บทความนี้เป็นส่วนหนึ่งของโปรเจคต์ Sense Thai Taste ของเพจ Sense on Films...
ก่อนอื่นก็ต้องขอขอบคุณทาง Five Star Production เป็นอย่างสูงนะครับ สำหรับการเชิญให้ไปร่วมพิสูจน์ความน่ากลัวในครั้งนี้...
---------------------------
ออกตัวก่อนเลยทุกครั้งนะครับว่า ผมกลัวผี...แน่นอนครับว่า ภาคแรกผมไม่ได้ชม...ฉะนั้นแล้ว ผมจึงของเว้นจากการเปรียบเทียบกับภาคแรกไปก่อนนะครับ...
คราวนี้ก็ยังคงมีเรื่องราว 3 ตอน 3 รูปแบบ ที่เล่นกับประเด็นเวลา ตีสาม อยู่เช่นเคยนะครับ...
ขอทำการแยกส่วนการพูดถึงในแต่ละเรื่องก่อนนะครับ...
-------------------------
ทั้ง 3 เรื่องนั้นมีส่วนที่เชื่อมโยงถึงกัน...โดยที่มีเรื่องราวหลักอยู่ที่ กงเต๊ก...ก่อนที่จะทำการส่งไปยังอีก 2 เรื่องย่อย...และเรื่องแรกที่หนังพูดถึงก่อนก็คือ คืนสาม...
เรื่องราวคร่าวๆก็คือ...หรั่ง ขาใหญ่แก๊งค์มอเตอร์ไซด์ที่เปิดร้านสัก ได้ตายไปจากอุบัติเหตุ...และเมื่อผ่านไปถึงคืนที่ 3...ตามความเชื่อที่ว่า คนตายจะกลับมา "เก็บรอยเท้า" ของตัวเอง...และสะสางอะไรบางอย่างที่ยังค้างคา...จากลูกน้องของตัวเองทั้งหลาย...
จากการให้สัมภาษณ์ของนักแสดงนั้น ต่างลงความเห็นว่า คืนสาม เป็นตอนที่โหดที่สุดของเรื่องแล้ว...ซึ่งถ้าดูเผินๆก็ควรจะเป็นเช่นนั้น...
เพราะว่า หรั่ง นั้นตายไปด้วยความโกรธแค้นที่สุมเต็มอก...จากการที่แฟนของเขา ไป***กับลูกน้องอีกคนหนึ่ง...ในขณะลูกน้องอีกพวกก็มีแผนคิดไม่ซื่อกับเขา...
แต่ด้วยความที่เป็นคนใจนักเลง...ใครที่ดีกับเขา เขาก็ดีด้วย...แม้ว่าจะตายเป็นผีไปแล้วก็ตาม...
ฉะนั้นการปรากฏตัวของ ผีหรั่ง จึงจะมา 3 ลักษณะ คือ มาดี...มาแบบเละ และ ไม่จำเป็นต้องให้เห็นก็ได้!! ซึ่งเป็นการแสดงออกถึงลำดับความสำคัญของลูกน้องที่อยู่รอบตัวของ หรั่ง เอง...
แบบหลังสุดนั้น ด้วยความที่ลูกน้องมันคิดไม่ซื่อ และ เล่นหัวไม่ดูกาลเทศะ...ผีหรั่ง จึงไม่จำเป็นต้องออกมาให้เห็น ก็เล่นงานพวกมันได้...
ส่วนคู่ชายโฉดหญิงชั่วนั้น...ผีหรั่ง โผล่มาแบบจัดหนักด้วยความแค้น...แม้ว่าตัวแฟนแกนั้น แกจะไม่ต้องลงมือเองเลยก็ตาม...
ส่วนคนสุดท้ายอย่าง ไอ้ต้า (ซึ่งเป็นตัวเดินเรื่องหลักของภาพยนตร์เรื่องนี้) นั้น...ด้วยความที่เขาเคารพ และ นับถือ หรั่ง อย่างสุดหัวใจ...ทำให้ ผีหรั่ง ก็ยังเอ็นดู และ ปราณี รวมทั้งช่วยเหลือในสิ่งที่ ต้า ต้องการ...พร้อมกับสั่งสอนไปด้วยในตัว...
