++ ข้อดีของโทรศัพท์สมาร์ตโฟนที่รองรับการใส่การ์ด micro SD ภายนอกเพิ่มได้ ++

กระทู้สนทนา
ต้องบอกก่อนเลยว่า ผมติดการใช้งานจาก PC เอามากๆ เพราะผมต้องพบกับเหตุการณ์ลักษณะนี้บ่อยๆ (ตั้งแต่โรงเรียนสมัยเรียนยันที่ทำงาน) นั่นก็คือ เวลาที่มีใครทำงานใดๆ ก็ตาม มักจะเอางานโยนไว้ที่เดสก์ท็อป (Desktop) หรือไม่ก็มายด็อกคิวเมนต์ส (My Documents) เพราะ Windows 95, 98, Me, XP จะมีไอค่อน (Icon) My Documents ที่ Desktop ด้วย ทำให้เวลาที่แต่ละคนใช้งานเครื่อง มักจะวางไฟล์และสร้างโฟลเดอร์ต่างๆ ไว้ 2 ที่นี้เป็นประจำ จนพื้นที่ไดรฟ์ C นั้นใช้ไปเยอะมาก ส่วนไดรฟ์ D แทบจะโล่งโจ้ง ซึ่งผมก็เอะใจว่าทำไมไม่เก็บไว้ที่ไดรฟ์ D น้อย โล่งซะขนาดนั้น แต่ก็ไม่อยากยุ่งล่ะครับ เพราะไม่ใช่ไฟล์และโฟลเดอร์ของเรา ( จนมาถึง...

งานเข้าครับ คอมพิวเตอร์เจ้ากรรม ดันโดนไวรัส แล้วไม่ใช่ไวรัสธรรมดา เป็นไวรัสทำลายระบบคอมพิวเตอร์ซะด้วย หนักจนใช้งานคอมพิวเตอร์ไม่ได้อีกต่อไปครับ ลักษณะคือ ไวรัสมันจะไปกันกินไฟล์ *.exe ทุกไฟล์ในเครื่องไปเรื่อยๆ (ไม่เว้นแม้กระทั่งไฟล์ Setup แต่ไฟล์ Setup ตัวใหญ่ๆ ระดับ 100MB+ ไม่เป็นอะไร) จุดสังเกตคือ ขนาดไฟล์มันน้อยกว่าปกติ เช่น จากเดิมไฟล์ EXE นั้นมีขนาด 3 MB จะเหลือ 1 MB กว่าๆ และภาพไอค่อนหาย สุดท้ายคือ ต้องติดตั้งใหม่สถานเดียวครับ

เรื่องติดตั้งใหม่นั้นไม่ใช่ปัญหาหรอกครับ แต่ปัญหาคือ ไฟล์และโฟลเดอร์งานต่างๆ ที่วางระเกะระกะบน Desktop, My Documents มันจะอันตธารหายไปทั้งหมดด้วยนี่สิครับ พอคนอื่นมาใช้เครื่องก็มาถามผมว่า ไฟล์มันหายไปไหน ผมก็บอกไปว่ามีการติดตั้ง Windows ใหม่ เนื่องจากติดไวรัสทำลายเครื่อง คนที่วางงานไว้ที่ Desktop ก็บ่นกันระงมว่า
คนอื่น : ทำงี้ได้ไงอ่ะ ไฟล์ของฉันหายหมดเลยดิ
ผม : แล้ววางไฟล์ไว้ที่ไหน?
คู่สนทนา : วางไว้ที่ Desktop
ผม : แล้วไปวางไว้ที่ Desktop ทำไมเล่า ไม่ไว้ที่ไดรฟ์ D ล่ะ
คู่สนทนา : ไดรฟ์ D คืออะไร?

(อ่าว...เวรกรรม ไม่ดันไม่รู้จักว่าไดรฟ์ C, D, ... คืออะไรอีกน่ะ แล้วจะอธิบายยังไงฟะเนี่ยะ)

ผม : เอานี่..ดูตามเลยนะ เปิด My Computer ที่ Desktop ขึ้นมา... สังเกตนะ Local Disk (C: ) นี่เรียกว่าไดรฟ์ C เพราะมีระบุในวงเล็บว่า C: ส่วน Local Disk (D: ) นี่คือไดรฟ์ D
คู่สนทนา : แล้วมันต่างกันไง?
ผม : ไดรฟ์ C เป็นไดรฟ์ของระบบปฏิบัติการ Windows ซึ่งเวลาลงโปรแกรมทุกๆ อย่างจะมาอยู่ที่ไดรฟ์ C นี้หมดเลย พอเครื่องมีปัญหาแล้วต้องลงใหม่ ไดรฟ์ C นี่แหละ จะเป็นไดรฟ์ที่ถูกลบข้อมูลทิ้งแล้วลงใหม่ทั้งหมด
คู่สนทนา : อ๋อ ยังงี้นี่เอง... แล้วมันเกี่ยวอะไรกับ Desktop ในเมื่อฉันวางไฟล์ไว้ที่ Desktop ไม่ได้วางไว้ที่ไดรฟ์ C ซะหน่อย แล้วมันจะหายไปได้อย่างไร?
ผม : Desktop มันเป็นส่วนหนึ่งของไดรฟ์ C ครับ
คู่สนทนา : เป็นส่วนหนึ่งยังไง ในเมื่อมันไม่ได้อยู่ใน My Computer ซะหน่อย

