เป็นอีกครั้งที่ผมรู้สึกคาใจ! และสงสัยกับแนวทางการโหวตพิจารณารางวัล"ฟุตบอลสยามโกลเดนบอล" ในหมวดผู้ฝึกสอนยอดเยี่ยม ที่ครั้งนี้จะจัดขึ้นเป็นปีที่4 วันที่28มกราคม2557 โดยในปีที่ผ่านมา ปี2013ก็มี5ผู้ฝึกสอนผ่านเข้ารอบชิงเพื่อลุ้นรางวัล ดังนี้
เกียรติศักดิ์ / ขอบคุณภาพจากอินเตอร์เน็ต
เกียรติศักดิ์ เสนาเมือง (ทีมชาติไทยชุดซีเกมส์)
อรรถพล บุษปาคม (บางกอกกล๊าส)
พยงค์ ขุนเณร (สุพรรณบุรี )
นราศักดิ์ บุญเกลี้ยง (แอร์ฟอร์ซ (แชมป์ ด.1)
โจเซ่ มาเรีย เมนเดส (ชลบุรี บลูเวฟ – ฟุตซอล)
ดูจากโผรายชื่อเรียกว่ามีลุ้นด้วยกันทั้งนั้น แต่อย่างไรก็ตามผมก็ยังรู้สึกแปลกใจอยู่พอสมควร!! ที่ผมไม่เข้าใจว่า (อเลฮานโดร เมเนนเดส การ์เซีย) กุนซือสเปนของบุรีรัมย์ คนล่าสุดที่เข้ามาทำทีมจนมีส่วนร่วมพาทีมคว้าแชมป์ลีกและเอฟเอคัพ/ลีกคัพ และเข้ารอบลึกๆ8ทีมเอเชียครั้งแรกในประวัติศาตร์ทีมเซาะกราว ทำไมจึงไม่มีชื่อลุ้นกุนซือยอดเยี่ยมเหมือนชาวบ้านเค้า เพราะถึงแม้จะเข้ามาทำทีมทีหลังแต่อย่างน้อยการที่พาทีมประสบความสำเร็จในบั้นปลาย! ผมว่าก็น่าจะได้รับเกียรติติดโผลุ้นรับรางวัลในครั้งนี้เช่นกัน แต่นี่อะไรกลับไม่มีชื่อ
เอาเป็นว่าก่อนจะบานปลายจนกลายเป็นหลุดประเด็น ผมขอเข้าประเด็นที่ผมคาใจ!ดีกว่า เนื่องจากผมมองว่าแนวทางการพิจารณารางวัลในหมวดนี้ ที่นำกุนซือที่มีสถานะต่างกันในแง่ความสำเร็จและความต่างในทัวร์นาเมนท์ ทั้งจาก ทีมชาติ, สโมสรไทยลีกและฟุตซอลมา “เหมาเข่ง” ก่อนจะโหวตเลือก1เดียว เพื่อเป็น “เดอะวินเนอร์” นั้นไม่ถูกต้อง! เนื่องจากหากพินิจ พิจารณากันดีๆจะเห็นว่า กุนซือแต่ละคนนั้นต่างก็สร้างผลงานได้ดีและประสบความสำเร็จในเวทีที่ต่างกัน เช่น ทีมชาติ, ไทยลีก, รวม ด.1) และฟุตซ่อนนน
ด้วยเหตุนี้ผมจึงมองว่าการพิจารณาโหวตเลือกในหมวดนี้ ควรจะแยกมอบรางวัลแต่ละประเภทให้กุนซือแต่ละรายน่าจะดีกว่า เช่น กุนซือยอดเยี่ยมทีมชาติ ก็ทีมชาติ, ไทยลีก ก็ไทยลีก, ฟุตซ่อนนน ก็ฟุตซ่อนนน เป็นต้นฯลฯ ไม่ใช่มาเหมารวมกันแบบนี้ เพราะหากยึดหลักการนี้ และมีการโหวตคะแนนออกมา มองกันตามเนื้อผ้า ผมก็เชื่อว่า “ซิโก้” เฮดโค้ชทีมชาติไทยชุดแชมป์ซีเกมส์ 2013 ที่โดดเข้ารับ “เผือกร้อน” ก่อนจะพาทัพ “ช้างศึก” ทวงบัลลังก์จ้าวลูกหนังอาเซียนได้อีกครั้ง หลังห่างหายไป6ปี ก็น่าจะมีภาษีดีกว่ากุนซือคนอื่นที่จะคว้ารางวัลนี้ไปครอง