แต่ก็อย่างที่ผมเกริ่นไว้แล้วครับว่า ถ้าดูเผินๆแล้ว...ตอนนี้ควรจะเป็นตอนที่โหดที่สุด...
กลับเป็นว่า...ความโหดจริงๆนั้น...มีแค่แป๊บเดียว วูบเดียว...แล้วก็หมดเพียงแค่นั้น!!
แม้ว่าตัว ผีหรั่ง จะเข้าข่าย

นเอาเรื่องก็ตาม...แต่ช็อตโผล่มาหลอกนั้น...แทบไม่มีความน่ากลัวเลย...
และด้วยความที่เวลาของตอนนี้ ถือว่าค่อนข้างสั้น...เวลาในการปูพื้นเรื่องราวก็ค่อนข้างจะน้อย...แม้ว่าจะสามารถนำเสนอได้คร่าวๆให้พอเข้าใจได้ระดับหนึ่งก็ตาม...แต่ถ้าเพิ่มเวลาการปูเรื่องมาอีกซักหน่อย จะเพิ่มน้ำหนักของเรื่องราวได้มากกว่านี้นะครับ...
รวมทั้ง...หนังมันยังสามารถเล่นให้มันโหด และ สยองกว่านี้อีกเยอะเลยครับ!!
-------------------------
มาถึงตอนที่ 2...คอนแวนต์...ตอนที่น่ากลัวที่สุด แต่กับเป็นเรื่องราวที่อ่อนที่สุดในเรื่อง!!
พล็อตคร่าวๆก็คือ...
"เราเชื่อว่าทุกโรงเรียนมีตำนานเรื่องเล่าสยองขวัญ แต่ที่เห็นจะเป็นที่กล่าวขวัญมากที่สุดคงจะเป็น ผีซิสเตอร์หัวขาด!! ในโรงเรียนคอนแวนต์ ถ้าอยากรู้ว่าน่ากลัวขนาดไหนเราจะเล่าให้ฟัง…
เรื่องราวนี้มีอยู่ว่า ในโบสถ์ที่ปิดตายข้างโรงเรียนคอนแวนต์แห่งนี้ บางคืนจะมีคนได้ยินเสียงเปียโนดังแว่วออกมาจากโบสถ์ว่ากันว่า คนที่กำลังเล่นเปียโนกลางดึกนั้นคือแม่ชี...
แม่ชีที่หัวขาด!!!
ว่ากันว่าแม่ชีคนนี้ขณะที่มีชีวิตอยู่ เธอเป็นแม่ชีที่เล่นเปียโนเก่งมาก ในขณะเดียวกันก็เคร่งครัดอย่างมาก ถึงขึ้นยอมอุทิศตัวอยู่แต่ในโบสถ์ สละเรื่องทางโลก สวดมนต์ภาวนาพลีกรรมอย่างไม่หยุดหย่อน และทำกิจทุกอย่างแต่ในโบสถ์ แต่แล้วแม่ชีคนนี้เกิดมีความรักกับคนที่อยู่นอกโบสถ์ เธอรู้สึกผิดกับตัวเอง รู้สึกผิดต่อพระเจ้า นั่นเป็นสาเหตุที่เธอฆ่าตัวตาย จนหัวขาดในที่สุด…
หลังจากนั้นบางคืนจะมีคนได้ยินเสียงเปียโนดังจากโบสถ์ตอนกลางดึก แต่เมื่อไปดูก็ไม่พบใครนอกจากเปียโนหลังนั้น…และด้วยความศรัทธาในความรัก จึงมีบางตำนานเล่าว่า ถ้าใครอยากสมหวังในความรักให้ไปขอพรจากแม่ชีหัวขาดแล้วจะสมหวังทุกราย โดยต้องไปคนเดียว กรีดเลือดที่ฝ่ามือ แล้วเอาดอกกุหลาบสีแดงไปวางไว้ที่เปียโน…
เมื่อสมหวังแล้วต้องกลับไปโบสถ์ดำคนเดียว ตอนตีสาม...ต้องเล่นเพลง 1 เพลง ไม่ว่าเห็นหรือเจออะไรก็ห้ามหยุดเล่นโดยเด็ดขาด บางที...แม่ชีหัวขาดก็ยืนอยู่ข้างหลัง…หรือถ้าโชคดีกว่านั้น แม่ชีอาจจะปรากฏตัวให้เห็น…"
พล็อตค่อนข้างน่ากลัว...และยังผสมผสานเรื่องราวความรักในรั้วโรงเรียนคอนแวนต์ ที่เป็นโรงเรียนหญิงล้วน...จึงทำให้มีทั้งอารมณ์หวาน และ หลอน ผสมกัน...
