ในประวัติศาสตร์ของอเมริกันฟุตบอลอาชีพ มีสุดยอดจอมทัพในตำนานที่ต่อสู้หํ้าหั่นกันมาหลากหลายคู่
บางคู่ วัดกันทางด้านของฝีมือการเป็นสุดยอดของควอเตอร์แบ็ค
แต่บางคู่ ก็พิสูจน์ความยิ่งใหญ่กันในด้านของความสำเร็จที่ได้รับ
วันนี้ เราจะมามองย้อนกลับไปในประวัติศาสตร์ของอเมริกันฟุตบอล ว่ามีการดวลของสุดยอดจอมทัพในตำนานคู่ไหนบ้าง
ที่ได้ถูกจำรึกเอาไว้ในหน้าประวัติศาสตร์ลีคว่า..
" เป็นการดวลกันของสองสุดยอดจอมทัพในแต่ล่ะทศวรรษที่ผ่านมาของอเมริกันฟุตบอลอาชีพ "
1. การดวลของยุค 40.....แซมมี่ บอร์ก [ Redskins ] vs ซิด ลักแมน [ Bears ]
ในยุคเริ่มแรกของอเมริกันฟุตบอลอาชีพนั้น ควอเตอร์แบ็คที่ถือกันว่าเป็นดาราดวงเด่นของลีค
ไม่มีใครที่จะได้รับการยอมรับในฝีไม้ลายมือมากไปกว่า " แซมมี่ บอร์ก " จอมทัพมากฝีมือของทีม Washington Redskins
ทั้งๆที่ บอร์ก ไม่ได้เกิดมาพร้อมกับพรสวรรค์ทางด้านกีฬาอะไรมากมายนัก
แต่เขาจะเป็นคนที่ทุ่มเทเกินร้อยเปอร์เซ็นต์ให้กับการฝึกซ้อม
ในช่วงวัยรุ่นนั้น เขาจะขลุกอยู่กับการฝึกฝนการขว้างลูกฟุตบอลให้พุ่งตรงเข้าไปในยางรถยนต์เก่าๆอย่างสมํ่าเสมอ
ทำให้เขาเป็นควอเตอร์แบ็คที่มีทักษะในการขว้างลูกบอลได้มากมายหลายรูปแบบ ชนิดที่ไม่มีใครในยุคนั้นจะมาเทียบได้
บอร์ก เข้าสู่ NFL ในปี 1937 และ เป็นจอมทัพนำทีม Redskins ก้าวเข้าไปเป็นแชมเปี้ยนของลีคในฤดูกาลแรกนั้นได้อย่างยอดเยี่ยม
แต่พอปี 1939 เมื่อ จอร์จ ฮาลาส เจ้าของและหัวหน้าโค๊ชทีม Chicago Bears ได้คัดเลือกจอมทัพดาวรุ่งดวงใหม่เข้ามาสู่ทีม
ชื่อของ " ซิด ลักแมน " ก็เข้ามาทัดเทียมเทียบรัศมีกับ แซมมี่ บอร์ก โดยอัตโนมัติ
ฮาลาส ยอมทุ่มทุกอย่างเพื่อดึง ลักแมน เข้ามาเป็นผู้นำของทีม Bears ที่เขากำลังสร้างขึ้นมาให้เป็นทีมที่แข็งแกร่งในลีค
และในฤดูกาล 1940 ผลที่ฮาลาสหว่านลงไปก็ออกดอกอันงดงามมาให้เขาได้ชื่นชม
เมื่อ ลักแมน นำพลพรรคหมียักษ์ดำก้าวเข้าไปเป็นแชมป์ NFL ได้อย่างยิ่งใหญ่
แต่ที่สำคัญ มันเป็นชัยชนะเหนือทีม Redskins ที่มี บอร์ก เป็นจอมทัพอยู่ด้วย และที่สำคัญยิ่งไปกว่านั้นมันอยู่ที่สกอร์.
" Redskins 0 , Bears 73 !!!! "
สกอร์ที่น่าอับอายเช่นนี้ มันได้สร้างรอยด่างให้กับยอดควอเตอร์แบ็คอย่าง บอร์ก ไปแบบเต็มๆ
บอร์ก ต้องเก็บความแค้นเอาไว้ในจิตใจเพื่อรอวันที่จะชำระล้างบัญชีแค้นครั้งนี้คืนให้ได้ทั้งต้นทั้งดอก
ในปีต่อมา ลักแมน ยังคงเปล่งประกายของความยอดเยี่ยมเอาไว้ได้ไม่เสื่อมคลาย
เมื่อเขาพาทีม Bears ไปเป็นแชมป์หนที่ 2 ได้อีกเมื่อเอาชนะทีมแกร่งอย่าง New York Giants
และในฤดูกาล 1942 ทั้ง บอร์ก และ ลักแมน ก็โคจรกลับมาวัดศักดิ์ศรีกันอีกหนในเกมชิงแชมป์
เกมหนนี้เล่นกันที่ Washington ถิ่นของ Redskins ทำให้ บอร์ก กุมความได้เปรียบเอาไว้ในมือ
และเขาก็ล้างอายได้สำเร็จ เมื่อพาทีม Redskins เอาชนะ Bears ของ ลักแมนไปได้อย่างเฉียดฉิวด้วยสกอร์ 14 - 6
แต่อนิจจา.....เพราะชัยชนะหนนี้ของ บอร์ก มันจะเป็นชัยชนะหนสุดท้ายที่เขามีในเกมชิงแชมป์ของ NFL
เมื่อปีต่อๆมา ทีม Redskins ที่มีเขานำทัพไม่สามารถเอาชนะทีม Bears ของ ลักแมนได้อีกเลย..
