สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 3
"เ ข า ตี น ไ ก่" สถานที่ปรินิพพานของ " พระมหากัสสปะ" โดย อาจารย์พระนาย
http://larndham.org/index.php?s=f9dcfa0a87518c76db5fd610b4650de4&showtopic=17466&st=0#entry144880
"เขาตีนไก่" ซึ่งเป็นที่เก็บรักษาพระศพของพระมหากัสสปะ ตามที่หลวงจีนฟาเหียน ได้
เดินทางไปกราบสักการะพระศพ
พระมหากัสสปะเถระ หลังจากที่ท่านได้เสร็จภาระกิจงานสังคายนาแล้ว ท่านเดินทางไปที่
บริเวณเมืองจีน ตามคำอาราธนานิมนต์ของพระเจ้ากรุงจีน แล้วเมื่อถึงบริเวณเขาตีนไก่
ท่านได้ดับขันธ์ปรินิพพานที่นั้น
ดังข้อมูลที่ปรากฎ ใน "ศาสนวังสะ" ที่พระเถระชาวพม่า แต่งเป็นภาษาบาลี ไว้เมื่อ
100 กว่าปีที่แล้ว ซึ่งท่านเรียบเรียงจากประวัติศาสตร์ พงศาวดารพม่า-มอญ กลับระบุแว่น
แคว้นต่างๆ อยู่ในเขตเอเซียอาคเนย์ทั้งสิ้น เช่น วนวาสี คือ ศรีเกษตร และหิมวัน
ตประเทศก็อยู่ในจีนรัฐ ซึ่งก็แถบเชียงรุ่ง สิบสองปันนานั่นเอง
-----------------------------------------------------
รายละเอียด ของ " เวรกรรม ของ พระศรีอริยะเมตไตรย กับ พระมหากัสสปะ "
มี บันทึกไว้อยู่ในหนังสือประกอบภาพ ชื่อ
พระพุทธเจ้าเคยเกิดเป็น " ผู้หญิง"
พุทธประวัติก่อนการเริ่มสร้างพระบารมีของพระองค์
อยู่ใน ตอนที่มีชื่อ ว่า " ร า ค ะ ข อ ง พ ญ า ช้ า ง "
ในครั้งนั้น พระศรีอริยะเมตไรย เคยเกิดเป็น นายควาญช้าง
พระมหากัสสปะ เกิดเป็น พญาช้าง
พระพุทธเจ้าองค์ปัจจุบัน เกิดเป็น พระเจ้าคชัปปิยะ ( สัตตุตาปนะ )
วันหนึ่ง พระเจ้าคชัปปิยะ ได้ประทับบนหลังพญาช้างนั้นเสด็จเที่ยวชมงาน
มหรสพ โดยมีนายควาญช้างนั้นเป็นสารถี
ทหารได้มากราบทูลว่า มีโขลงช้างป่าเข้ามาทำลายเหยียบย่ำพระราชอุทยาน
จนพินาศย่อยยับ
พระเจ้าคชัปปิยะ จึงยกขบวนเสด็จไปดูเหตุการณ์ เมื่อไปถึง กลิ่นของนาง
ช้างป่าได้ทำให้ พญาช้างพระที่นั่ง เกิดอาการ " ตกมัน" ด้วยอำนาจแห่งราคะ
จึงได้สลัดนายควาญช้างตกลงจากคอ พระเจ้าคชัปปิยะทรงใช้ขอช้างสับลงไปที่หัวช้าง
นั้น แต่ก็ไม่อาจบังคับมันได้ ช้างนั้นไว้วิ่งเข้าไปในป่า พระเจ้าคชัปปิยะเกรงว่า
จะตกไปอยู่ในโขลงช้างป่า จึงได้เกาะกิ่งมะเดื่อแล้วกระโดดขึ้นไปนั่งบนต้นมะเดื่อ