แต่ว่า น้ำหนักทั้ง 2 ส่วนนั้น กลับไม่เท่ากัน...และความรักของ 3 สาวนั้น กลับเป็นตัวฉุดให้ภาพรวมของเรื่อง มันดูหลงทางไปซักหน่อย...
หนังแสดงให้เห็นถึงความรักแบบ หญิง-หญิง ออกมาได้ไม่ค่อยชัดเจน และ ลึกซึ้งมากนัก...เหมือนกับว่า สิ่งที่ทั้ง 3 คนนั้นรู้สึก มันยังไม่ใช่ความรักจริงๆ...เป็นแค่การหลงใหลได้ปลื้มเสียมากกว่า...
แต่ในส่วนของความหลอนนั้น ด้วยการที่มีการปูพื้นเรื่องราว จากคำบอกเล่า ได้ค่อนข้างชัดเจน ทำให้ความน่ากลัวของ ผีแม่ชีหัวขาด ตนนี้ สร้างความรู้สึกกลัว และ กดดัน ได้พอสมควรเลย...แม้ว่ากว่าที่ ผีแม่ชี จะโผล่ออกมา ก็ปาเข้าไปท้ายตอนแล้วก็ตาม...
ตลอดทั้งตอนนี้นั้น เราจะเห็นแรงกดดันของ ผีแม่ชี ในการบีบให้เด็กสาวต้องไปทำพิธีขอบคุณตอน ตีสาม...ที่มาในลักษณะของ สิ่งของเป็นหลัก...ก่อนที่จะเริ่มเห็นเป็นภาพชัดขึ้นเรื่อยๆ...
จนถึงจุดสุดท้าย ที่การหักมุมในตอนนี้นั้น...ไม่ค่อยให้เรารู้สึกแปลกใจหรืออึ้งเสียเท่าไหร่นัก...เป็นไปในแบบ นิ่งๆ เรื่อยๆ...
จนกระทั่งทุกอย่างได้เริ่มต้นจริงๆในช่วงไม่กี่นาทีสุดท้าย...กับการปรากฏตัวของ ผีแม่ชี...
ซึ่ง...ถ้า CGI ของผีนั้นทำให้มันเนียนกว่านี้ได้อีกซักหน่อยล่ะก็...มันจะเป็นอะไรที่น่ากลัวสุดๆเลยครับ!! แต่เท่านี้ก็เล่นเอาหลอนได้ระดับหนึ่งเลย...
โดยเฉพาะ...บทลงโทษแด่หญิงสาวที่ทำพิธีไม่ครบถ้วน หรือ ไม่สำเร็จ...ที่ผมดูแล้ว โหดกว่า ผีหรั่ง ในตอนแรกเยอะ!!
สิ่งหนึ่งที่ดีในตอนนี้ก็คือ...การที่ดึงอารมณ์หลอนให้ต่อเนื่องได้ ตั้งแต่ต้นจนจบ...โดยเฉพาะ การเล่นเปียโนครั้งสุดท้ายของตอนนี้...
--------------------
และมาถึงตอนหลักของหนังเรื่องนี้อย่าง กงเต๊ก...
