สวัสดีค่ะ   เจอกันอีกแล้ว วันนี้ จขกท.ไม่ได้มาคนเดียวนะคะ พาพี่สาวมาด้วย

อย่างที่รู้ๆกันว่า จขกท.expertเกี่ยวกับเรื่องผมมาก พี่สาวเลยมาปรึกษาค่ะ ว่าอยากเปลี่ยนสไตล์ จะทำที่ไหน ทำทรงอะไรดี
มาเริ่มกันเลยดีกว่าเนอะ ^^ พอดีพี่สาว จขกท. คิดอยู่ค่ะว่าจะเปลี่ยนเป็นทรงไหนดี จะทำสี จะตัด หรือดัดดี คิดไป คิดมา เลยมาปรึกษ จขกท.
จขกท. ปกติก็จะเปิดดูตามกระทู้รีวิวต่างๆ เห็นหลายๆกระทู้พูดถึงชื่อ "มารุซัง" กันเยอะพอสมควร ทั้งชื่อเสียงในการตัด ดัด เยอะแยะไปหมด ซึ่ง จขกท.เองก็เคยไปดัดผมกับมารุซังเมื่อหลายปีมาแล้วค่ะ (อย่างที่เพื่อนๆทราบจขกท.ชอบทำผมกับคนญี่ปุ่นค่ะ)  เลยนึกขึ้นได้และแนะนำไปค่ะ แต่พี่สาวก็ยังคิดไม่ออกว่าจะทำทรงอะไรดี เลือกไม่ได้ว่าจะตัดหรือดัด ดีน้าาาา สุดท้าย จขกท.เลยเสนอไปว่า เอาแบบนี้ละกัน ทำมันทั้งตัดและดัดเลย ทำมันทั้ง2อย่างนี้แหละ  

อันนี้เป็นผม Before พี่สาว จขกท.ก่อนแปลงโฉมค่ะ สภาพเส้นผมก็คือเป็นคนผมเส้นเล็กค่ะ มีสีเหลืออยู่แค่ช่วงปลายผมตรงที่ส้มๆ และเส้นผมก็ออกแห้งนิดหน่อยค่ะ


อะๆ ลืมบอกไป ว่ามารุซังย้ายร้านแล้วนะคะ จากที่เดิมแถวๆเอกมัย มาเป็นในวิลล่าที่มีชื่อว่า Nihonmura สุขุมวิท 26 ค่ะ หาไม่ยากนะคะ ร้านอยู่ชั้นหนึ่ง ชื่อร้าน Circle Hair ตรงข้างๆบันไดทางขึ้นเลยค่ะ


พอจอดรถเสร็จ (ที่จอดรถเพียบ) เดินไปจะเห็นหน้าร้านเป็นแบบนี้นะคะ


ที่ร้านใช้แต่ผลิตภัณฑ์แบรนด์ญี่ปุ่นแบรนด์เดียวกับที่ จขกท.เคยทำสีค่ะ (แบรนด์สุดเลิฟตอนนี้)



มีบาร์ที่ไว้สำหรับผู้ที่มานั่งรอคุณเพื่อนหรือคุณแฟนด้วยนะคะ


อันนี้มองจากที่นั่งรอเข้าไปในร้าน ดูสะอาดและเป็นส่วนตัวดีค่ะ


ตามที่จขกท.บอกตั้งแต่แรกแล้วว่า ตั้งใจจะให้พี่สาวทั้งดัด และตัด แต่ดัดในที่นี้คือ ดัดธรรมดาค่ะ
แต่พอมาถึงที่ร้าน มารุซังก็เช็คเส้นผมดู และคุยกันว่า ต้องการอยากให้ทรงผมออกมาประมาณไหน มารุซังเค้าเลยแนะนำว่าลองดัดดิจิตอลมั๋ย จขกท.ก็รีบตอบปฏิเสธเลยค่ะว่า "ไม่" (ตอบแทนพี่สาว)เพราะเท่าที่ทราบมาดัดดิจิตอลจะทำให้ผมแห้งเสีย เพราะผมพี่สาว จขกท.เส้นเล็กและแห้งอยู่แล้ว และดัดดิจิตอลส่วนมากจะใช้เวลานานมาก หลายชั่วโมง เรา2คนไม่ชอบนั่งนานๆค่ะ (มีแพลนจะไปชอปปิ้งกันต่อ อิอิ)
มารุซังเลยอธิบายให้ฟังค่ะว่า ตอนนี้ที่ร้านมีเครื่องดัดดิจิตอลมาใหม่จากญี่ปุ่น ใช้ความร้อนไม่สูงมาก แถมยังดัดเสร็จภายใน 1 ชั่วโมง พร้อมกับที่ร้านมีtreatmentบำรุงเส้นผมตลอดการดัดทุกขั้นตอน ลอนดัดที่ได้จะออกมาเป็นลอนเบาๆนุ่มๆ ไม่แห้งเสียแน่นอน
แหม่ ฟังแบบนี้แล้ว เรา2คนก็เลยคุยกันว่าน่าลองเนอะ ส่วนตัว จขกท.เองก็อยากเห็นด้วยค่ะ เลยตัดสินใจ ดัดดิจิตอลค่ะ