ในเกมชิงแชมป์ปี 1943 Redskins ก็แพ้ให้ Bears ไปอีก 41 - 21
และ ลักแมน ก็พาทีม Bears เข้าไปเป็นแชมป์ NFL ได้อีกในปี 1946
ทำให้จำนวนแชมป์สะสมของเขาไปหยุดอยู่ที่ 4 หน มากกว่า แซมมี่ บอร์ก ที่มีแชมป์ประดับบารมีเพียง 2 ครั้งเท่านั้นเอง..
2. การดวลแห่งยุค 50 .....อ๊อตโต้ แกรม [ Browns ] vs บ็อบบี้ เลน [ Lions ]
อเมริกันฟุตบอลในยุค 50 หากเอ่ยถึงจอมทัพที่นำพาความสำเร็จมาสู่ทีมของตัวเองได้อย่างมากมายนั้น
ทุกสำนักต้องชี้เป้าตรงมาที่ชื่อของ อ๊อตโต้ แกรม จอมทัพของทีม Cleveland Browns
แกรมพาทีม Browns ไปเป็นแชมป์แทบจะทุกปีที่เขานำทัพ เขาพาทีมเป็นแชมป์ของลีค AAFC ในปี 1946 - 47 - 48 - 49
ก่อนที่ทีม Browns จะย้ายมาเป็นสมาชิคของ NFL ในปี 1950
และ แกรม ก็ยังคงกวาดความสำเร็จเข้ามาสู่ทีมอย่างต่อเนื่อง เมื่อเขาพาทีม Browns เป็นแชมป์ NFL ได้ในฤดูกาลนั้นเลย
เมื่อปราบทีม LA Rams ไปได้ 30 - 28 คะแนน และ ในฤดูกาลต่อมา Browns ก็ครองแชมป์เป็นปีที่ 2 เมื่อยํ้าแค้นให้ Rams ไปอีกหน
แต่ ความยิ่งใหญ่ของ อ๊อตโต้ แกรม และ ทีม Browns ก็ต้องมาสะดุดหยุดลง
ด้วยนํ้ามือของจอมทัพพเนจรนาม บ็อบบี้ เลน ของทีม Detroit Lions ในเกมชิงแชมป์ NFL ปี 1952 ..
เลน นำทัพ Lions พลิกล็อคล้ม Browns ได้ถึงถิ่นด้วยสกอร์ 17 - 7 ดับฝันการครองแชมป์ลีค 7 สมัยซ้อนของทีม Browns อย่างเจ็บแสบ
และในเกมชิงแชมป์ NFL ในปีต่อมาทั้งสองทีมก็ยังโคจรกลับมาเจอกันอีกครั้ง
ศึกหนนี้ทีม Browns หวังที่จะล้างอาย Lions ทั้งต้นทั้งดอก
แต่ผลที่ออกมา กลับเป็นการยํ้าแค้นให้กองเชียร์และ ผู้เล่น Browns กะอักเลือดเพิ่มขึ้นอีกเป็นปี๊บ !!!
เมื่อ บ็อบบี้ เลน และ พลพรรค สิงห์โตผยอง เล่นกันได้อย่างยอดเยี่ยม เฉือนเอาชนะไปได้ด้วยสกอร์หวาดเสียว ...17 - 16 !!!
ทีม Browns และ อ๊อตโต้ แกรม กะอักเลือดกันอยู่เป็นปี จนมาถึงเกมชิงแชมป์ลีคในฤดูกาลถัดมา
คู่ชิงแชมป์ ก็ยังคงเป็นสองทีมเดิม Lions vs Browns แต่หนนี้ ทีม Browns เอาจริงจัดเต็มเก็บ Lions เรียบ 56 - 10
ถอนแค้นที่จุกอกออกมาคืนได้หน่อยนึงก็ยังดี
และศึกหนนั้น ยังเป็นการปิดตำนานการดวลแห่งยุค 50 ระหว่าง อ๊อตโต้ แกรม และ บ็อบบี้ เลน ไปอย่างสมบรูณ์แบบ..