พล็อตก็มีแค่ว่า..."คนงานร้านกงเต๊กเจอข่าวว่า เจ๊เจ้าของร้านกงเต๊ก รถคว่ำตายไปแล้ว...แล้วเจ๊ที่นั่งอยู่ตรงหน้าทุกคนนี้ เป็นอะไรกันแน่??"
ผมไม่รู้ว่า OT ในภาคแรกนั้น มีความน่ากลัวมากน้อยแค่ไหน...
แต่ใน กงเต๊ก ที่ผมได้ชมนั้น...มันคือ ตลก-สยองขวัญ แบบเต็มรูปแบบครับ!!
ความสยองของเรื่องนี้จะอยู่ที่ช่วงจังหวะ ที่เหมือนว่ามันจะต้องมีอะไรที่น่ากลัวมากๆแน่ๆ...แต่ช่วงจังหวะสยองที่ว่านั้น มันมีเอาไว้เพื่อชงให้มันตลกเสียมากกว่าครับ!!
เพราะว่าจังหวะหลอกของผีนั้น ไม่ได้เจตนาให้กลัวกันเท่าไหร่นัก เน้นให้พอสะดุ้งกันเสียมากกว่า...
แน่นอนครับว่าหนังลักษณะแบบนี้ เราได้ชมกันบ่อยมากในช่วงหลังๆ...ฉะนั้นแล้ว ความฮาเลยจะไปอยู่ที่ การปล่อยมุกนะครับ...
กงเต๊ก เลือกที่จะเล่นในพื้นที่จำกัด ซึ่งยากที่จะหลบหนีไป...คือ ในร้านขายกงเต๊ก ที่มีข้าวของกองอยู่เยอะแยะ...และทางเข้าออกมันมีแค่ทางเดียว...
มุกหลายๆมุกนั้น เป็นมุกที่เล่นได้ในสถานการณ์นั้นๆ และหลายๆมุกมันก็เป็นมุกที่เราก็รู้ๆกันอยู่แหละ แต่ก็คิดไม่ถึงว่ามันจะเล่น!! และหลายมุกๆก็เล่นออกมาได้ฮาสุดๆเท่าที่จะขยี้กันได้!!
พอมากลางเรื่อง หนังก็เลือกที่จะกระชากอารมณ์คนดู จากที่มีความหวาดระแวงในการหลอกอยู่บ้าง ให้หายไปหมดสิ้น...รวมทั้งการแก้ขมวดปมที่ตอนเริ่มเรื่องนั้นทิ้งเอาไว้...
และหลังจากที่หนังนั้นค่อยๆขมวดปมไปเรื่อยๆ...กลับกลายเป็นว่า ปมมันไม่หมดไม่สิ้นเสียที...จนมาถึงตอนท้ายสุดของเรื่องนั่นเองครับ!!
แน่นอนครับว่ามุกสับขาหลอกหลายชั้นแบบนี้ไม่ใช่เรื่องใหม่...ฉะนั้นโจทย์ยากในการที่จะเล่นมุกแบบนี้ก็คือ การทำให้คนดูตายใจ จนละเลยอะไรบางอย่างไปได้...ซึ่ง กงเต๊ก ก็ทำในส่วนนี้ออกมาได้ดีนะครับ...เพราะว่าหนังแอบแทรกอะไรเอาไว้รายทางอยู่เรื่อยๆ...แต่มันเป็นจุดเล็กน้อยจนคนดูไม่ใส่ใจกับมันมาก...กว่าจะถึงตอนที่หนังเฉลย ก็เล่นเอาแทบจะลืมไปแล้วว่ามันเป็น มันมีแบบนี้...
และบทสรุปสุดท้ายของเรื่องราวทั้งหมด...แม้ว่าอาจจะดูโหดร้ายไปซักหน่อย...แต่ถ้าลองมองย้อนกลับไปในตอนแรกเลยนั้น...ก็พอเข้าใจ และก็โอเคกับทางออกแบบนี้...