ปล่อยให้พญาช้างนั้นวิ่งไปลำพังตัวเดียว
พระเจ้าคชัปปิยะได้พิจารณาเห็นโทษของพญาช้าง ได้รับสั่งให้นายควาญช้าง
มาเข้าเฝ้าโทษฐานฝึกช้างนั้นไว้ไม่ดี แต่นายควาญช้างทูลว่า ฝึกไว้ดีแล้ว แต่อำนาจ
ราคะมีอำนาจมากกว่าจึงไม่อาจบังคับช้างได้ และได้ทูลว่า ภายใน 7 วัน
พอช้างนั้นได้เสพสมกับนางช้างป่าแล้ว จะกลับมายังโรงช้างดังเดิม
พระเจ้าคชัปปิยะ จึงคาดโทษไว้ว่า หากช้างนั้นไม่กลับมาภายใน 7 วัน จะ
สั่งประหารชีวิตนายควาญช้าง
พอครบวันที่ 7 พญาช้างนั้นก็กลับมาดังเดิม
และด้วยความโกรธ นายควาญช้างจึงได้ลงโทษ พญาช้างนั้น
ด้วยการให้นายช่างเหล็ก เอาเหล็กเผาไฟร้อนจนแดง แล้วบังคับให้พญาช้าง
นั้นใช้งวงจับไว้โดยไม่ยอมให้ปล่อย เพื่อเป็นการลงโทษ ที่ทำให้นายควาญช้างเกือบ
ต้องโดนประหารชีวิต
พญาช้างได้รับความเจ็บปวดจากความร้อนอย่างแสนสาหัส ทนความร้อนไม่
ไหว จนขาดใจตายในที่สุด
พญาช้างนั้นได้มาเป็น " พระมหากัสสปะ" ในชาติสุดท้าย
นายควาญช้างนั้น ได้มาเป็น " พระศรีอริยะเมตไตรย ในชาติสุดท้าย
เหตุ นายควาญช้างเคยบังคับให้พญาช้าง ถือเหล็กร้อนไว้ด้วยมือ ฉันใด
ผล พระศรีอริยะเมตไรยก็ต้องถือสรีระของพระมหากัสสปะเพื่อเผาบนพระหัตถ์
ขวาของพระองค์ ฉันนั้น
เรียกว่า " ให้ทุกข์แก่ท่าน ทุกข์นั้นถึงตัว " ด้วยอำนาจของ "กรรม"
และด้วยแรงกรรมนี้นี่เอง ภายหลังจากที่พระมหากัสสปะได้กระทำปฐม
สังคยนาเสร็จสิ้นแล้ว ท่านได้รับนิมนต์จาก พระเจ้ากรุงจีน
เมื่อพระมหากัสสปะท่านจะปรินิพพาน ท่านได้ไปที่ภูเขาลูกหนึ่ง และได้
อธิษฐานให้เขานั้นแยกออกมาเป็น 3 ลูก แล้วท่านก็ดับขันธปรินิพพานอยู่ในระหว่าง
เขา 3 ลูก นั้น เขาได้ปิดบรรจบกันเป็น 1 ลูกดังเดิมเพื่อรักษาร่างของพระเถระ จนกว่า
พระศรีอริยะเมตไตรยจะเสด็จมาตรัสรู้ แล้วพระองค์ก็จะเสด็จมายังภูเขาแห่งนี้ เพื่อเผา
สรีระของพระเถระบนฝ่าพระหัตถ์ข้างขวาของพระองค์ เพื่อชดใช้วิบากกรรมที่ได้เคย
กระทำแก่พญาช้าง
เขานี้มีชื่อว่า เขาตีนไก่ เพราะมีสัฏฐานเป็นรูป 3 แฉกเหมือน "รอยตีนไก่"
หมายเหตุ
รายละเอียด พร้อมภาพประกอบจะมีอยู่ในหนังสือ ชื่อ
พระพุทธเจ้าเคยเกิดเป็น " ผู้หญิง"
พุทธประวัติก่อนการเริ่มสร้างพระบารมีของพระองค์
อยู่ใน ตอนที่มีชื่อ ว่า " ร า ค ะ ข อ ง พ ญ า ช้ า ง "