(จะอธิบายยังไงดีเนี่ยะ ...แล้วก็ครุ่นคิดอยู่ซักพัก)

ผม : มะ จะพิสูจน์ให้ดู โดยก็เข้าที่ My Computer > Local Disk (C: ) > Documents and Settings > All Users นี่ไง Desktop สังเกตนะ ไฟล์ที่ Desktop กับไฟล์ในโฟลเดอร์ Desktop นี้เป็นไฟล์เดียวกันเลยใช่ไหม?
คู่สนทนา : ใช่ ...อ๋อ งี้นี่เอง
ผม : เข้าใจแล้วนะ ...ผมบอกได้เลยว่า ไฟล์งานของผมยังอยู่ สังเกตนะผมสร้างไฟล์เอาไว้ก่อนที่จะมีติดตั้ง Windows ใหม่ซะอีกนะ เพราะผมลงไว้ที่ไดรฟ์ D ไฟล์ผมเลยรอด แต่ถ้าคนลงเครื่องเขาล้างไดรฟ์ D หรือทุกไดรฟ์ ผมก็คงรับชตากรรมไม่ต่างจากคุณนั่นแหละ
คู่สนทนา : เออ เนาะ ยังอยู่จริงๆ
ผม : นี่แหละข้อดีของการเอาไฟล์ไว้คนละไดรฟ์กับไดรฟ์ C จำไว้เลยว่า ไฟล์งานทุกอย่างไม่ควรเอาไว้ที่ไดรฟ์ C เป็นอันขาด ยกเว้นแต่เป็นไฟล์ชั่วคราวที่ไม่สำคัญอะไรเท่านั้น ส่วนไฟล์สำคัญก็เอาไว้ที่ไดรฟ์ D, E, ... ดีกว่า เวลาที่มีการติดตั้ง Windows ใหม่จะได้ไม่มีผลกระทบกับงาน หรือให้ดีที่สุดก็พก Flash Drive ติดตัวเอาไว้ด้วย แล้วเก็บงานส่วนตัวเอาไว้เลยดีกว่า


เกริ่นซะนาน เข้าเรื่องเลยละกัน

ตอนแรก โทรศัพท์สมาร์ตโฟนที่ผมซื้อมานั้น กะว่าจะซื้อ Samsung GALAXY S II มือ 2 มาใช้ แต่คนที่ไปดูของที่กรุงเทพฯ มา เขาว่าไม่มี แต่มีมือ 1 ประมาณ 16,xxx ผมก็เลยบอกว่า เอามาเลยละกัน (จำได้แม่นเลยว่า ซื้อเมื่อ 5 มิ.ย. 2555 3 วันก่อนที่จะมีการเปิดตัว GALAXY S III) และแล้วผมก็ได้มาใช้งาน และผมก็ศึกษาการใช้งานหลักต่างๆ คร่าวๆ ในส่วนของ OS จนพรุน (ไม่ได้ศึกษาแอพฯ นะ) แล้วก็โอนภาพและวิดีโอคลิปที่ถ่ายในสถานที่ต่างๆ, เพลงต่างๆ จากเครื่องฟีเจอร์เครื่องเก่ามาไว้ที่เครื่องนี้ในการ์ด micro SD ทั้งหมด รวมถึงไฟล์เอกสารต่างๆ รูป Wallpaper ต่างๆ ก็เอามาไว้ที่การ์ด micro SD ด้วย (ที่ต้องเอาไว้ที่ micro SD เพราะผมมองเหมือนคอมพิวเตอร์ตรงที่ พื้นที่ Storage ภายในเครื่องโทรศัพท์ คือไดรฟ์ C ส่วน micro SD คือไดรฟ์ D กันเอาไว้เวลาที่ผมต้อง Factory Reset ไฟล์จะได้ไม่หาย และอีกอย่างก็คือ ไฟล์ที่เราใส่เข้าไปในโทรศัพท์ จะได้ไม่ไปแย่งพื้นที่ติดตั้งแอพฯ อีกด้วย)

แล้วก็ใช้งานมาเรื่อยๆ ไม่ว่าจะถ่ายภาพบรรยากาศของสถานที่และงานอีเวนต์ต่างๆ ไว้มากมาย จนมีความทรงจำดีเอาไว้ในการ์ด ส่วนหนึ่งผมได้แบ็คอัพไว้ที่คอมพิวเตอร์แล้ว แต่ก็มีภาพใหม่ที่ผมถ่ายแล้วไม่ได้แบ็คอัพก็มีอยู่นะ จนมาถึง...