-------------------
ต่อด้านล่างนะครับ...
[SR] ตีสาม คืนสาม 3D : ไทย จีน ฝรั่ง จะเอาแบบไหน?? [C] [no spoiled]
ก่อนอื่นก็ต้องขอขอบคุณทาง Five Star Production เป็นอย่างสูงนะครับ สำหรับการเชิญให้ไปร่วมพิสูจน์ความน่ากลัวในครั้งนี้...
---------------------------
ออกตัวก่อนเลยทุกครั้งนะครับว่า ผมกลัวผี...แน่นอนครับว่า ภาคแรกผมไม่ได้ชม...ฉะนั้นแล้ว ผมจึงของเว้นจากการเปรียบเทียบกับภาคแรกไปก่อนนะครับ...
คราวนี้ก็ยังคงมีเรื่องราว 3 ตอน 3 รูปแบบ ที่เล่นกับประเด็นเวลา ตีสาม อยู่เช่นเคยนะครับ...
ขอทำการแยกส่วนการพูดถึงในแต่ละเรื่องก่อนนะครับ...
-------------------------
ทั้ง 3 เรื่องนั้นมีส่วนที่เชื่อมโยงถึงกัน...โดยที่มีเรื่องราวหลักอยู่ที่ กงเต๊ก...ก่อนที่จะทำการส่งไปยังอีก 2 เรื่องย่อย...และเรื่องแรกที่หนังพูดถึงก่อนก็คือ คืนสาม...
เรื่องราวคร่าวๆก็คือ...หรั่ง ขาใหญ่แก๊งค์มอเตอร์ไซด์ที่เปิดร้านสัก ได้ตายไปจากอุบัติเหตุ...และเมื่อผ่านไปถึงคืนที่ 3...ตามความเชื่อที่ว่า คนตายจะกลับมา "เก็บรอยเท้า" ของตัวเอง...และสะสางอะไรบางอย่างที่ยังค้างคา...จากลูกน้องของตัวเองทั้งหลาย...
จากการให้สัมภาษณ์ของนักแสดงนั้น ต่างลงความเห็นว่า คืนสาม เป็นตอนที่โหดที่สุดของเรื่องแล้ว...ซึ่งถ้าดูเผินๆก็ควรจะเป็นเช่นนั้น...
เพราะว่า หรั่ง นั้นตายไปด้วยความโกรธแค้นที่สุมเต็มอก...จากการที่แฟนของเขา ไป***กับลูกน้องอีกคนหนึ่ง...ในขณะลูกน้องอีกพวกก็มีแผนคิดไม่ซื่อกับเขา...
แต่ด้วยความที่เป็นคนใจนักเลง...ใครที่ดีกับเขา เขาก็ดีด้วย...แม้ว่าจะตายเป็นผีไปแล้วก็ตาม...
ฉะนั้นการปรากฏตัวของ ผีหรั่ง จึงจะมา 3 ลักษณะ คือ มาดี...มาแบบเละ และ ไม่จำเป็นต้องให้เห็นก็ได้!! ซึ่งเป็นการแสดงออกถึงลำดับความสำคัญของลูกน้องที่อยู่รอบตัวของ หรั่ง เอง...
แบบหลังสุดนั้น ด้วยความที่ลูกน้องมันคิดไม่ซื่อ และ เล่นหัวไม่ดูกาลเทศะ...ผีหรั่ง จึงไม่จำเป็นต้องออกมาให้เห็น ก็เล่นงานพวกมันได้...
ส่วนคู่ชายโฉดหญิงชั่วนั้น...ผีหรั่ง โผล่มาแบบจัดหนักด้วยความแค้น...แม้ว่าตัวแฟนแกนั้น แกจะไม่ต้องลงมือเองเลยก็ตาม...