http://larndham.org/index.php?s=f9dcfa0a87518c76db5fd610b4650de4&showtopic=17466&st=0#entry144880
"เขาตีนไก่" ซึ่งเป็นที่เก็บรักษาพระศพของพระมหากัสสปะ ตามที่หลวงจีนฟาเหียน ได้
เดินทางไปกราบสักการะพระศพ
พระมหากัสสปะเถระ หลังจากที่ท่านได้เสร็จภาระกิจงานสังคายนาแล้ว ท่านเดินทางไปที่
บริเวณเมืองจีน ตามคำอาราธนานิมนต์ของพระเจ้ากรุงจีน แล้วเมื่อถึงบริเวณเขาตีนไก่
ท่านได้ดับขันธ์ปรินิพพานที่นั้น
ดังข้อมูลที่ปรากฎ ใน "ศาสนวังสะ" ที่พระเถระชาวพม่า แต่งเป็นภาษาบาลี ไว้เมื่อ
100 กว่าปีที่แล้ว ซึ่งท่านเรียบเรียงจากประวัติศาสตร์ พงศาวดารพม่า-มอญ กลับระบุแว่น
แคว้นต่างๆ อยู่ในเขตเอเซียอาคเนย์ทั้งสิ้น เช่น วนวาสี คือ ศรีเกษตร และหิมวัน
ตประเทศก็อยู่ในจีนรัฐ ซึ่งก็แถบเชียงรุ่ง สิบสองปันนานั่นเอง
-----------------------------------------------------
รายละเอียด ของ " เวรกรรม ของ พระศรีอริยะเมตไตรย กับ พระมหากัสสปะ "
มี บันทึกไว้อยู่ในหนังสือประกอบภาพ ชื่อ
พระพุทธเจ้าเคยเกิดเป็น " ผู้หญิง"
พุทธประวัติก่อนการเริ่มสร้างพระบารมีของพระองค์
อยู่ใน ตอนที่มีชื่อ ว่า " ร า ค ะ ข อ ง พ ญ า ช้ า ง "
ในครั้งนั้น พระศรีอริยะเมตไรย เคยเกิดเป็น นายควาญช้าง
พระมหากัสสปะ เกิดเป็น พญาช้าง
พระพุทธเจ้าองค์ปัจจุบัน เกิดเป็น พระเจ้าคชัปปิยะ ( สัตตุตาปนะ )
วันหนึ่ง พระเจ้าคชัปปิยะ ได้ประทับบนหลังพญาช้างนั้นเสด็จเที่ยวชมงาน
มหรสพ โดยมีนายควาญช้างนั้นเป็นสารถี
ทหารได้มากราบทูลว่า มีโขลงช้างป่าเข้ามาทำลายเหยียบย่ำพระราชอุทยาน
จนพินาศย่อยยับ
พระเจ้าคชัปปิยะ จึงยกขบวนเสด็จไปดูเหตุการณ์ เมื่อไปถึง กลิ่นของนาง
ช้างป่าได้ทำให้ พญาช้างพระที่นั่ง เกิดอาการ " ตกมัน" ด้วยอำนาจแห่งราคะ
จึงได้สลัดนายควาญช้างตกลงจากคอ พระเจ้าคชัปปิยะทรงใช้ขอช้างสับลงไปที่หัวช้าง
นั้น แต่ก็ไม่อาจบังคับมันได้ ช้างนั้นไว้วิ่งเข้าไปในป่า พระเจ้าคชัปปิยะเกรงว่า
จะตกไปอยู่ในโขลงช้างป่า จึงได้เกาะกิ่งมะเดื่อแล้วกระโดดขึ้นไปนั่งบนต้นมะเดื่อ
ปล่อยให้พญาช้างนั้นวิ่งไปลำพังตัวเดียว
พระเจ้าคชัปปิยะได้พิจารณาเห็นโทษของพญาช้าง ได้รับสั่งให้นายควาญช้าง
