ
2.ซื้อผ่านบัตรเครดิต ใช้ได้ทันที สำหรับผู้ขอวีซ่าเร่งด่วนที่ต้องการความไว
เมื่อทำการกรอกรหัส และข้อมูลต่างๆตามคำแนะนำก็เลือกวันสัมภาษณ์
บางกระทู้บอกว่า ส่วนใหญ่วันไม่ค่อยว่าง เราก็กังวลเหมือนกันค่ะ กลัวไม่ได้วัน
เพราะรหัส pin มีอายุ 3 เดือนนับจากวันเปิดใช้ แต่ปรากฏ ว่างค่ะ เลือกได้ทั้งเดือน
คือช่วงนั้นเรา เข้ามาเลือกช่วงปลายธันวา สัมภาษณ์ มกรา เลยว่างมากๆ
พอเลือกวันสำเร็จแล้ว
-พิมพ์ใบนัดออกมาเพื่อเป็นหลักฐาน
-ไปชำระเงินที่ไปรษณีย์ คนละ 5,xxx บาท
-รอวันสัมภาษณ์ และเตรียมเอกสารให้พร้อม
Chapter 4 วันสัมภาษณ์
เอกสารCheck list ต้องครบ
- ใบ DS-160 Confirmation
- ใบนัดวันสัมภาษณ์
- Passport ทุกเล่มที่มีมาตั้งแต่เกิด
- บัตรประชาชน
- สำเนาทะเบียนบ้าน
- หลักฐานการเปลี่ยนชื่อ กรณี เคยเปลี่ยนชื่อ
- ใบรับรองการเป็นนักศึกษา และผลการเรียน กรณีเป็นนักศึกษา
- ใบรับรองการทำงาน ระบุตำแหน่ง และ เงินเดือน
- Statement บัญชีย้อนหลัง 6 เดือน ขอจากธนาคาร
- รูปถ่าย เพื่อทำวีซ่า 2 ใบ
- อื่นๆ ที่จำเป็น และสำเนาที่สำคัญ
แนะนำให้ไปถึงก่อนเวลานัด 45 นาที กำลังพอดี
เพราะ ไปก่อนเป็นชั่วโมง ยืนต่อคิวได้หน้าๆ ก็ไม่มีผลได้เข้าเร็ว
จะมีเจ้าหน้าที่มาประกาศ ตามเวลานัด ดูจากในใบนัด
กรณีครอบครัวเดียวกัน คนละพิน คนละทะเบียนบ้าน คนละเวลานัด
แจ้งเจ้าหน้าที่ตอนรอแถวค่ะ เค้าจะให้มายืนด้วยกัน เข้าไปด้วยกัน สัมภาษณ์พร้อมกัน
ไปถึงสถานทูต จะเห็น คนยืนรอคิวแถวยาว ไม่ต้องกลัวค่ะ หากได้ แถวปลายๆ
จะมีเจ้าหน้าที่คอยประกาศเรียก คอยฟังละกันนะค่ะว่าถึงเวลาของเราหรือยัง
ถ้าถึงก็เดินออกไปตั้งแถวตรงที่เจ้าหน้าที่บอกค่ะ
พอเข้าไปจะต้องฝากพวก มือถือ ipod ipad laptop ต่างๆกับเจ้าหน้าที่
เสร็จตรวจความครบของเอกสาร เข้าไปในห้องรอคิวสัมภาษณ์
ระหว่างรอคิวสามารถออกมาซื้อกาแฟได้ค่ะ ในสถานทูตมีร้านกาแฟดอยช้างอยู่
สัมภาษณ์ครอบครัวเดียวกันสัมภาษณ์พร้อมกันเลยค่ะ เราสัมภาษณ์พร้อมคุณพ่อและคุณแม่
เลยไม่มีปัญหาอะไร โดนถามว่า เรียนอยู่ปีไหน อายุเท่าไร ดูเอกสารนิดๆหน่อยๆ
แล้วก็เลือกเอกสารที่สำคัญเก็บไป เสร็จรู้ผลทันทีตอนนั้นเลยค่ะ
Passport ไม่ได้คืน .... คือผ่านค่ะ เย้
ออกมาก็ซื้อซองไปรษณีย์จ่าหน้าถึงที่อยู่ตัวเอง จ่ายค่า EMS เป็นอันเสร็จพิธี
คราวนี้ก็ รอ รอ รอ Passport ส่งมาที่บ้าน ....
ได้วีซ่า 10 ปี ค่ะ ดีใจมากมาย เพราะตัดสินใจทำเองทุกขั้นตอน