บันทึกตามฝัน "ชีวิตนักเรียนภาษาในประเทศอังกฤษ"


แชร์ประสบการณ์ ชีวิตนักเรียนภาษา Sep 2012- Apr 2013
2012 โลกจะแตกจริงหรือเปล่า  ฉันก็ไม่รู้ ชีวิตพนักงานเงินเดือนอย่างฉัน ก็คงใช้ชีวิตเรื่อยเปื่อยไปวัน ๆ จนกระทั่งวันหนึ่ง วันที่ต้องสูญเสียอีกบุคคลที่รักไป “คุณพ่อ” หลังจากที่แม่ได้เสียไปก่อนเมื่อ 2 ปีที่แล้ว

เพราะถ้อยคำพ่อและแม่ที่เคยพร่ำสอนไว้เสมอว่า “ตราบใดที่ลมหายใจยังอยู่ อยากทำอะไรกับชีวิตก็ต้องทำให้เต็มที่และสุดๆ แต่ที่สำคัญต้องไม่ทำให้ใครเดือดร้อน”

ไม่ได้ดราม่า แค่อยากเอ่ยถึงผู้มีพระคุณที่สุดก่อน เมื่อชีวิตมันต้องเดินต่อไปข้างหน้า
มีคนเคยบอกว่า ความสุข คือการได้ทำตามความฝัน แม้จะไม่รู้หรอกว่าผลลัพธ์จะเป็นอย่างไร แต่ต้องลองดู

Apr 2012 – เริ่มหาข้อมูลเรียนต่อ จะไปเรียนที่ไหนดี อังกฤษ อเมริกา แคนาดา หรือออสเตรเลีย ( สุดท้ายเลือกอังกฤษ อยากไปเมืองผู้ดี )
May 2012 – เตรียมเอกสารต่างๆ ติดต่อขอข้อมูลจากเอเจ้นท์ เลือกเมือง เลือกโรงเรียน
Jun 2012 -  ค้นหา host family ด้วยตัวเอง (อยากจะบอกว่า การหา host family เอง ไม่ได้ยากเลยนะคะ)
              -     เตรียม POS ( Purpose of Study )
              -     ชำระเงินค่าเรียนเต็มจำนวน
July 2012 - วันที่ 5 ไปตรวจ IOM ( เซ็งสุด ปอดแอบมีรอยแมวข่วน หมอนัดมาเก็บเสมหะ 3วันติดต่อกัน )
               -    วันที่ 12 ไปรับผล เย้ เย IOM ผ่านแล้ว เย้ เย++
              -    วันที่ 16 ยื่นวีซ่าที่อาคารรีเจ้นท์เฮ้าส์ ขอแนะนำให้นัดหมายล่วงหน้าค่ะ
                (เรานัดไว้ 10.10 น. ใช้เวลาไม่เกิน 40 นาที เรียบร้อย กลับไปทำงานต่อได้ )
     จนท. ถามคร่าวๆ ว่า  
•    จะไปทำอะไรครับ
•    ใครสปอนเซอร์
•    มีเอกสารแต่ส่วนของพ่อใช่ไหม
•    มีเอกสารรับรองการทำงานของตัวเองไหม (ตอนนั้นเค้าเปิดข้ามไป )
แล้วก็เข้าห้องไปสแกนนิ้วมือ เสร็จพิธีกรรม เฮ้ย พิธีการ
..............หลังจากนั้นร้องเพลงรอได้ ภายใน 15 วันทำการ ..................
       -    วันที่ 26 ประมาณบ่าย 3 กว่าๆ ฝนตกหนัก นึกว่าตัวเองเป็นนางเอกมิวสิค ต้องพาร่างกายอันบอบบาง ไปรับพาสปอร์ตคืน
         ได้ซองสีขาวขนาดใหญ่มาปุ๊ป แกะดูวีซ่า อิอิ  ลุ้นมากกกกกก สุดท้ายก็ผ่านอย่างปลอดภัย
       -    วันที่ 31 ซื้อตั๋วเครื่องบิน British Airways
Aug ยังทำงานอยู่ จนถึงวันเงินเดือนออก (สะสมเงิน555)
Sep เริ่มซื้อของใช้ที่จำเป็นเพิ่ม จนถึงวันเดินทาง
        -    วันที่ 11 เพื่อน ๆ และน้องสาว มาส่งที่สนามบินสุวรรณภูมิ (แอบตื่นเต้น+ใจหายนิดๆ เพราะหลังจากคืนนี้ต้องไปอยู่ต่างบ้านต่างเมือง ใช้เวลาเกือบปี จะรอดไหมน๊า)
        -    Fight BA10 BKK to LONDON 00.20-6.35 น.(local time)
        -    วันที่ 12 ผ่าน immigration มาอย่างปาดเหงื่อกันทีเดียว

------------------------มาๆ สาวก มาติดตามกันต่อ---------------------------------------------
#Heathrow Airport เคยได้ยินเล่าลือกันว่า กว่าจะผ่าน immigration ได้ใช้เวลานานใช่ป่ะ
แต่วันที่เราเดินทางนั้น จนท. ตะโกนเลย "Student , First time-- this way" OH!! ขอเวลาทำใจก่อนได้ป่ะ
เอาลุยเลยละกัน ตม.สาวผิวหมึก มองหน้า เปิดพาสปอร์ต ยิงคำถาม^^"
- What's your name? / Is it your first time ? / Which city do you live ?
- Where do you go to study? (อ่า ข้อนี้ ลืมชื่อโรงเรียน จะเปิดโพย ว่ากรูอีก ห้ามเปิด++ ร้องไห้  ใช้จิตสัมผัสนึกจนได้
- มาคำถามสุดท้าย ..............? hah?
Ummm....เรางง..."Can you repeat again?" (ใช่ป่าวฟระ เคยจำจากครูมา)
หน้าตา ตม. เริ่มเซ็ง พูดช้าๆ อีกครั้ง แต่ก็ยังไม่เข้าใจ...ฮาาาาา เขียนให้มันอ่านเลยละกัน
- What did you do before ?.... จบ ไล่เราไปห้องแพทย์ ต้องส่งฟิล์ม x-ray ให้ จนท. เป็นอันเสร็จพิธี....

พลุWelcome to United Kingdomพลุ
ติดตาม ตอนที่ 2 ค่ะ http://ppantip.com/topic/31549494
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่