ช่วงประมาณกลางธันวาคมปีที่แล้ว (2556) หลังจากที่ผมจะถอดเครื่องจากที่ชาร์จกลับบ้าน แล้วจะกดดูว่าแบตฯ ขึ้นไปกี่เปอร์เซ็นต์แล้วนั้นเอง ก็ได้รู้ว่าเครื่องมีอาการผิดปกติขึ้น นั่นคือเปิดไม่ติดครับ... ผมก็เลยกด Power ค้างเพื่อฮาร์ดชัตดาวน์ แล้วลองเปิดใหม่ดู ก็มีอาการผิดปกติขึ้นอีก เพราะขึ้นหน้า Samsung GALAXY S II GT-I9100T ค้างไว้นานมาก ไม่ไปที่หน้าโลโก้ Samsung ต่อเลย ก็เลยปิดแล้วเปิดใหม่อีกรอบ ก็ยังเหมือนเดิมคือค้าง จนผมถอดใจแล้วไปที่บ้าน คราวนี้ลองเปิดต่ออีกที คราวนี้นิ่งสนิทเลยครับ เปิดไม่ติด!

และจากประสบการณ์ที่เคยอ่านในเว็บไซต์ต่างๆ เกี่ยวกับเครื่อง Samsung ดับใช้งานไม่ได้มาก่อน ก็ทำให้ผมพอจะตีความจากอาการได้ล่ะครับว่า "บอร์ดพัง" แน่ๆ แล้ว หลังจากที่ส่งศูนย์ไปตรวจสอบก็พบว่าเป็นจริงที่คาดเอาไว้ สรุปก็ได้ให้พนักงานเปลี่ยบอร์ดใหม่ (4,265 บาท)

แล้วไฟล์ที่ผมเก็บเอาไว้ในเครื่องล่ะ ยังดีอยู่หรือเปล่า?
จะเหลือหรือครับ... เล่นมาพังแบบกะทันหันกันแบบนี้ ใครจะไปแบ็คอัพทัน

แต่ก็ยังดีครับ ที่ภาพถ่ายที่ผมถ่ายเล่นๆ ในโอกาสต่างๆ เอาไว้ เพื่อเป็นความทรงจำดีๆ ในเวลาที่อายุมากขึ้นนั้น ยังอยู่ดีทั้งหมด เนื่องจากผมได้เซ็ตให้มีการบันทึกเอาไว้ที่การ์ด micro SD ส่วนไฟล์เพลงต่างๆ เอกสารที่เก็บจากที่ทำงานต่างๆ หรืออะไรที่อยู่ในรูปแบบของตัวไฟล์ ยังคงอยู่ดีทั้งหมด

นี่ถ้าโทรศัพท์ที่ผมใช้ไม่มีที่ใส่การ์ดภายนอกนะ ผมคิดว่าไฟล์ภาพถ่ายทั้งหมด รวมถึงไฟล์อื่นๆ ทั้งหมดคงอันตธารหายไปทั้งหมดเป็นแน่ นี่จึงเป็นส่วนหนึ่งที่ผมขอยกเครดิตให้กับผู้ผลิตโทรศัพท์ทุกรุ่นทุกยี่ห้อ ที่ทำช่องใส่การ์ด micro SD ไว้รองรับเป็นส่วนหนึ่งภายในตัวเครื่องด้วย (ถึงแม้เดี๋ยวนี้จะใช้การซิงค์ไฟล์ขึ้น Cloud ได้ แต่ก็ใช่ว่า Cloud จะดีไปซะหมด มันก็มีปัญหาเวลาไม่มีเน็ตหรือเน็ตเน่าได้เช่นกัน) และผมคิดว่าถ้าต้องซื้อเครื่องใหม่ครั้งต่อไป ผมก็จะดูช่องใส่การ์ด micro SD เป็นหลักก่อนอย่างแรกเลย ถ้าไม่มีผมก็ไม่สน ต่อให้เป็นรุ่นที่ดีเลิศประเสริฐศรีขนาดไหนก็ตาม ผมก็ของมองข้ามล่ะ ความปลอดภัยของไฟล์ สำหรับผมแล้วสำคัญกว่าตัวเครื่องซะอีก

การซิงค์โดยใช้ Cloud Storage ดีนะครับ แต่ผมจะซิงค์เฉพาะไฟล์และบางอย่างที่อยากซิงค์เท่านั้น ไม่ใช่ทั้งหมด ในหลายๆ ครั้ง ผมไม่ต้องการซิงค์ ก็อุตส่าห์ซิงค์อีกน่ะ เปลือง Data 3G
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่