3. การดวลแห่งยุค 60 ......บาร์ท สตารร์ [ Packers ] vs จอห์นนี่ ยูไนตัส [ Colts ]
จอห์นนี่ ยูไนตัส คือ คนที่เกิดมาเพื่อเป็นยอดควอเตอร์แบ็คเพื่อการเป็นตำนานอย่างแท้จริง
เขามีทุกทักษะ ในการเป็นยอดของจอมทัพในกีฬาอเมริกันฟุตบอล...
ความฉลาดในการอ่านแนวรับ , รูปร่าง , ความแข็งแรง , การขว้างบอลที่เฉียบคม และ แม่นยำ และ หัวใจของการเป็นผู้นำทีม
ทุกสิ่งที่บรรจุอยู่ในตัวของ ยูไนตัส เหล่านี้ ทำให้เขาได้รับการยอมรับจากบรรดากูรูอเมริกันฟุตบอลให้เป็น ...
" ต้นแบบของการเป็นควอเตอร์แบ็ค "
เขาสร้างสถิติของควอเตอร์แบ็คในด้านต่างๆเอาไว้เพียบ
จอห์นนี่ ยูไนตัส สามารถเป็นตัวแทนของการเป็นยอดควอเตอรแบ็คแห่งยุค 60 ได้อย่างสมบรูณ์แบบ ทุกประการ ไร้คนโต้แย้ง หากว่า..
ไม่มีชายชื่อ " บาร์ท สตารร์ และ ทีม Green Bay Packers " ทะลึ่งโผล่ขึ้นมาอยู่ในยุคสมัยเดียวกัน
วิ๊นซ์ ลอมบาร์ดี ยอดตำนานโค๊ช ได้สร้างทีม Packers ขึ้นมาทีล่ะเล็กล่ะน้อยในต้นยุค 60
และ เขายังได้สร้างยอดควอเตอร์แบ็คอย่าง บาร์ท สตารร์ ขึ้นมาเทียบรัศมีของ จอห์นนี่ ยูฯ อีกด้วย..
สตารร์ อาจไม่มีทุกอย่างในการเป็นสุดยอดจอมทัพเฉกเช่นที่ ยูไนตัส มี
แต่เขามี " ข้อดี " อีกหลายด้านที่ ยูไนตัสขาดหายไป.
สตารร์ มีแนวป้องกันที่ไร้เทียมทานในการสร้างเวลามองหาปีกให้กับเขา สตารร์มีกลุ่มตัววิ่งพรสวรรค์สูงคอยแบ่งเบาภาระในการบุก
ที่สำคัญสุดๆ เขามียอดโค๊ชอัฉริยะอย่าง วินซ์ ลอมบาร์ดี คอยส่งแผนเด็ดๆลงมาให้เขาอยู่ที่ข้างของสนาม
การขว้างบอลของเขาอาจจะทรงพลังสู้ ยูไนตัส ไม่ได้ แต่เขาก็ สามารถขว้างกระจายบอลไปให้กลุ่มปีกได้อย่างเฉียบคม
การปล่อยบอลแต่ล่ะครั้งของเขา มักจะไม่ค่อยผิดพลาด
และ ที่สำคัญที่สุดที่เขามีเหนือกว่า ยูไนตัส ก็คือ ..." ความสำเร็จในการเป็นแชมป์ "
ตลอด 17 ปีกับการนำทัพ Baltimore Colts จอห์นนี่ ยูไนตัส สามารถพาทีมของเขาก้าวไปเป็นแชมเปี้ยนของ NFL ได้ 3 ครั้ง
และ ในยุคสมัยของซุปเปอร์โบลว์นั้น เขาพาทีม Colts ได้แชมป์ไป 1 สมัยในซุปเปอร์โบลว์ V
ส่วน บาร์ท สตารร์ นั้น สามารถพาทีม Packers เป็นแชมป์ NFL ได้ถึง 5 สมัย บวกกับอีก 2 แชมป์ซุปเปอร์โบลว์ I - II
ความสำเร็จอย่างมากมายของสตารร์ในช่วงยุค 60 นี้ ทำให้ เป็นเครื่องหมายคำถามอยู่เสมอมาว่า...