ก่อนดัด ก็ ตัด ก่อนค่ะ อันนี้เป็นผมที่เปียกน้ำเลยไม่เห็นว่าปลายมันส้มๆ


ด้านหน้าพี่สาวไม่ชอบสั้นๆ เลยขอเอาไว้ยาวหน่อยให้พอเหน็บหูได้


หลังจากตัดเสร็จนะคะ ตอนแรกบอกมารุซังว่าเอาความยาวประมาณบ่าค่ะ ก็ได้ออกมาตามที่บอกค่ะ ถ้าสังเกตุดีๆยังพอมีสีเก่าติดอยู่ที่ปลายนิดหน่อยนะคะ


พอตัดเสร็จก็เริ่ม ขั้นตอนในการ ดัด ค่ะ
ก่อนดัด มารุซัง ก็ใส่treatmentทั้งหมด 4 ตัวด้วยกันค่ะ เป็นตัวเดียวกับที่ร้าน equip (ที่เคยรีวิว) เคยใช้ ตัวแรกเป็นspray  


ตัวที่สองเป็นเนื้อ milk ค่ะ ส่วนตัวที่สามเป็นฟองๆ


ตัวสุดท้ายเป็นหลอดม่วงๆ น่าจะเป็นเนื้อ milk ค่ะ ความรู้สึกของ จขกท.ตอนนั้น รู้สึกดีมาก อัด treatmentขนาดนี้ สุดยอด ผมพี่เราไม่เสียแน่นอน


หลังจากเตรียมผมแล้วก็เริ่มใส่น้ำยาแล้วม้วนแกนค่ะ


น้ำยาดัดที่ใช้ดัดดิจิตอลเป็นน้ำค่ะ
จขกท.สงสัยค่ะ(สงสัยก็ต้องถามเนอะ) เคยไปนั่งรอเพื่อนดัดดิจิตอล เห็นเค้าดัดดิจิตอลจะใช้เป็นครีมทาๆแล้วล้างแล้วค่อยมาเสียบเครื่อง แต่ที่นี่ใช้ใส่น้ำยาเป็นน้ำที่ผมแล้วม้วนแกนเลย จขกท.เลยถามที่ร้านค่ะว่าทำไมใช้แบบน้ำ มันต่างกับแบบครีมยังไง ที่ร้านเค้าเลยบอกว่า "อันนี้ความรู้ใหม่อีกแล้วววว) ปกติเครื่องดัดดิจิตอลรุ่นอื่นจะไม่กันน้ำเลยต้องใช้น้ำยาแบบครีม แต่เครื่องนี้สามารถกันน้ำได้เลยใช้น้ำยาดัดแบบน้ำได้ แถมสะดวกไม่ต้องมาล้างหลายๆรอบ พอใส่น้ำยาเสร็จก็สามารถเสียบเครื่องได้เลย ส่วนตัวน้ำยาดัด ที่ร้านใช้ของAiminoค่ะ พี่ที่ร้านบอกเป็นน้ำยาญี่ปุ่น ลอนออกมาสวยผมไม่เสียด้วย จขกท. ก็ อ๋ออออ (แบรนด์นี้คนญี่ปุ่นเค้าฮิตใช้กัน จขกท.เจอมาหลายร้านละคะ)


จากนั้นก็เสียบเครื่องค่ะ สายเยอะแยะ ปกติตามแบบฉบับดัดดิจิตอล แต่ที่สะดุดตาก็คือสีเครื่องค่ะ สีน่ารักพาสเทลสุดๆ



หลังจากที่ จขกท.กำลังชื่นชมสีเครื่องและเม้ามอยกับพี่สาวอยู่นั้น ก็มีเสียงดังติ๊ดๆๆๆๆๆ ออกมาจากเครื่อง พร้อมกับมารุซังเดินมากดปิดสวิตช์เช็คลอน แล้วก็ถอดสายออก จขกท.ก็ ห๊ะ!!!!! (ในใจ) เสร็จแล้วหรอ ไม่ถึง 10 นาที เลย ตอนนั้น จขกท.สงสัยมาก เลยถามว่า เสร็จแล้วหรอคะแล้วมันจะหยิกหรอคะ มารุซังตอบสั้นๆแค่ว่า ครับเสร็จแล้ว แล้วยิ้ม

