No.4
จั่วหัว : ว่าที่หนังตัวเต็งออสการ์ที่ขับเคลื่อนอารมณ์กันได้อย่างสุดโต่ง สะท้อนหัวใจศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์
12 Years a slave : ปลดแอก คนย่ำคน
คมนิด จี๊ดเลย : ไม่อยากแค่ได้อยู่รอด แต่อยากมีชีวิต
Napat's Rating : (B) , 8 /10
Update เรื่องหนัง ทันใจ คลิ๊กLIKE!! : https://www.facebook.com/Napat.Tang.Fans
- คำเตือน : นี่คือเรตติ้งและความคิดเห็นส่วนตัวหลังชมหนังของผมคนเดียวเท่านั้น ย้ำว่าส่วนตัวนะครับ บางคนเห็นตรง บางคนอาจเห็นต่าง ถือว่าเอามาแลกเปลี่ยนทัศนะกันเฉยๆ โปรดอย่าได้ถือสากับคำวิจารณ์ของผมเลยนะครับ เพราะเป็นเพียงอีกหนึ่งเสียงจากการชมหนังในฐานะคนดูหนังธรรมดาคนหนึ่งเท่านั้น -
จากใจ..ถึงหนังเรื่องนี้ : เป็นหนังที่สมควรได้รับการยกย่องให้เป็นเกรด5ดาวทางด้านการแสดง และถือว่ามีเนื้อหาที่ส่งเสริมให้ผลักดันการแสดงออกมาเข้มข้นตามไปด้วย เนื่องจากได้เล่าเหตุการณ์ของชายผิวดำที่มีชีวิตและฐานะที่ดีทุกอย่างจนถูกลักพาตัวไปเป็นทาสนานกว่าสิบปีและต้องหาทางออกให้กับชีวิตความเป็นทาสให้ได้
ภายในหนังเราจะเห็นฉากที่น่าเห็นใจจากการถูกกระทำทารุณกรรมของมนุษย์ด้วยกันเพียงเพราะแบ่งแยกชนชั้นและสีผิว ซึ่งน่าคิดว่าอคติในลักษณะที่แตกต่างกัน แต่ยังคงเป็นการเหยียดหยามกันยังคงมีอยู่ในปัจจุบันหรือไม่ และการเกลียดชังอคติเช่นนี้หรือเปล่าที่ทำให้มนุษย์ยังสั่งสมความโกรธแค้นภายในมาจวบจนทุกวันนี้
ตัวเอกถือว่าเล่นได้ดีและสมบทบาทตามมาตรฐานของหนังแนวนี้ แต่ส่วนตัวรู้สึกว่าตัวร้ายได้แย่งซีนทุกตัวละครไปโดยปริยาย โดยเฉพาะ ไมเคิล ฟาสเบนเดอร์ ที่ถือว่าทำหน้าที่เป็นชายผิวขาวผู้โหดเหี้ยมได้อย่างคลุ้มคลั่งมาก ตั้งแต่วินาทีแรกที่โผล่มายันวินาทีสุดท้ายที่ออกไป
รอบนี้สกอร์ของฮานส์ ซิมเมอร์ยังคงส่งเสริมหนังได้เป็นอย่างดี แต่ทว่าติดธีมหนังที่คล้ายๆจากเพลงTime ใน Inception ไปหน่อย จึงยังไม่เห็นความโดดเด่นที่แตกต่างมากนัก
ส่วนตัวหนังนั้นมีการดำเนินเรื่องที่มีการแสดงที่เข้มข้น แต่ในบางช่วงกลับรู้สึกว่าหนังออกจะย้วยไปนิด ยังไม่น่าดึงดูดเท่าที่ควร และนอกจากนั้นยังมีฉากชวนยี้หลายฉาก แม้จะทำได้สมจริงก็ตามที ส่วนตัวจึงคิดว่า เรื่องนี้คงจะเป็นหนังดีอีกเรื่องที่ขอชมเพียงครั้งเดียว และก็ลาจากกันไป.
ปล.ผมไม่แปลกใจว่าเรื่องนี้อาจมีโอกาสคว้าBest Pictureในเวทีระดับออสการ์ ซึ่งถ้าได้ผมก็ขอแสดงความยินดีด้วยล่วงหน้า แม้ว่าตอนนี้ใจจะเทให้กับ American Hustle อย่างหมดหน้าตักแน่นอนหลังได้พิสูจน์มาทั้งสองเรื่อง
มีคลิปพิเศษมาให้ชมทิ้งท้ายครับ เป็นประสบการณ์และความสุขจากการทำงานในกองหนังสั้นเล็กๆของผมและเพื่อนๆครับ
และขอฝากหนังตัวอย่าง "หนังซอมบี้-ไซไฟ" ผลงานของผมไว้ด้วยนะคร้าบ
อันนี้เป็นคลิปพิเศษจากหนัง "12 YEARS A SLAVE" ครับ ลองชมกันดู
ติดตามผลงานรีวิวอื่นๆและผลงานหนังสั้นต่อได้ที่นี่ครับ
ใครชอบอ่านรีวิวหรืออยากติดตามเรื่องราวข่าวสารดีๆจากผม
ผมจะไป"แชร์"ให้ทุกท่านโดยตรงในเพจด้านล่างนี้นะคร้าบ มาLikeเยอะๆนะคร้าบ คลิกไปแล้วไม่ผิดหวังครับ!!