" บาร์ท สตารร์ และ จอห์นนี่ ยูไนตัส ใครเหมาะสมที่จะเป็นเบอร์หนึ่งของยอดควอเตอร์แบ็คแห่งยุค 60 กันแน่ ?? "
4. การดวลแห่งยุค 70.......โรเจอร์ สตอร์บาค [ Cowboys ] vs เทอร์รี่ แบร็ดชอร์ [ Steelers ]
ต้นยุค 70 Dallas Cowboys เป็นทีมพลังหนุ่ม ที่มีลีลาการเล่นที่ทั้งแข็งแกร่งจากทีมรับเจ้าของฉายา " วันโลกาวินาศ "
และมีทีมบุกที่น่าตื่นตาตื่นใจ จากการนำทัพของ ยอดควอเตอร์แบ็คผู้แสนแคล่วคล่องนาม....โรเจอร์ " The Dodgers " สตอร์บาค
จอมทัพอดีตนักเรียนนายเรือผู้นี้ เป็นส่วนผสมที่สร้างความลงตัวให้กับทีมดาวเดี่ยวในยุค 70
เขาพาทีม Cowboys เป็นแชมป์ซุปเปอร์โบลว์ได้ถึง 2 สมัย VI & XII
แต่ความยอดเยี่ยมทั้งหมดทั้งมวลที่เขามีอยู่นี้ มันก็เป็นบารมีที่ยิ่งใหญ่อยู่เพียงแค่เบอร์ 1 ของสาย NFC เท่านั้นเอง
เพราะในวันและเวลาเดียวกันนั้นเอง
ยังมี จอมทัพที่ประสบความสำเร็จในการกวาดแชมป์ซุปเปอร์โบลว์มาประดับบารมีมากมายถึง 4 สมัยอยู่อีกคน
บุรุษผู้นั้นก็คือ ....." เทอร์รี่ แบร็ดชอร์ ของทีม Pittsburgh Steelers " นั่นเอง !!!
แบร็ดชอร์ จอมทัพที่มีฉายาว่า " เจ้าทึ่ม " เมื่อเข้ามาสู่ลีคใหม่ๆ เขามีหน้าตาราวกับมนุษย์ถํ้า
สำเนียงการพูดก็ติดลูกเหน่อตามสไตล์หนุ่มลูกทุ่งจากหลุยส์เซียน่า แถมยังมีผมบางตั้งแต่ยังหนุ่มยังแน่น
กลายเป็นบุรุษที่มีความแก่มาเยี่ยมเยือนก่อนวัย ซะอย่างงั้น
แต่สิ่งที่เขามีนั้นมันคือ...." ฝีมือในการเป็นยอดควอเตอร์แบ็ค "
เขามีการขว้างบอลที่ทั้ง แรง และ คบกริบ อีกทั้ง ยังมีสายตาที่เฉียบฉมังในการกวาดมองหาเป้าหมายที่แม่นยำ
และเขามีเพื่อนร่วมทีมที่สุดแข็งแกร่งและน่าหวาดหวั่นต่อคู่ต่อสู้ทุกทีมในลีค...
" ทีมรับม่านเหล็กสีดำ " ที่การันตีความโหดเหี้ยมได้เป็นอย่างดี ไหนแบร็ดชอร์ยังมีเพื่อนร่วมทีมบุกที่สุดยอดเยี่ยมอย่าง..
แฟรงโก แฮร์รีส ตัววิ่งหุ่นรถถังจอมตะลุย และ คู่ปีกดูโออย่าง สวอนน์ & สตอร์เวิร์ต ที่มีครบทั้ง ฝีมือ และ ลีลาที่น่าตื่นตาตื่นใจ
เทอร์รี่ แบร็ดชอร์ และ โรเจอร์ สตอร์บาค ได้มาวัดความยิ่งใหญ่กันในศึกซุปเปอร์โบลว์ถึง 2 สมัย
ในศึกซุปเปอร์โบลว์ X และ XIII
และทั้งสองครั้งสองครานั้น ชัยชนะตกเป็นของทาง Steelers และ เทอร์รี่ แบร็ดชอร์ อย่างเฉียดฉิว [ 17 - 21 SB X & 31 - 35 SB XIII ]
ทำให้การดวลของจอมทัพแห่งยุค 70 นั้น .
เทอร์รี่ แบร็ดชอร์ จอมทัพมากฝีมือแต่ดันรูปไม่หล่อของ Steelers เป็นผู้เหนือกว่าอย่างชัดเจน
@*** การดวลของอีก 3 จอมทัพแห่งยุค 80 , 90 และ 2000 ผมขอติดเอาไว้เขียนต่อช่วงเย็นวันนี้นะครับ
พอดีเมื่อคืนเลิกงานมาเช้าแล้ว ว่าจะเขียนให้จบไปเลย แต่ตอนนี้แบ็ตในตัวของผมชักจะอ่อนแรงลงทุกทีแล้วล่ะครับ
ต้องขออภัยเป็นอย่างสูง ถ้าผมทำให้ท่านสะดุดหยุดอารมณ์เอาไว้ถึงตอนนี้นะขอรับ
พอดีผมเขียนไปแบบไม่มีสคริปต์ ไม่มีสลิง ไม่มีบทใดๆ เลยต้องใช้เวลามากสักหน่อยครับ
รับรองว่าผมจะรีบกลับมาปั่นต่อให้จบอย่างแน่นอนในวันนี้นะครับผม
ขอบคุณทุกๆท่านเลยนะครับที่เสียสละเวลาคลิ๊กเข้ามานั่งอ่านกระทู้นี้ของผม ขอบคุณครับ
> Shine on you crazy diamond <
7 การดวลของสุดยอดควอเตอร์แบ็คในประวัติศาสตร์ NFL
บางคู่ วัดกันทางด้านของฝีมือการเป็นสุดยอดของควอเตอร์แบ็ค
แต่บางคู่ ก็พิสูจน์ความยิ่งใหญ่กันในด้านของความสำเร็จที่ได้รับ
วันนี้ เราจะมามองย้อนกลับไปในประวัติศาสตร์ของอเมริกันฟุตบอล ว่ามีการดวลของสุดยอดจอมทัพในตำนานคู่ไหนบ้าง
ที่ได้ถูกจำรึกเอาไว้ในหน้าประวัติศาสตร์ลีคว่า..