ส่วนคนสุดท้ายอย่าง ไอ้ต้า (ซึ่งเป็นตัวเดินเรื่องหลักของภาพยนตร์เรื่องนี้) นั้น...ด้วยความที่เขาเคารพ และ นับถือ หรั่ง อย่างสุดหัวใจ...ทำให้ ผีหรั่ง ก็ยังเอ็นดู และ ปราณี รวมทั้งช่วยเหลือในสิ่งที่ ต้า ต้องการ...พร้อมกับสั่งสอนไปด้วยในตัว...
แต่ก็อย่างที่ผมเกริ่นไว้แล้วครับว่า ถ้าดูเผินๆแล้ว...ตอนนี้ควรจะเป็นตอนที่โหดที่สุด...
กลับเป็นว่า...ความโหดจริงๆนั้น...มีแค่แป๊บเดียว วูบเดียว...แล้วก็หมดเพียงแค่นั้น!!
แม้ว่าตัว ผีหรั่ง จะเข้าข่าย
และด้วยความที่เวลาของตอนนี้ ถือว่าค่อนข้างสั้น...เวลาในการปูพื้นเรื่องราวก็ค่อนข้างจะน้อย...แม้ว่าจะสามารถนำเสนอได้คร่าวๆให้พอเข้าใจได้ระดับหนึ่งก็ตาม...แต่ถ้าเพิ่มเวลาการปูเรื่องมาอีกซักหน่อย จะเพิ่มน้ำหนักของเรื่องราวได้มากกว่านี้นะครับ...
รวมทั้ง...หนังมันยังสามารถเล่นให้มันโหด และ สยองกว่านี้อีกเยอะเลยครับ!!
-------------------------
มาถึงตอนที่ 2...คอนแวนต์...ตอนที่น่ากลัวที่สุด แต่กับเป็นเรื่องราวที่อ่อนที่สุดในเรื่อง!!
พล็อตคร่าวๆก็คือ...
"เราเชื่อว่าทุกโรงเรียนมีตำนานเรื่องเล่าสยองขวัญ แต่ที่เห็นจะเป็นที่กล่าวขวัญมากที่สุดคงจะเป็น ผีซิสเตอร์หัวขาด!! ในโรงเรียนคอนแวนต์ ถ้าอยากรู้ว่าน่ากลัวขนาดไหนเราจะเล่าให้ฟัง…
เรื่องราวนี้มีอยู่ว่า ในโบสถ์ที่ปิดตายข้างโรงเรียนคอนแวนต์แห่งนี้ บางคืนจะมีคนได้ยินเสียงเปียโนดังแว่วออกมาจากโบสถ์ว่ากันว่า คนที่กำลังเล่นเปียโนกลางดึกนั้นคือแม่ชี...
แม่ชีที่หัวขาด!!!
ว่ากันว่าแม่ชีคนนี้ขณะที่มีชีวิตอยู่ เธอเป็นแม่ชีที่เล่นเปียโนเก่งมาก ในขณะเดียวกันก็เคร่งครัดอย่างมาก ถึงขึ้นยอมอุทิศตัวอยู่แต่ในโบสถ์ สละเรื่องทางโลก สวดมนต์ภาวนาพลีกรรมอย่างไม่หยุดหย่อน และทำกิจทุกอย่างแต่ในโบสถ์ แต่แล้วแม่ชีคนนี้เกิดมีความรักกับคนที่อยู่นอกโบสถ์ เธอรู้สึกผิดกับตัวเอง รู้สึกผิดต่อพระเจ้า นั่นเป็นสาเหตุที่เธอฆ่าตัวตาย จนหัวขาดในที่สุด…
หลังจากนั้นบางคืนจะมีคนได้ยินเสียงเปียโนดังจากโบสถ์ตอนกลางดึก แต่เมื่อไปดูก็ไม่พบใครนอกจากเปียโนหลังนั้น…และด้วยความศรัทธาในความรัก จึงมีบางตำนานเล่าว่า ถ้าใครอยากสมหวังในความรักให้ไปขอพรจากแม่ชีหัวขาดแล้วจะสมหวังทุกราย โดยต้องไปคนเดียว กรีดเลือดที่ฝ่ามือ แล้วเอาดอกกุหลาบสีแดงไปวางไว้ที่เปียโน…
เมื่อสมหวังแล้วต้องกลับไปโบสถ์ดำคนเดียว ตอนตีสาม...ต้องเล่นเพลง 1 เพลง ไม่ว่าเห็นหรือเจออะไรก็ห้ามหยุดเล่นโดยเด็ดขาด บางที...แม่ชีหัวขาดก็ยืนอยู่ข้างหลัง…หรือถ้าโชคดีกว่านั้น แม่ชีอาจจะปรากฏตัวให้เห็น…"
พล็อตค่อนข้างน่ากลัว...และยังผสมผสานเรื่องราวความรักในรั้วโรงเรียนคอนแวนต์ ที่เป็นโรงเรียนหญิงล้วน...จึงทำให้มีทั้งอารมณ์หวาน และ หลอน ผสมกัน...
