รบกวนปรึษาผู้รู้หน่อยได้มั้ยคะ เรื่องมีอยู่ว่า
คุณพ่อเคยตรวจรักษาอยู่ที่ร.พ. 1 คุณหมอบอกว่า คุณพ่อเป็นต้อกระจกและเป็นเบาหวานขึ้นตาด้วยค่ะ สามารถรักษาได้ด้วยการผ่าต่อกระจก และอาการเบาหวานฉีดยาที่ตา เดี๋ยวก็หาย ทั้งสองอย่างนี้ ไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง แต่ด้วยค่าผ่าตัดของร.พ.ที่ 1 ค่อนข้างสูง จึงพาคุณพ่อไปผ่าตัดที่ร.พ. 2 ซึ่งไว้ใจว่าทีมแพทย์เก่งมากเหมือนกัน แต่ค่าใช้จ่ายไม่แพงเท่าที่ 1 ค่ะ
จากนั้นก็พาคุณพ่อไปตรวจดูอาการ คุณหมอที่ 2 ก็นัดผ่าตัดต่อกระจกค่ะ หลังจากผ่า พอครบกำหนดก็ไปพบคุณหมอตามนัด คุณหมอให้ยาหยอดตามาหยอดค่ะ แต่หยอดแล้วคุณพ่อตาบวม รู้สึกผิดปกติจึงกลับไปหาคุณหมอใหม่ คุณหมอบอกวาแพ้น้ำตาเทียม แล้วเปลี่ยนน้ำตาเทียมตัวใหม่ให้ หยอดไปตาก็บวมอีกค่ะ รู้สึกแปลกๆจึงกลับไปหาคุณหมอที่ร.พ. 1
คุณหมอบอกว่าคุณพ่อมีเลือดออกในตา จึงทำให้เลือดคลั่งแล้วมองเห็นภาพไม่ชัด ถ้ามาหาหมอช้ากว่านี้ มีสิทธิ์ที่จะตาบอดได้ เราตกใจมาก ถามคุณหมอว่ารักษาทันไหม จะกลับมามองชัดเหมือนเดิมมั้ย คุณหมอบอกว่าต้องตรวจดูใกล้ชิด ถ้ายังมีเลือดออกจะฉีดยาไม่ได้ค่ะ
อ้อ... คุณหมอบอกว่า ไม่ได้แพ้น้ำตาเทียมค่ะ คือมีเลือดออก ตาถึงบวม ไม่ใช่บวมเพราะน้ำตาเทียมค่ะ
เรารู้สึกเสียใจมาก ที่พาคุณพ่อย้ายไปร.พ. ที่ 2 ตอนนี้ท่านมองอะไรเป็นภาพคด ไม่ตรง แย่กว่าตอนที่ยังไม่ผ่า ข้างที่ยังไม่ผ่า กลับมองชัดกว่า แต่คุณพ่อเป็นต้อกระจกทั้ง 2 ข้าง เราแปลกใจตรงที่ เราพาคุณพ่อไปพบคุณพ่อใกล้ชิดตลอดเวลา ทำไมคุณหมอที่ 2 ไม่ทราบว่าคุณพ่อตามีเลือดออก แถมจะนัดผ่าตาอีกข้างอย่างเดียวเลย เราได้ถามคุณหมอไปว่า แล้วเบาหวานในตาละค่ะ ต้องรักษายังไง อาการคุณพ่อเป็นไงบ้าง เพราะเราทราบจากคุณหมอท่านแรกว่าคุณพ่อต้องฉีดยา จึงได้สอบถามการรักษาจากคุณหมอท่านที่ 2 ไป คุณหมอตอบว่า ไม่มีอะไรน่าห่วงครับ ไม่ต้องทำอะไร แล้วโฟกัสไปที่เรื่องนัดผ่าต้อกระจกอีกข้างอย่างเดียวเลย
กลับไปที่คุณหมอร.พ. ที่ 1 เราได้พบคุณหมออีกท่านเพื่อสอบถาม จากนั้นคุณหมอส่งเคสคุณพ่อกลับไปที่คุณหมอท่านเดิมที่ร.พ. เดียวกัน คุณหมอแจ้งว่า คุณพ่อเป็นคนไข้คุณหมอท่านนั้น ก็เลยส่งไปรักษาต่อเนื่อง แต่จากการที่ได้คุยกับคุณหมอทั้ง 2 ท่านที่ ร.พ. ที่ 1 คุณหมอยืนยันว่า คุณพ่อไม่ได้แพ้น้ำตาเทียม แต่เพราะมีเลือดออกในตา จึงทำให้ตาบวมอ่ะค่ะ