แล้ว ... ถามว่ากุนซือคนอื่นหล่ะไม่สมควรจะได้รับรางวัลหรืออย่างไร? “โค้ชแต๊ก” ก็สมควรได้ในฐานะที่พาบางกอกกล๊าส แล่นฉิวติดลมบนติดท็อปไฟว์ ทั้งๆที่มาคุมทัพกอบกู้ช่วงทีมวิกฤติหล่นอยู่โซนท้ายตาราง เช่นเดียวกับ อ.พยงค์ ที่ก็ต้องบอกว่าไม่ธรรมดา! พาน้องใหม่สุพรรณจบด้วยอันดับ4ทั้งๆที่เพิ่งเลื่อนชั้นขึ้นมา แล้วไหนจะ “ปูลปิส” อีกหล่ะ การทำทีม “ชลบุรี บลูเวฟ” ได้แชมป์ฟุตซอลเอเชียครั้งแรกในประวัติศาสตร์สโมสรและวงการโต๊ะเล็กไทยจนก้าวไปเป็นสโมสรฟุตซอลยอดเยี่ยมเอเชียปี2013 ยอดเยี่ยมแบบนี้ถามว่าไม่คู่ควรที่จะได้รับรางวัลอย่างนั้นหรือ? ซึ่งผมมองว่าอดีตกุนซือฟุตซอลทีมชาติไทยชาวสแปนิชรายนี้ก็มีดีพอที่จะได้รับรางวัลเช่นกัน
ที่ผมเขียนและวิจารณ์แบบนี้ส่วนตัวนั้นเคารพกับแนวทางพิจารณาโหวตของฝ่ายจัดเพราะคิดว่าน่าจะทบทวนและหารือกันเป็นอย่างดีแล้ว แต่ผมแค่รู้สึกว่าแนวทางพิจารณาแบบนี้ไม่ค่อยแฟร์!และ “ไม่ยุติธรรม” เท่าไหร่กับกุนซือแต่ละคนที่เข้าชิงก็เท่านั้น
ดังนั้น เพื่อจะได้เป็นมาตรฐาน และเกิดความเท่าเทียมในแง่การตัดสิน ผมจึงคิดว่าน่าจะยึดแนวทางเดียวกับการพิจารณารางวัลตำแหน่งนักเตะยอดเยี่ยมที่แยกกันชัดเจน ไทยลีก/ด.1/ด.2 /ฟุตซ่อนนน น่าจะโอเคกว่า
และ อีกอย่างก็เพื่อไม่ให้เกิดความแคลงใจในผลการตัดสินกุนซือยอดเยี่ยมเฉกเช่น ปี2011 ที่ทุกวันนี้ผมยังสงสัยว่าใช้เกณฑ์อะไรตัดสินกันแน่ แทนที่ “โค้ชแต๊ก” ที่พาบุรีรัมย์กวาด3แชมป์ในปีเดียวจะได้ แต่สุดท้ายกลับกลายเป็นว่า “โค้ชหนุ่ย” เฉลิมวุฒิ ที่สมัยคุมพัทยา ยูฯ คว้าอันดับ4 และไม่ได้แชมป์อะไรติดมือ!ซักกะใบ จะได้รางวัลนี้ไปครองแบบค้านสายตา ฝุดๆ!!!
เครดิตเพจ จับตาบอลไทย
ไม่ค่อยแฟร์!!!!แนวทางโหวตกุนซือโกลเด้นบอลปี4 (จับตาบอลไทย)
เกียรติศักดิ์ / ขอบคุณภาพจากอินเตอร์เน็ต
เกียรติศักดิ์ เสนาเมือง (ทีมชาติไทยชุดซีเกมส์)
อรรถพล บุษปาคม (บางกอกกล๊าส)
พยงค์ ขุนเณร (สุพรรณบุรี )
นราศักดิ์ บุญเกลี้ยง (แอร์ฟอร์ซ (แชมป์ ด.1)
โจเซ่ มาเรีย เมนเดส (ชลบุรี บลูเวฟ – ฟุตซอล)
ดูจากโผรายชื่อเรียกว่ามีลุ้นด้วยกันทั้งนั้น แต่อย่างไรก็ตามผมก็ยังรู้สึกแปลกใจอยู่พอสมควร!! ที่ผมไม่เข้าใจว่า (อเลฮานโดร เมเนนเดส การ์เซีย) กุนซือสเปนของบุรีรัมย์ คนล่าสุดที่เข้ามาทำทีมจนมีส่วนร่วมพาทีมคว้าแชมป์ลีกและเอฟเอคัพ/ลีกคัพ และเข้ารอบลึกๆ8ทีมเอเชียครั้งแรกในประวัติศาตร์ทีมเซาะกราว ทำไมจึงไม่มีชื่อลุ้นกุนซือยอดเยี่ยมเหมือนชาวบ้านเค้า เพราะถึงแม้จะเข้ามาทำทีมทีหลังแต่อย่างน้อยการที่พาทีมประสบความสำเร็จในบั้นปลาย! ผมว่าก็น่าจะได้รับเกียรติติดโผลุ้นรับรางวัลในครั้งนี้เช่นกัน แต่นี่อะไรกลับไม่มีชื่อ