มาเข้าเฝ้าโทษฐานฝึกช้างนั้นไว้ไม่ดี แต่นายควาญช้างทูลว่า ฝึกไว้ดีแล้ว แต่อำนาจ
ราคะมีอำนาจมากกว่าจึงไม่อาจบังคับช้างได้ และได้ทูลว่า ภายใน 7 วัน
พอช้างนั้นได้เสพสมกับนางช้างป่าแล้ว จะกลับมายังโรงช้างดังเดิม
พระเจ้าคชัปปิยะ จึงคาดโทษไว้ว่า หากช้างนั้นไม่กลับมาภายใน 7 วัน จะ
สั่งประหารชีวิตนายควาญช้าง
พอครบวันที่ 7 พญาช้างนั้นก็กลับมาดังเดิม
และด้วยความโกรธ นายควาญช้างจึงได้ลงโทษ พญาช้างนั้น
ด้วยการให้นายช่างเหล็ก เอาเหล็กเผาไฟร้อนจนแดง แล้วบังคับให้พญาช้าง
นั้นใช้งวงจับไว้โดยไม่ยอมให้ปล่อย เพื่อเป็นการลงโทษ ที่ทำให้นายควาญช้างเกือบ
ต้องโดนประหารชีวิต
พญาช้างได้รับความเจ็บปวดจากความร้อนอย่างแสนสาหัส ทนความร้อนไม่
ไหว จนขาดใจตายในที่สุด
พญาช้างนั้นได้มาเป็น " พระมหากัสสปะ" ในชาติสุดท้าย
นายควาญช้างนั้น ได้มาเป็น " พระศรีอริยะเมตไตรย ในชาติสุดท้าย
เหตุ นายควาญช้างเคยบังคับให้พญาช้าง ถือเหล็กร้อนไว้ด้วยมือ ฉันใด
ผล พระศรีอริยะเมตไรยก็ต้องถือสรีระของพระมหากัสสปะเพื่อเผาบนพระหัตถ์
ขวาของพระองค์ ฉันนั้น
เรียกว่า " ให้ทุกข์แก่ท่าน ทุกข์นั้นถึงตัว " ด้วยอำนาจของ "กรรม"
และด้วยแรงกรรมนี้นี่เอง ภายหลังจากที่พระมหากัสสปะได้กระทำปฐม
สังคยนาเสร็จสิ้นแล้ว ท่านได้รับนิมนต์จาก พระเจ้ากรุงจีน
เมื่อพระมหากัสสปะท่านจะปรินิพพาน ท่านได้ไปที่ภูเขาลูกหนึ่ง และได้
อธิษฐานให้เขานั้นแยกออกมาเป็น 3 ลูก แล้วท่านก็ดับขันธปรินิพพานอยู่ในระหว่าง
เขา 3 ลูก นั้น เขาได้ปิดบรรจบกันเป็น 1 ลูกดังเดิมเพื่อรักษาร่างของพระเถระ จนกว่า
พระศรีอริยะเมตไตรยจะเสด็จมาตรัสรู้ แล้วพระองค์ก็จะเสด็จมายังภูเขาแห่งนี้ เพื่อเผา
สรีระของพระเถระบนฝ่าพระหัตถ์ข้างขวาของพระองค์ เพื่อชดใช้วิบากกรรมที่ได้เคย
กระทำแก่พญาช้าง
เขานี้มีชื่อว่า เขาตีนไก่ เพราะมีสัฏฐานเป็นรูป 3 แฉกเหมือน "รอยตีนไก่"
หมายเหตุ
รายละเอียด พร้อมภาพประกอบจะมีอยู่ในหนังสือ ชื่อ
พระพุทธเจ้าเคยเกิดเป็น " ผู้หญิง"
พุทธประวัติก่อนการเริ่มสร้างพระบารมีของพระองค์
อยู่ใน ตอนที่มีชื่อ ว่า " ร า ค ะ ข อ ง พ ญ า ช้ า ง "
แสดงความคิดเห็น
เรื่องสังขารของพระมหากัสปปะและการรอวันประชุมเพลิงโดยพระศรีอารยเมตไตรย์มีความเป็นมาอย่างไร