แต่ว่า น้ำหนักทั้ง 2 ส่วนนั้น กลับไม่เท่ากัน...และความรักของ 3 สาวนั้น กลับเป็นตัวฉุดให้ภาพรวมของเรื่อง มันดูหลงทางไปซักหน่อย...
หนังแสดงให้เห็นถึงความรักแบบ หญิง-หญิง ออกมาได้ไม่ค่อยชัดเจน และ ลึกซึ้งมากนัก...เหมือนกับว่า สิ่งที่ทั้ง 3 คนนั้นรู้สึก มันยังไม่ใช่ความรักจริงๆ...เป็นแค่การหลงใหลได้ปลื้มเสียมากกว่า...
แต่ในส่วนของความหลอนนั้น ด้วยการที่มีการปูพื้นเรื่องราว จากคำบอกเล่า ได้ค่อนข้างชัดเจน ทำให้ความน่ากลัวของ ผีแม่ชีหัวขาด ตนนี้ สร้างความรู้สึกกลัว และ กดดัน ได้พอสมควรเลย...แม้ว่ากว่าที่ ผีแม่ชี จะโผล่ออกมา ก็ปาเข้าไปท้ายตอนแล้วก็ตาม...
ตลอดทั้งตอนนี้นั้น เราจะเห็นแรงกดดันของ ผีแม่ชี ในการบีบให้เด็กสาวต้องไปทำพิธีขอบคุณตอน ตีสาม...ที่มาในลักษณะของ สิ่งของเป็นหลัก...ก่อนที่จะเริ่มเห็นเป็นภาพชัดขึ้นเรื่อยๆ...
จนถึงจุดสุดท้าย ที่การหักมุมในตอนนี้นั้น...ไม่ค่อยให้เรารู้สึกแปลกใจหรืออึ้งเสียเท่าไหร่นัก...เป็นไปในแบบ นิ่งๆ เรื่อยๆ...
จนกระทั่งทุกอย่างได้เริ่มต้นจริงๆในช่วงไม่กี่นาทีสุดท้าย...กับการปรากฏตัวของ ผีแม่ชี...
ซึ่ง...ถ้า CGI ของผีนั้นทำให้มันเนียนกว่านี้ได้อีกซักหน่อยล่ะก็...มันจะเป็นอะไรที่น่ากลัวสุดๆเลยครับ!! แต่เท่านี้ก็เล่นเอาหลอนได้ระดับหนึ่งเลย...
โดยเฉพาะ...บทลงโทษแด่หญิงสาวที่ทำพิธีไม่ครบถ้วน หรือ ไม่สำเร็จ...ที่ผมดูแล้ว โหดกว่า ผีหรั่ง ในตอนแรกเยอะ!!
สิ่งหนึ่งที่ดีในตอนนี้ก็คือ...การที่ดึงอารมณ์หลอนให้ต่อเนื่องได้ ตั้งแต่ต้นจนจบ...โดยเฉพาะ การเล่นเปียโนครั้งสุดท้ายของตอนนี้...
--------------------
และมาถึงตอนหลักของหนังเรื่องนี้อย่าง กงเต๊ก...