เอาเป็นว่าก่อนจะบานปลายจนกลายเป็นหลุดประเด็น ผมขอเข้าประเด็นที่ผมคาใจ!ดีกว่า เนื่องจากผมมองว่าแนวทางการพิจารณารางวัลในหมวดนี้ ที่นำกุนซือที่มีสถานะต่างกันในแง่ความสำเร็จและความต่างในทัวร์นาเมนท์ ทั้งจาก ทีมชาติ, สโมสรไทยลีกและฟุตซอลมา “เหมาเข่ง” ก่อนจะโหวตเลือก1เดียว เพื่อเป็น “เดอะวินเนอร์” นั้นไม่ถูกต้อง! เนื่องจากหากพินิจ พิจารณากันดีๆจะเห็นว่า กุนซือแต่ละคนนั้นต่างก็สร้างผลงานได้ดีและประสบความสำเร็จในเวทีที่ต่างกัน เช่น ทีมชาติ, ไทยลีก, รวม ด.1) และฟุตซ่อนนน
ด้วยเหตุนี้ผมจึงมองว่าการพิจารณาโหวตเลือกในหมวดนี้ ควรจะแยกมอบรางวัลแต่ละประเภทให้กุนซือแต่ละรายน่าจะดีกว่า เช่น กุนซือยอดเยี่ยมทีมชาติ ก็ทีมชาติ, ไทยลีก ก็ไทยลีก, ฟุตซ่อนนน ก็ฟุตซ่อนนน เป็นต้นฯลฯ ไม่ใช่มาเหมารวมกันแบบนี้ เพราะหากยึดหลักการนี้ และมีการโหวตคะแนนออกมา มองกันตามเนื้อผ้า ผมก็เชื่อว่า “ซิโก้” เฮดโค้ชทีมชาติไทยชุดแชมป์ซีเกมส์ 2013 ที่โดดเข้ารับ “เผือกร้อน” ก่อนจะพาทัพ “ช้างศึก” ทวงบัลลังก์จ้าวลูกหนังอาเซียนได้อีกครั้ง หลังห่างหายไป6ปี ก็น่าจะมีภาษีดีกว่ากุนซือคนอื่นที่จะคว้ารางวัลนี้ไปครอง
แล้ว ... ถามว่ากุนซือคนอื่นหล่ะไม่สมควรจะได้รับรางวัลหรืออย่างไร? “โค้ชแต๊ก” ก็สมควรได้ในฐานะที่พาบางกอกกล๊าส แล่นฉิวติดลมบนติดท็อปไฟว์ ทั้งๆที่มาคุมทัพกอบกู้ช่วงทีมวิกฤติหล่นอยู่โซนท้ายตาราง เช่นเดียวกับ อ.พยงค์ ที่ก็ต้องบอกว่าไม่ธรรมดา! พาน้องใหม่สุพรรณจบด้วยอันดับ4ทั้งๆที่เพิ่งเลื่อนชั้นขึ้นมา แล้วไหนจะ “ปูลปิส” อีกหล่ะ การทำทีม “ชลบุรี บลูเวฟ” ได้แชมป์ฟุตซอลเอเชียครั้งแรกในประวัติศาสตร์สโมสรและวงการโต๊ะเล็กไทยจนก้าวไปเป็นสโมสรฟุตซอลยอดเยี่ยมเอเชียปี2013 ยอดเยี่ยมแบบนี้ถามว่าไม่คู่ควรที่จะได้รับรางวัลอย่างนั้นหรือ? ซึ่งผมมองว่าอดีตกุนซือฟุตซอลทีมชาติไทยชาวสแปนิชรายนี้ก็มีดีพอที่จะได้รับรางวัลเช่นกัน
ที่ผมเขียนและวิจารณ์แบบนี้ส่วนตัวนั้นเคารพกับแนวทางพิจารณาโหวตของฝ่ายจัดเพราะคิดว่าน่าจะทบทวนและหารือกันเป็นอย่างดีแล้ว แต่ผมแค่รู้สึกว่าแนวทางพิจารณาแบบนี้ไม่ค่อยแฟร์!และ “ไม่ยุติธรรม” เท่าไหร่กับกุนซือแต่ละคนที่เข้าชิงก็เท่านั้น
ดังนั้น เพื่อจะได้เป็นมาตรฐาน และเกิดความเท่าเทียมในแง่การตัดสิน ผมจึงคิดว่าน่าจะยึดแนวทางเดียวกับการพิจารณารางวัลตำแหน่งนักเตะยอดเยี่ยมที่แยกกันชัดเจน ไทยลีก/ด.1/ด.2 /ฟุตซ่อนนน น่าจะโอเคกว่า
และ อีกอย่างก็เพื่อไม่ให้เกิดความแคลงใจในผลการตัดสินกุนซือยอดเยี่ยมเฉกเช่น ปี2011 ที่ทุกวันนี้ผมยังสงสัยว่าใช้เกณฑ์อะไรตัดสินกันแน่ แทนที่ “โค้ชแต๊ก” ที่พาบุรีรัมย์กวาด3แชมป์ในปีเดียวจะได้ แต่สุดท้ายกลับกลายเป็นว่า “โค้ชหนุ่ย” เฉลิมวุฒิ ที่สมัยคุมพัทยา ยูฯ คว้าอันดับ4 และไม่ได้แชมป์อะไรติดมือ!ซักกะใบ จะได้รางวัลนี้ไปครองแบบค้านสายตา ฝุดๆ!!!
เครดิตเพจ จับตาบอลไทย