" เป็นการดวลกันของสองสุดยอดจอมทัพในแต่ล่ะทศวรรษที่ผ่านมาของอเมริกันฟุตบอลอาชีพ "
1. การดวลของยุค 40.....แซมมี่ บอร์ก [ Redskins ] vs ซิด ลักแมน [ Bears ]
ในยุคเริ่มแรกของอเมริกันฟุตบอลอาชีพนั้น ควอเตอร์แบ็คที่ถือกันว่าเป็นดาราดวงเด่นของลีค
ไม่มีใครที่จะได้รับการยอมรับในฝีไม้ลายมือมากไปกว่า " แซมมี่ บอร์ก " จอมทัพมากฝีมือของทีม Washington Redskins
ทั้งๆที่ บอร์ก ไม่ได้เกิดมาพร้อมกับพรสวรรค์ทางด้านกีฬาอะไรมากมายนัก
แต่เขาจะเป็นคนที่ทุ่มเทเกินร้อยเปอร์เซ็นต์ให้กับการฝึกซ้อม
ในช่วงวัยรุ่นนั้น เขาจะขลุกอยู่กับการฝึกฝนการขว้างลูกฟุตบอลให้พุ่งตรงเข้าไปในยางรถยนต์เก่าๆอย่างสมํ่าเสมอ
ทำให้เขาเป็นควอเตอร์แบ็คที่มีทักษะในการขว้างลูกบอลได้มากมายหลายรูปแบบ ชนิดที่ไม่มีใครในยุคนั้นจะมาเทียบได้
บอร์ก เข้าสู่ NFL ในปี 1937 และ เป็นจอมทัพนำทีม Redskins ก้าวเข้าไปเป็นแชมเปี้ยนของลีคในฤดูกาลแรกนั้นได้อย่างยอดเยี่ยม
แต่พอปี 1939 เมื่อ จอร์จ ฮาลาส เจ้าของและหัวหน้าโค๊ชทีม Chicago Bears ได้คัดเลือกจอมทัพดาวรุ่งดวงใหม่เข้ามาสู่ทีม
ชื่อของ " ซิด ลักแมน " ก็เข้ามาทัดเทียมเทียบรัศมีกับ แซมมี่ บอร์ก โดยอัตโนมัติ
ฮาลาส ยอมทุ่มทุกอย่างเพื่อดึง ลักแมน เข้ามาเป็นผู้นำของทีม Bears ที่เขากำลังสร้างขึ้นมาให้เป็นทีมที่แข็งแกร่งในลีค
และในฤดูกาล 1940 ผลที่ฮาลาสหว่านลงไปก็ออกดอกอันงดงามมาให้เขาได้ชื่นชม
เมื่อ ลักแมน นำพลพรรคหมียักษ์ดำก้าวเข้าไปเป็นแชมป์ NFL ได้อย่างยิ่งใหญ่
แต่ที่สำคัญ มันเป็นชัยชนะเหนือทีม Redskins ที่มี บอร์ก เป็นจอมทัพอยู่ด้วย และที่สำคัญยิ่งไปกว่านั้นมันอยู่ที่สกอร์.
" Redskins 0 , Bears 73 !!!! "
สกอร์ที่น่าอับอายเช่นนี้ มันได้สร้างรอยด่างให้กับยอดควอเตอร์แบ็คอย่าง บอร์ก ไปแบบเต็มๆ
บอร์ก ต้องเก็บความแค้นเอาไว้ในจิตใจเพื่อรอวันที่จะชำระล้างบัญชีแค้นครั้งนี้คืนให้ได้ทั้งต้นทั้งดอก
ในปีต่อมา ลักแมน ยังคงเปล่งประกายของความยอดเยี่ยมเอาไว้ได้ไม่เสื่อมคลาย
เมื่อเขาพาทีม Bears ไปเป็นแชมป์หนที่ 2 ได้อีกเมื่อเอาชนะทีมแกร่งอย่าง New York Giants
และในฤดูกาล 1942 ทั้ง บอร์ก และ ลักแมน ก็โคจรกลับมาวัดศักดิ์ศรีกันอีกหนในเกมชิงแชมป์
เกมหนนี้เล่นกันที่ Washington ถิ่นของ Redskins ทำให้ บอร์ก กุมความได้เปรียบเอาไว้ในมือ
และเขาก็ล้างอายได้สำเร็จ เมื่อพาทีม Redskins เอาชนะ Bears ของ ลักแมนไปได้อย่างเฉียดฉิวด้วยสกอร์ 14 - 6
แต่อนิจจา.....เพราะชัยชนะหนนี้ของ บอร์ก มันจะเป็นชัยชนะหนสุดท้ายที่เขามีในเกมชิงแชมป์ของ NFL
เมื่อปีต่อๆมา ทีม Redskins ที่มีเขานำทัพไม่สามารถเอาชนะทีม Bears ของ ลักแมนได้อีกเลย..