พล็อตก็มีแค่ว่า..."คนงานร้านกงเต๊กเจอข่าวว่า เจ๊เจ้าของร้านกงเต๊ก รถคว่ำตายไปแล้ว...แล้วเจ๊ที่นั่งอยู่ตรงหน้าทุกคนนี้ เป็นอะไรกันแน่??"
ผมไม่รู้ว่า OT ในภาคแรกนั้น มีความน่ากลัวมากน้อยแค่ไหน...
แต่ใน กงเต๊ก ที่ผมได้ชมนั้น...มันคือ ตลก-สยองขวัญ แบบเต็มรูปแบบครับ!!
ความสยองของเรื่องนี้จะอยู่ที่ช่วงจังหวะ ที่เหมือนว่ามันจะต้องมีอะไรที่น่ากลัวมากๆแน่ๆ...แต่ช่วงจังหวะสยองที่ว่านั้น มันมีเอาไว้เพื่อชงให้มันตลกเสียมากกว่าครับ!!
เพราะว่าจังหวะหลอกของผีนั้น ไม่ได้เจตนาให้กลัวกันเท่าไหร่นัก เน้นให้พอสะดุ้งกันเสียมากกว่า...
แน่นอนครับว่าหนังลักษณะแบบนี้ เราได้ชมกันบ่อยมากในช่วงหลังๆ...ฉะนั้นแล้ว ความฮาเลยจะไปอยู่ที่ การปล่อยมุกนะครับ...
กงเต๊ก เลือกที่จะเล่นในพื้นที่จำกัด ซึ่งยากที่จะหลบหนีไป...คือ ในร้านขายกงเต๊ก ที่มีข้าวของกองอยู่เยอะแยะ...และทางเข้าออกมันมีแค่ทางเดียว...
มุกหลายๆมุกนั้น เป็นมุกที่เล่นได้ในสถานการณ์นั้นๆ และหลายๆมุกมันก็เป็นมุกที่เราก็รู้ๆกันอยู่แหละ แต่ก็คิดไม่ถึงว่ามันจะเล่น!! และหลายมุกๆก็เล่นออกมาได้ฮาสุดๆเท่าที่จะขยี้กันได้!!
พอมากลางเรื่อง หนังก็เลือกที่จะกระชากอารมณ์คนดู จากที่มีความหวาดระแวงในการหลอกอยู่บ้าง ให้หายไปหมดสิ้น...รวมทั้งการแก้ขมวดปมที่ตอนเริ่มเรื่องนั้นทิ้งเอาไว้...
และหลังจากที่หนังนั้นค่อยๆขมวดปมไปเรื่อยๆ...กลับกลายเป็นว่า ปมมันไม่หมดไม่สิ้นเสียที...จนมาถึงตอนท้ายสุดของเรื่องนั่นเองครับ!!
แน่นอนครับว่ามุกสับขาหลอกหลายชั้นแบบนี้ไม่ใช่เรื่องใหม่...ฉะนั้นโจทย์ยากในการที่จะเล่นมุกแบบนี้ก็คือ การทำให้คนดูตายใจ จนละเลยอะไรบางอย่างไปได้...ซึ่ง กงเต๊ก ก็ทำในส่วนนี้ออกมาได้ดีนะครับ...เพราะว่าหนังแอบแทรกอะไรเอาไว้รายทางอยู่เรื่อยๆ...แต่มันเป็นจุดเล็กน้อยจนคนดูไม่ใส่ใจกับมันมาก...กว่าจะถึงตอนที่หนังเฉลย ก็เล่นเอาแทบจะลืมไปแล้วว่ามันเป็น มันมีแบบนี้...
และบทสรุปสุดท้ายของเรื่องราวทั้งหมด...แม้ว่าอาจจะดูโหดร้ายไปซักหน่อย...แต่ถ้าลองมองย้อนกลับไปในตอนแรกเลยนั้น...ก็พอเข้าใจ และก็โอเคกับทางออกแบบนี้...
-------------------
ต่อด้านล่างนะครับ...