พอถอดเอาสายออก พี่ที่ร้านก็เอาน้ำยาหอมๆมาใส่ให้ พร้อมกับบอกว่า "เป็นน้ำยาล้างที่ใช้แทนน้ำเปล่า ช่วยปรับค่า phให้เส้นผมนะคะ " โห ฟังดูดีอีกแล้วบำรุงตลอดเวลาจริงๆด้วย
ต่อด้วยน้ำยายโกรก


จากนั้นก็ล้างค่ะ ระหว่างล้าง พี่ที่ทำหน้าที่ล้างผมก็จะบอกทุกขั้นตอนค่ะ ว่าใส่อะไรบ้าง
บอกตามตรง จขกท.ไม่ได้ตามเข้าไปค่ะ เกรงใจลูกค้าท่านอื่น แต่พี่สาวเล่าว่า เค้าล้างด้วยตัวที่ชื่อว่า Buffer oil เพื่อเติมสารอาหารให้เส้นผมหลังโดนเคมี (ถ่ายรูปไม่ทันนะคะ) อารมณ์ประมาณว่าตักน้ำจากอ่างมาล้างๆ ไม่ได้ใช้สายฉีด ขั้นตอนนี้พี่สาวบอกเพลินสุดๆเลยค่ะ

ต่อมาก็เป็นครีมที่เป็นโปรีตีนไหม หลอดส้มๆมี่เห็นในภาพ (เย้!!!! พี่สาวถ่ายทัน) นวดเหมือนครีมนวดแล้วล้างค่ะ


พอล้างเสร็จก็ใส่peace milk ค่ะ หอมกลิ่นผลไม้อ่อนๆกลิ่นไม่เลี่ยนดีค่ะ เป็นsettingกลุ่มเดียวกับที่ จขกท.ใช้อยู่ตอนนี้ค่ะ


ที่ร้านใช้ไดร์เป่าๆธรรมดาให้โคนแห้งค่ะ ไม่ได้ใช้หวีดึงโคน งัดโคนเลย แค่เป่าเฉยๆ


มารุซังมาเช็คงานค่ะ โดยใส่ setting ให้เป็นโฟมค่ะ (ตอนแรก จขกท.คิดว่าจะแข็งๆป้าๆ แต่พอมาจับผมพี่สาวตอนหลังไม่แข็งเลยค่ะ อยู่ทรงสวยดี ไม่เหนียวมือด้วย) เสร็จแล้วก็เป่าๆจับผมม้วนๆ แล้วเป่า



ออกมาเป็นแบบนี้ค่ะ จะได้ลอนแบบญี่ปุ่นๆ คาวาอิสุดๆ ที่เห็นตรงปลายสีส้มๆเป็นสีเดิมที่ยังเหลืออยู่ของสีเก่าค่ะ


อีกข้าง


อันนี้ด้านหน้า



จขกท.มีภาพมาฝากเพิ่มเติมหลังจากที่ดัดมาได้ประมาณเกือบอาทิตย์ พี่สาวสระผมเองเซตเอง ได้แบบนี้ค่ะ
ด้านหน้า


ด้านข้าง




สรุปนะคะ : ได้ทรงที่ถูกใจ พี่สาวจขกท.ค่ะ แถมผมไม่เสีย ดูนุ่มและเงาขึ้นด้วยนะคะ ทั้งๆที่ร้านไม่ได้ไดร์เพื่อหลอกตาเลย

ปัญหาที่กลัวคือ :  เคยเจอบางร้านไดร์เซทให้อย่างดี ออกจากร้านสวยปิ้ง พอกลับบ้านไปทำเอง ไม่สวยซะงั้นแต่รอบนี้ไม่เป็นปัญหาค่ะ กลับบ้านมาทำเองได้ทรงสวย เหมือนออกจากร้าน ดูแลง่ายมาก
ราคา : ดัดดิจิตอล + ตัด 3,600 บาทค่ะ

สุดท้าย : รูปทั้งหมดถ่ายจากมือถือนะคะ อาจจะมัวบ้าง ชัดบ้าง ต้องขออภัยด้วยจ้า

จขกท. หวังว่ารีวิวนี้ จะเป็นประโยชน์กับเพื่อนๆที่กำลังตัดสินใจว่าจะทำผมร้านไหนดี หรือเพื่อนๆบางคนที่กำลังตามหามารุซังอยู่นะคะ
ขอบคุณค่ะ