ในเกมชิงแชมป์ปี 1943 Redskins ก็แพ้ให้ Bears ไปอีก 41 - 21
และ ลักแมน ก็พาทีม Bears เข้าไปเป็นแชมป์ NFL ได้อีกในปี 1946
ทำให้จำนวนแชมป์สะสมของเขาไปหยุดอยู่ที่ 4 หน มากกว่า แซมมี่ บอร์ก ที่มีแชมป์ประดับบารมีเพียง 2 ครั้งเท่านั้นเอง..
2. การดวลแห่งยุค 50 .....อ๊อตโต้ แกรม [ Browns ] vs บ็อบบี้ เลน [ Lions ]
อเมริกันฟุตบอลในยุค 50 หากเอ่ยถึงจอมทัพที่นำพาความสำเร็จมาสู่ทีมของตัวเองได้อย่างมากมายนั้น
ทุกสำนักต้องชี้เป้าตรงมาที่ชื่อของ อ๊อตโต้ แกรม จอมทัพของทีม Cleveland Browns
แกรมพาทีม Browns ไปเป็นแชมป์แทบจะทุกปีที่เขานำทัพ เขาพาทีมเป็นแชมป์ของลีค AAFC ในปี 1946 - 47 - 48 - 49
ก่อนที่ทีม Browns จะย้ายมาเป็นสมาชิคของ NFL ในปี 1950
และ แกรม ก็ยังคงกวาดความสำเร็จเข้ามาสู่ทีมอย่างต่อเนื่อง เมื่อเขาพาทีม Browns เป็นแชมป์ NFL ได้ในฤดูกาลนั้นเลย
เมื่อปราบทีม LA Rams ไปได้ 30 - 28 คะแนน และ ในฤดูกาลต่อมา Browns ก็ครองแชมป์เป็นปีที่ 2 เมื่อยํ้าแค้นให้ Rams ไปอีกหน
แต่ ความยิ่งใหญ่ของ อ๊อตโต้ แกรม และ ทีม Browns ก็ต้องมาสะดุดหยุดลง
ด้วยนํ้ามือของจอมทัพพเนจรนาม บ็อบบี้ เลน ของทีม Detroit Lions ในเกมชิงแชมป์ NFL ปี 1952 ..
เลน นำทัพ Lions พลิกล็อคล้ม Browns ได้ถึงถิ่นด้วยสกอร์ 17 - 7 ดับฝันการครองแชมป์ลีค 7 สมัยซ้อนของทีม Browns อย่างเจ็บแสบ
และในเกมชิงแชมป์ NFL ในปีต่อมาทั้งสองทีมก็ยังโคจรกลับมาเจอกันอีกครั้ง
ศึกหนนี้ทีม Browns หวังที่จะล้างอาย Lions ทั้งต้นทั้งดอก
แต่ผลที่ออกมา กลับเป็นการยํ้าแค้นให้กองเชียร์และ ผู้เล่น Browns กะอักเลือดเพิ่มขึ้นอีกเป็นปี๊บ !!!
เมื่อ บ็อบบี้ เลน และ พลพรรค สิงห์โตผยอง เล่นกันได้อย่างยอดเยี่ยม เฉือนเอาชนะไปได้ด้วยสกอร์หวาดเสียว ...17 - 16 !!!
ทีม Browns และ อ๊อตโต้ แกรม กะอักเลือดกันอยู่เป็นปี จนมาถึงเกมชิงแชมป์ลีคในฤดูกาลถัดมา
คู่ชิงแชมป์ ก็ยังคงเป็นสองทีมเดิม Lions vs Browns แต่หนนี้ ทีม Browns เอาจริงจัดเต็มเก็บ Lions เรียบ 56 - 10
ถอนแค้นที่จุกอกออกมาคืนได้หน่อยนึงก็ยังดี
และศึกหนนั้น ยังเป็นการปิดตำนานการดวลแห่งยุค 50 ระหว่าง อ๊อตโต้ แกรม และ บ็อบบี้ เลน ไปอย่างสมบรูณ์แบบ..