ตอนนี้ก็ยังทำการรักษาอยู่อาการก็ดีขึ้นเรื่อยๆนะคะ คุณพ่อมองเห็นดีขึ้น แต่ยังไม่ชัด และภาพก็ยังคด ไม่ตรงอยู่อ่ะค่ะ
แบบนี้ เรียกว่าคุณหมอร.พ. ที่ สองวินิจฉัยผิดพลาดมั้ยคะ ถ้าเราไม่รู้สึกแปลกใจ และรักษากับเค้าต่อไป เชื่อว่าแพ้น้ำตาเทียม คุณพ่อคงมีสิทธิ์ที่จะตาบอดแน่ เพราะไม่ทราบว่ามีเลือดออกในตา อยากบอกว่าตอนแรก เรารู้สึกโกรธคุณหมอมาก อยากจะฟ้อง แต่เพื่อนบอกว่าชนะหมอยาก และยังมีค่าทนายต่างๆตามมาอีก เราไม่รู้จะทำอย่างไร มีอะไรที่คุ้มครองดูแลคนไข้ทั่วไปบ้างมั้ยคะ ไม่อย่างนั้น ประชาชนธรรมดาอย่างเรา คงไปสู้อะไรหมอไม่ได้ ทำได้แค่ยอมรับการรักษาของคุณหมอ ไม่ว่าจะเป็นอย่างไร อย่างน้อยเราก็อยากให้คุณหมอได้ทราบว่า การตรวจวินิจฉัยของคุณหมอ ไม่ละเอียดพอ ผิดพลาด ครั้งต่อไป เค้าควรจะใส่ใจตรวจคนไข้ให้ละเอียดกว่านี้ ถ้าคนที่รักษาอยู่ตรงหน้าเป็นพ่อของเค้าเอง เค้าจะใส่ใจกว่านี้มั้ย
เรารู้สึกเหมือนกันนะคะว่าตอนเข้าพบคุณหมอ ทำไมไม่เห็นคุณหมอมีเครื่องมืออะไรตรวจตาเลย ดูแต่แฟ้มประวัติ และอ่านค่าวัดสายตาของคุณพ่อเท่านั้นเอง คุณหมอจึงไม่ทราบว่ามีเลือดออกแน่ๆ
ถ้าคุณหมอรักษาผิดพลาดจนเกิดความเสียหาย ทำอย่างไรดีคะ
คุณพ่อเคยตรวจรักษาอยู่ที่ร.พ. 1 คุณหมอบอกว่า คุณพ่อเป็นต้อกระจกและเป็นเบาหวานขึ้นตาด้วยค่ะ สามารถรักษาได้ด้วยการผ่าต่อกระจก และอาการเบาหวานฉีดยาที่ตา เดี๋ยวก็หาย ทั้งสองอย่างนี้ ไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง แต่ด้วยค่าผ่าตัดของร.พ.ที่ 1 ค่อนข้างสูง จึงพาคุณพ่อไปผ่าตัดที่ร.พ. 2 ซึ่งไว้ใจว่าทีมแพทย์เก่งมากเหมือนกัน แต่ค่าใช้จ่ายไม่แพงเท่าที่ 1 ค่ะ
จากนั้นก็พาคุณพ่อไปตรวจดูอาการ คุณหมอที่ 2 ก็นัดผ่าตัดต่อกระจกค่ะ หลังจากผ่า พอครบกำหนดก็ไปพบคุณหมอตามนัด คุณหมอให้ยาหยอดตามาหยอดค่ะ แต่หยอดแล้วคุณพ่อตาบวม รู้สึกผิดปกติจึงกลับไปหาคุณหมอใหม่ คุณหมอบอกวาแพ้น้ำตาเทียม แล้วเปลี่ยนน้ำตาเทียมตัวใหม่ให้ หยอดไปตาก็บวมอีกค่ะ รู้สึกแปลกๆจึงกลับไปหาคุณหมอที่ร.พ. 1
คุณหมอบอกว่าคุณพ่อมีเลือดออกในตา จึงทำให้เลือดคลั่งแล้วมองเห็นภาพไม่ชัด ถ้ามาหาหมอช้ากว่านี้ มีสิทธิ์ที่จะตาบอดได้ เราตกใจมาก ถามคุณหมอว่ารักษาทันไหม จะกลับมามองชัดเหมือนเดิมมั้ย คุณหมอบอกว่าต้องตรวจดูใกล้ชิด ถ้ายังมีเลือดออกจะฉีดยาไม่ได้ค่ะ
