ยอมรับว่าตัวผมเองก็ติดตามข่าวสารการเมืองมาโดยตลอด และแทบจะไม่ค่อยได้เขียน หรือตั้งกระทู้ แสดงออกทางการเมืองมานานมากๆ เพราะผมคิดว่าจะคอยสังเกตการณ์ ค่อยๆดูพัฒนาการประชาธิปไตยของเราไปเรื่อยๆ และผมไม่ได้มีความรู้อะไรมากทางรัฐศาสตร์ ผมไม่ใช่คนเมืองหลวง ผมเป็นเด็กบ้านนอก จบมาก็ทำงานที่บ้านเกิดมาโดยตลอด จึงไม่กล้าที่จะแสดงออกมากมายนัก
จนเมื่อวันสองวันนี้ เริ่มมีการปราศัยในเชิงเหยียดเพศ ถี่ขึ้นเรื่อยๆ ยิ่งคนพูดเป็นหมอรักษาคนไข้ ผมค่อนข้างรับไม่ได้ ซึ่งก่อนหน้านี้ไม่ใช่ว่าจะไม่มี hate speech มันมีตั้งแต่ไหนแต่ไรมาแล้ว และทวีความหยาบกร้าน ไร้รสนิยมทางการเมืองมากขึ้นเรื่อยๆ พูดเอามันส์ เอาใจคนขอบเวที โดยไม่สนใจว่าเรื่องมันจะจริงหรือไม่จริง การพูดถึงเรื่องของลับของผู้หญิงนับว่าแย่สุดๆ ยิ่งในที่สาธารณะด้วย และเมื่อวาน กกต.บางคนยังได้ออกมาพูด-ดัน เรื่องโฟซีซั่นอีก ใครๆก็รู้ว่าเรื่องโฟซีซั่นคือนัยยะของการเหยียดเพศทางการเมืองไทย ซึ่งในสังคมสมัยใหม่เค้าไม่ทำกัน มันเป็นการแสดงออกทางการเมืองที่ไร้รสนิยม และปราศจากเหตุผล ง่ายๆ มันเป็น hate speech นั่นแหล่ะครับ
อันนี้ยังไม่นับการพูดเหยียดชนชั้น ซึ่งเกิดขึ้นอยู่ตลอด และการเป็น norm ของกลุ่มนี้ รวมไปถึงนักวิชาการของพวกเขา เวลาออกทีวีดีเบต คนเค้าดูทีวีเค้ารู้นะครับ ว่าใครพูดเหยียด ใครหยามเค้าบ้าง แต่นักวิชาการเหล่านั้นก็ใช้วิธีการแถๆๆ ไปเรื่อยๆด้วยศัพท์ทางวิชาการสวยๆ
วันนี้สิ่งที่ผมอยากพูดก็ได้บอกเล่าผ่านตัวหนังสือสู่สังคมออนไลน์ ผมหวังว่าเรื่องต่อต้านการเหยียดเพศ หรือเหยียดชนชั้น hate speech ควรจะเป็นสิ่งแรกๆ ที่จะต้องพัฒนาในจิตใจคน เพื่อไปสู่การปฏิรูปร่วมกันครับ
ขอบคุณพันทิปครับ
พอเถอะ!! รสนิยมทางการเมืองแบบนี้
จนเมื่อวันสองวันนี้ เริ่มมีการปราศัยในเชิงเหยียดเพศ ถี่ขึ้นเรื่อยๆ ยิ่งคนพูดเป็นหมอรักษาคนไข้ ผมค่อนข้างรับไม่ได้ ซึ่งก่อนหน้านี้ไม่ใช่ว่าจะไม่มี hate speech มันมีตั้งแต่ไหนแต่ไรมาแล้ว และทวีความหยาบกร้าน ไร้รสนิยมทางการเมืองมากขึ้นเรื่อยๆ พูดเอามันส์ เอาใจคนขอบเวที โดยไม่สนใจว่าเรื่องมันจะจริงหรือไม่จริง การพูดถึงเรื่องของลับของผู้หญิงนับว่าแย่สุดๆ ยิ่งในที่สาธารณะด้วย และเมื่อวาน กกต.บางคนยังได้ออกมาพูด-ดัน เรื่องโฟซีซั่นอีก ใครๆก็รู้ว่าเรื่องโฟซีซั่นคือนัยยะของการเหยียดเพศทางการเมืองไทย ซึ่งในสังคมสมัยใหม่เค้าไม่ทำกัน มันเป็นการแสดงออกทางการเมืองที่ไร้รสนิยม และปราศจากเหตุผล ง่ายๆ มันเป็น hate speech นั่นแหล่ะครับ
อันนี้ยังไม่นับการพูดเหยียดชนชั้น ซึ่งเกิดขึ้นอยู่ตลอด และการเป็น norm ของกลุ่มนี้ รวมไปถึงนักวิชาการของพวกเขา เวลาออกทีวีดีเบต คนเค้าดูทีวีเค้ารู้นะครับ ว่าใครพูดเหยียด ใครหยามเค้าบ้าง แต่นักวิชาการเหล่านั้นก็ใช้วิธีการแถๆๆ ไปเรื่อยๆด้วยศัพท์ทางวิชาการสวยๆ
วันนี้สิ่งที่ผมอยากพูดก็ได้บอกเล่าผ่านตัวหนังสือสู่สังคมออนไลน์ ผมหวังว่าเรื่องต่อต้านการเหยียดเพศ หรือเหยียดชนชั้น hate speech ควรจะเป็นสิ่งแรกๆ ที่จะต้องพัฒนาในจิตใจคน เพื่อไปสู่การปฏิรูปร่วมกันครับ
ขอบคุณพันทิปครับ