3. การดวลแห่งยุค 60 ......บาร์ท สตารร์ [ Packers ] vs จอห์นนี่ ยูไนตัส [ Colts ]
จอห์นนี่ ยูไนตัส คือ คนที่เกิดมาเพื่อเป็นยอดควอเตอร์แบ็คเพื่อการเป็นตำนานอย่างแท้จริง
เขามีทุกทักษะ ในการเป็นยอดของจอมทัพในกีฬาอเมริกันฟุตบอล...
ความฉลาดในการอ่านแนวรับ , รูปร่าง , ความแข็งแรง , การขว้างบอลที่เฉียบคม และ แม่นยำ และ หัวใจของการเป็นผู้นำทีม
ทุกสิ่งที่บรรจุอยู่ในตัวของ ยูไนตัส เหล่านี้ ทำให้เขาได้รับการยอมรับจากบรรดากูรูอเมริกันฟุตบอลให้เป็น ...
" ต้นแบบของการเป็นควอเตอร์แบ็ค "
เขาสร้างสถิติของควอเตอร์แบ็คในด้านต่างๆเอาไว้เพียบ
จอห์นนี่ ยูไนตัส สามารถเป็นตัวแทนของการเป็นยอดควอเตอรแบ็คแห่งยุค 60 ได้อย่างสมบรูณ์แบบ ทุกประการ ไร้คนโต้แย้ง หากว่า..
ไม่มีชายชื่อ " บาร์ท สตารร์ และ ทีม Green Bay Packers " ทะลึ่งโผล่ขึ้นมาอยู่ในยุคสมัยเดียวกัน
วิ๊นซ์ ลอมบาร์ดี ยอดตำนานโค๊ช ได้สร้างทีม Packers ขึ้นมาทีล่ะเล็กล่ะน้อยในต้นยุค 60
และ เขายังได้สร้างยอดควอเตอร์แบ็คอย่าง บาร์ท สตารร์ ขึ้นมาเทียบรัศมีของ จอห์นนี่ ยูฯ อีกด้วย..
สตารร์ อาจไม่มีทุกอย่างในการเป็นสุดยอดจอมทัพเฉกเช่นที่ ยูไนตัส มี
แต่เขามี " ข้อดี " อีกหลายด้านที่ ยูไนตัสขาดหายไป.
สตารร์ มีแนวป้องกันที่ไร้เทียมทานในการสร้างเวลามองหาปีกให้กับเขา สตารร์มีกลุ่มตัววิ่งพรสวรรค์สูงคอยแบ่งเบาภาระในการบุก
ที่สำคัญสุดๆ เขามียอดโค๊ชอัฉริยะอย่าง วินซ์ ลอมบาร์ดี คอยส่งแผนเด็ดๆลงมาให้เขาอยู่ที่ข้างของสนาม
การขว้างบอลของเขาอาจจะทรงพลังสู้ ยูไนตัส ไม่ได้ แต่เขาก็ สามารถขว้างกระจายบอลไปให้กลุ่มปีกได้อย่างเฉียบคม
การปล่อยบอลแต่ล่ะครั้งของเขา มักจะไม่ค่อยผิดพลาด
และ ที่สำคัญที่สุดที่เขามีเหนือกว่า ยูไนตัส ก็คือ ..." ความสำเร็จในการเป็นแชมป์ "
ตลอด 17 ปีกับการนำทัพ Baltimore Colts จอห์นนี่ ยูไนตัส สามารถพาทีมของเขาก้าวไปเป็นแชมเปี้ยนของ NFL ได้ 3 ครั้ง
และ ในยุคสมัยของซุปเปอร์โบลว์นั้น เขาพาทีม Colts ได้แชมป์ไป 1 สมัยในซุปเปอร์โบลว์ V
ส่วน บาร์ท สตารร์ นั้น สามารถพาทีม Packers เป็นแชมป์ NFL ได้ถึง 5 สมัย บวกกับอีก 2 แชมป์ซุปเปอร์โบลว์ I - II
ความสำเร็จอย่างมากมายของสตารร์ในช่วงยุค 60 นี้ ทำให้ เป็นเครื่องหมายคำถามอยู่เสมอมาว่า...