https://www.facebook.com/Napat.Tang.Fans
https://www.facebook.com/S.L.Studios.Ent
ขอบคุณที่ติดตามอ่านกันนะครับ
อีกหนึ่งความเห็นหลังชม 12 YEARS A SLAVE [ไม่สปอยส์]
No.4
จั่วหัว : ว่าที่หนังตัวเต็งออสการ์ที่ขับเคลื่อนอารมณ์กันได้อย่างสุดโต่ง สะท้อนหัวใจศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์
12 Years a slave : ปลดแอก คนย่ำคน
คมนิด จี๊ดเลย : ไม่อยากแค่ได้อยู่รอด แต่อยากมีชีวิต
Napat's Rating : (B) , 8 /10
Update เรื่องหนัง ทันใจ คลิ๊กLIKE!! : https://www.facebook.com/Napat.Tang.Fans
- คำเตือน : นี่คือเรตติ้งและความคิดเห็นส่วนตัวหลังชมหนังของผมคนเดียวเท่านั้น ย้ำว่าส่วนตัวนะครับ บางคนเห็นตรง บางคนอาจเห็นต่าง ถือว่าเอามาแลกเปลี่ยนทัศนะกันเฉยๆ โปรดอย่าได้ถือสากับคำวิจารณ์ของผมเลยนะครับ เพราะเป็นเพียงอีกหนึ่งเสียงจากการชมหนังในฐานะคนดูหนังธรรมดาคนหนึ่งเท่านั้น -
จากใจ..ถึงหนังเรื่องนี้ : เป็นหนังที่สมควรได้รับการยกย่องให้เป็นเกรด5ดาวทางด้านการแสดง และถือว่ามีเนื้อหาที่ส่งเสริมให้ผลักดันการแสดงออกมาเข้มข้นตามไปด้วย เนื่องจากได้เล่าเหตุการณ์ของชายผิวดำที่มีชีวิตและฐานะที่ดีทุกอย่างจนถูกลักพาตัวไปเป็นทาสนานกว่าสิบปีและต้องหาทางออกให้กับชีวิตความเป็นทาสให้ได้
ภายในหนังเราจะเห็นฉากที่น่าเห็นใจจากการถูกกระทำทารุณกรรมของมนุษย์ด้วยกันเพียงเพราะแบ่งแยกชนชั้นและสีผิว ซึ่งน่าคิดว่าอคติในลักษณะที่แตกต่างกัน แต่ยังคงเป็นการเหยียดหยามกันยังคงมีอยู่ในปัจจุบันหรือไม่ และการเกลียดชังอคติเช่นนี้หรือเปล่าที่ทำให้มนุษย์ยังสั่งสมความโกรธแค้นภายในมาจวบจนทุกวันนี้
ตัวเอกถือว่าเล่นได้ดีและสมบทบาทตามมาตรฐานของหนังแนวนี้ แต่ส่วนตัวรู้สึกว่าตัวร้ายได้แย่งซีนทุกตัวละครไปโดยปริยาย โดยเฉพาะ ไมเคิล ฟาสเบนเดอร์ ที่ถือว่าทำหน้าที่เป็นชายผิวขาวผู้โหดเหี้ยมได้อย่างคลุ้มคลั่งมาก ตั้งแต่วินาทีแรกที่โผล่มายันวินาทีสุดท้ายที่ออกไป
รอบนี้สกอร์ของฮานส์ ซิมเมอร์ยังคงส่งเสริมหนังได้เป็นอย่างดี แต่ทว่าติดธีมหนังที่คล้ายๆจากเพลงTime ใน Inception ไปหน่อย จึงยังไม่เห็นความโดดเด่นที่แตกต่างมากนัก
ส่วนตัวหนังนั้นมีการดำเนินเรื่องที่มีการแสดงที่เข้มข้น แต่ในบางช่วงกลับรู้สึกว่าหนังออกจะย้วยไปนิด ยังไม่น่าดึงดูดเท่าที่ควร และนอกจากนั้นยังมีฉากชวนยี้หลายฉาก แม้จะทำได้สมจริงก็ตามที ส่วนตัวจึงคิดว่า เรื่องนี้คงจะเป็นหนังดีอีกเรื่องที่ขอชมเพียงครั้งเดียว และก็ลาจากกันไป.
ปล.ผมไม่แปลกใจว่าเรื่องนี้อาจมีโอกาสคว้าBest Pictureในเวทีระดับออสการ์ ซึ่งถ้าได้ผมก็ขอแสดงความยินดีด้วยล่วงหน้า แม้ว่าตอนนี้ใจจะเทให้กับ American Hustle อย่างหมดหน้าตักแน่นอนหลังได้พิสูจน์มาทั้งสองเรื่อง
มีคลิปพิเศษมาให้ชมทิ้งท้ายครับ เป็นประสบการณ์และความสุขจากการทำงานในกองหนังสั้นเล็กๆของผมและเพื่อนๆครับ
และขอฝากหนังตัวอย่าง "หนังซอมบี้-ไซไฟ" ผลงานของผมไว้ด้วยนะคร้าบ
อันนี้เป็นคลิปพิเศษจากหนัง "12 YEARS A SLAVE" ครับ ลองชมกันดู
ติดตามผลงานรีวิวอื่นๆและผลงานหนังสั้นต่อได้ที่นี่ครับ
ใครชอบอ่านรีวิวหรืออยากติดตามเรื่องราวข่าวสารดีๆจากผม
ผมจะไป"แชร์"ให้ทุกท่านโดยตรงในเพจด้านล่างนี้นะคร้าบ มาLikeเยอะๆนะคร้าบ คลิกไปแล้วไม่ผิดหวังครับ!!
https://www.facebook.com/Napat.Tang.Fans
https://www.facebook.com/S.L.Studios.Ent
ขอบคุณที่ติดตามอ่านกันนะครับ