“แม้ว” ได้รับการโหวตจากผู้ท่องโลกไซเบอร์ให้ครองตำแหน่งผู้นำเลวสุดของโลก ส่วน “ปู” ไม่น้อยหน้าตามมาติดๆ ที่อันดับ 2 ส่งผลให้ “ฮิตเลอร์” แชมป์เก่าตกไปอยู่อันดับ 3
วันนี้ (16 ม.ค.) ทางเว็บไซต์ต่างประเทศ thetoptens.com ในหัวข้อการจัดอันดับผู้นำที่เลวสุดในโลก
www.thetoptens.com/worst-world-leaders/ โดยให้ผู้ท่องโลกไซเบอร์เข้ามาทำการโหวต จากเดิม “อะดอล์ฟ ฮิตเลอร์” อดีตผู้นำพรรคนาซี และผู้นำประเทศเยอรมัน ถูกโหวตให้เป็นอันดับหนึ่ง แต่ขณะนี้มีการทำลายสถิติเป็นที่เรียบร้อยแล้ว โดย พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นักโทษชายหนีคดีของไทย ขึ้นแท่นอันดับ 1 ผู้นำที่เลวสุดของโลกแทน ด้าน น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร รักษาการนายกรัฐมนตรีของไทย ก็ไม่น้อยหน้า ตามมาติดๆ ด้วยอันดับที่ 2
ส่วน ฮิตเลอร์ นั้น ร่วงลงมาอยู่เป็นอันดับที่ 3, อันดับ 4 ฮุน เซน นายกรัฐมนตรีกัมพูชา, อันดับ 5 คิม จองอิล อดีตผู้นำเกาหลีเหนือ, อันดับ 6 ซัดดัม ฮุสเซน อดีตประธานาธิบดีอิรัก, อันดับ 7 อุซามะห์ บิน ลาดิน อดีตแกนนำกลุ่มอัลกออิดะห์, อันดับ 8 คิม จองอึน ผู้นำเกาหลีเหนือ, อันดับ 9 จอร์จ ดับเบิลยู. บุช อดีตประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา และอันดับ 10 พอลพต อดีตผู้นำเขมรแดง
http://www.manager.co.th/Politics/ViewNews.aspx?NewsID=9570000006123
โหวตกันหรือยัง? “แม้ว-ปู” แซง “ฮิตเลอร์” ครองแชมป์ผู้นำเลวสุดในโลก
วันนี้ (16 ม.ค.) ทางเว็บไซต์ต่างประเทศ thetoptens.com ในหัวข้อการจัดอันดับผู้นำที่เลวสุดในโลก www.thetoptens.com/worst-world-leaders/ โดยให้ผู้ท่องโลกไซเบอร์เข้ามาทำการโหวต จากเดิม “อะดอล์ฟ ฮิตเลอร์” อดีตผู้นำพรรคนาซี และผู้นำประเทศเยอรมัน ถูกโหวตให้เป็นอันดับหนึ่ง แต่ขณะนี้มีการทำลายสถิติเป็นที่เรียบร้อยแล้ว โดย พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นักโทษชายหนีคดีของไทย ขึ้นแท่นอันดับ 1 ผู้นำที่เลวสุดของโลกแทน ด้าน น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร รักษาการนายกรัฐมนตรีของไทย ก็ไม่น้อยหน้า ตามมาติดๆ ด้วยอันดับที่ 2
ส่วน ฮิตเลอร์ นั้น ร่วงลงมาอยู่เป็นอันดับที่ 3, อันดับ 4 ฮุน เซน นายกรัฐมนตรีกัมพูชา, อันดับ 5 คิม จองอิล อดีตผู้นำเกาหลีเหนือ, อันดับ 6 ซัดดัม ฮุสเซน อดีตประธานาธิบดีอิรัก, อันดับ 7 อุซามะห์ บิน ลาดิน อดีตแกนนำกลุ่มอัลกออิดะห์, อันดับ 8 คิม จองอึน ผู้นำเกาหลีเหนือ, อันดับ 9 จอร์จ ดับเบิลยู. บุช อดีตประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา และอันดับ 10 พอลพต อดีตผู้นำเขมรแดง
http://www.manager.co.th/Politics/ViewNews.aspx?NewsID=9570000006123