" บาร์ท สตารร์ และ จอห์นนี่ ยูไนตัส ใครเหมาะสมที่จะเป็นเบอร์หนึ่งของยอดควอเตอร์แบ็คแห่งยุค 60 กันแน่ ?? "
4. การดวลแห่งยุค 70.......โรเจอร์ สตอร์บาค [ Cowboys ] vs เทอร์รี่ แบร็ดชอร์ [ Steelers ]
ต้นยุค 70 Dallas Cowboys เป็นทีมพลังหนุ่ม ที่มีลีลาการเล่นที่ทั้งแข็งแกร่งจากทีมรับเจ้าของฉายา " วันโลกาวินาศ "
และมีทีมบุกที่น่าตื่นตาตื่นใจ จากการนำทัพของ ยอดควอเตอร์แบ็คผู้แสนแคล่วคล่องนาม....โรเจอร์ " The Dodgers " สตอร์บาค
จอมทัพอดีตนักเรียนนายเรือผู้นี้ เป็นส่วนผสมที่สร้างความลงตัวให้กับทีมดาวเดี่ยวในยุค 70
เขาพาทีม Cowboys เป็นแชมป์ซุปเปอร์โบลว์ได้ถึง 2 สมัย VI & XII
แต่ความยอดเยี่ยมทั้งหมดทั้งมวลที่เขามีอยู่นี้ มันก็เป็นบารมีที่ยิ่งใหญ่อยู่เพียงแค่เบอร์ 1 ของสาย NFC เท่านั้นเอง
เพราะในวันและเวลาเดียวกันนั้นเอง
ยังมี จอมทัพที่ประสบความสำเร็จในการกวาดแชมป์ซุปเปอร์โบลว์มาประดับบารมีมากมายถึง 4 สมัยอยู่อีกคน
บุรุษผู้นั้นก็คือ ....." เทอร์รี่ แบร็ดชอร์ ของทีม Pittsburgh Steelers " นั่นเอง !!!
แบร็ดชอร์ จอมทัพที่มีฉายาว่า " เจ้าทึ่ม " เมื่อเข้ามาสู่ลีคใหม่ๆ เขามีหน้าตาราวกับมนุษย์ถํ้า
สำเนียงการพูดก็ติดลูกเหน่อตามสไตล์หนุ่มลูกทุ่งจากหลุยส์เซียน่า แถมยังมีผมบางตั้งแต่ยังหนุ่มยังแน่น
กลายเป็นบุรุษที่มีความแก่มาเยี่ยมเยือนก่อนวัย ซะอย่างงั้น
แต่สิ่งที่เขามีนั้นมันคือ...." ฝีมือในการเป็นยอดควอเตอร์แบ็ค "
เขามีการขว้างบอลที่ทั้ง แรง และ คบกริบ อีกทั้ง ยังมีสายตาที่เฉียบฉมังในการกวาดมองหาเป้าหมายที่แม่นยำ
และเขามีเพื่อนร่วมทีมที่สุดแข็งแกร่งและน่าหวาดหวั่นต่อคู่ต่อสู้ทุกทีมในลีค...
" ทีมรับม่านเหล็กสีดำ " ที่การันตีความโหดเหี้ยมได้เป็นอย่างดี ไหนแบร็ดชอร์ยังมีเพื่อนร่วมทีมบุกที่สุดยอดเยี่ยมอย่าง..
แฟรงโก แฮร์รีส ตัววิ่งหุ่นรถถังจอมตะลุย และ คู่ปีกดูโออย่าง สวอนน์ & สตอร์เวิร์ต ที่มีครบทั้ง ฝีมือ และ ลีลาที่น่าตื่นตาตื่นใจ
เทอร์รี่ แบร็ดชอร์ และ โรเจอร์ สตอร์บาค ได้มาวัดความยิ่งใหญ่กันในศึกซุปเปอร์โบลว์ถึง 2 สมัย
ในศึกซุปเปอร์โบลว์ X และ XIII
และทั้งสองครั้งสองครานั้น ชัยชนะตกเป็นของทาง Steelers และ เทอร์รี่ แบร็ดชอร์ อย่างเฉียดฉิว [ 17 - 21 SB X & 31 - 35 SB XIII ]
ทำให้การดวลของจอมทัพแห่งยุค 70 นั้น .
เทอร์รี่ แบร็ดชอร์ จอมทัพมากฝีมือแต่ดันรูปไม่หล่อของ Steelers เป็นผู้เหนือกว่าอย่างชัดเจน
@*** การดวลของอีก 3 จอมทัพแห่งยุค 80 , 90 และ 2000 ผมขอติดเอาไว้เขียนต่อช่วงเย็นวันนี้นะครับ
พอดีเมื่อคืนเลิกงานมาเช้าแล้ว ว่าจะเขียนให้จบไปเลย แต่ตอนนี้แบ็ตในตัวของผมชักจะอ่อนแรงลงทุกทีแล้วล่ะครับ
ต้องขออภัยเป็นอย่างสูง ถ้าผมทำให้ท่านสะดุดหยุดอารมณ์เอาไว้ถึงตอนนี้นะขอรับ
พอดีผมเขียนไปแบบไม่มีสคริปต์ ไม่มีสลิง ไม่มีบทใดๆ เลยต้องใช้เวลามากสักหน่อยครับ
รับรองว่าผมจะรีบกลับมาปั่นต่อให้จบอย่างแน่นอนในวันนี้นะครับผม
ขอบคุณทุกๆท่านเลยนะครับที่เสียสละเวลาคลิ๊กเข้ามานั่งอ่านกระทู้นี้ของผม ขอบคุณครับ
> Shine on you crazy diamond <