อ้อ... คุณหมอบอกว่า ไม่ได้แพ้น้ำตาเทียมค่ะ คือมีเลือดออก ตาถึงบวม ไม่ใช่บวมเพราะน้ำตาเทียมค่ะ
เรารู้สึกเสียใจมาก ที่พาคุณพ่อย้ายไปร.พ. ที่ 2 ตอนนี้ท่านมองอะไรเป็นภาพคด ไม่ตรง แย่กว่าตอนที่ยังไม่ผ่า ข้างที่ยังไม่ผ่า กลับมองชัดกว่า แต่คุณพ่อเป็นต้อกระจกทั้ง 2 ข้าง เราแปลกใจตรงที่ เราพาคุณพ่อไปพบคุณพ่อใกล้ชิดตลอดเวลา ทำไมคุณหมอที่ 2 ไม่ทราบว่าคุณพ่อตามีเลือดออก แถมจะนัดผ่าตาอีกข้างอย่างเดียวเลย เราได้ถามคุณหมอไปว่า แล้วเบาหวานในตาละค่ะ ต้องรักษายังไง อาการคุณพ่อเป็นไงบ้าง เพราะเราทราบจากคุณหมอท่านแรกว่าคุณพ่อต้องฉีดยา จึงได้สอบถามการรักษาจากคุณหมอท่านที่ 2 ไป คุณหมอตอบว่า ไม่มีอะไรน่าห่วงครับ ไม่ต้องทำอะไร แล้วโฟกัสไปที่เรื่องนัดผ่าต้อกระจกอีกข้างอย่างเดียวเลย
กลับไปที่คุณหมอร.พ. ที่ 1 เราได้พบคุณหมออีกท่านเพื่อสอบถาม จากนั้นคุณหมอส่งเคสคุณพ่อกลับไปที่คุณหมอท่านเดิมที่ร.พ. เดียวกัน คุณหมอแจ้งว่า คุณพ่อเป็นคนไข้คุณหมอท่านนั้น ก็เลยส่งไปรักษาต่อเนื่อง แต่จากการที่ได้คุยกับคุณหมอทั้ง 2 ท่านที่ ร.พ. ที่ 1 คุณหมอยืนยันว่า คุณพ่อไม่ได้แพ้น้ำตาเทียม แต่เพราะมีเลือดออกในตา จึงทำให้ตาบวมอ่ะค่ะ
ตอนนี้ก็ยังทำการรักษาอยู่อาการก็ดีขึ้นเรื่อยๆนะคะ คุณพ่อมองเห็นดีขึ้น แต่ยังไม่ชัด และภาพก็ยังคด ไม่ตรงอยู่อ่ะค่ะ
แบบนี้ เรียกว่าคุณหมอร.พ. ที่ สองวินิจฉัยผิดพลาดมั้ยคะ ถ้าเราไม่รู้สึกแปลกใจ และรักษากับเค้าต่อไป เชื่อว่าแพ้น้ำตาเทียม คุณพ่อคงมีสิทธิ์ที่จะตาบอดแน่ เพราะไม่ทราบว่ามีเลือดออกในตา อยากบอกว่าตอนแรก เรารู้สึกโกรธคุณหมอมาก อยากจะฟ้อง แต่เพื่อนบอกว่าชนะหมอยาก และยังมีค่าทนายต่างๆตามมาอีก เราไม่รู้จะทำอย่างไร มีอะไรที่คุ้มครองดูแลคนไข้ทั่วไปบ้างมั้ยคะ ไม่อย่างนั้น ประชาชนธรรมดาอย่างเรา คงไปสู้อะไรหมอไม่ได้ ทำได้แค่ยอมรับการรักษาของคุณหมอ ไม่ว่าจะเป็นอย่างไร อย่างน้อยเราก็อยากให้คุณหมอได้ทราบว่า การตรวจวินิจฉัยของคุณหมอ ไม่ละเอียดพอ ผิดพลาด ครั้งต่อไป เค้าควรจะใส่ใจตรวจคนไข้ให้ละเอียดกว่านี้ ถ้าคนที่รักษาอยู่ตรงหน้าเป็นพ่อของเค้าเอง เค้าจะใส่ใจกว่านี้มั้ย
เรารู้สึกเหมือนกันนะคะว่าตอนเข้าพบคุณหมอ ทำไมไม่เห็นคุณหมอมีเครื่องมืออะไรตรวจตาเลย ดูแต่แฟ้มประวัติ และอ่านค่าวัดสายตาของคุณพ่อเท่านั้นเอง คุณหมอจึงไม่ทราบว่ามีเลือดออกแน่ๆ