สวัสดีค่ะทุกท่าน อาชีพสอนพิเศษหรือติวเตอร์เป็นอาชีพที่นิยมทำกันมากในหมู่นักศึกษาและผู้ที่จบใหม่ เราเองก็เป็นหนึ่งในติวเตอร์เช่นกันค่ะ เราทำงานนี้มาได้ 4-5 ปีแล้ว และช่วงแรกๆไม่ค่อยจะพบปัญหาอะไร แต่ระยะหลังเรากลับพบปัญหากับผู้เรียนมากขึ้น ซึ่งรายละเอียดของเคสล่าสุดที่เราต้องเจอมีดังนี้ค่ะ (ยาวหน่อยแต่อยากให้อ่านจริงๆค่ะ)
ผู้เรียน :
- มีอะไรโทรหา อย่าเงียบหาย : ถ้าผู้เรียนต้องการเปลี่ยนแปลงวันหรือเวลาเรียน กรุณาโทรมาบอกล่วงหน้าซัก 1-2 วันก่อนได้ไหมคะ? ไม่ใช่คิดจะมาไม่ได้ก็โทรมาเสียฉุกละหุก โทรมาฉุกละหุกว่าแย่แล้วยังดีกว่าคนที่ไม่มาเรียน ไม่โทรมาบอก ไม่รับสาย
- กำหนดเวลาเรียนของคุณให้แน่ใจก่อนตัดสินใจเรียน : ผู้เรียนหลายๆท่านระบุมมาว่า"ว่างทั้งวัน" ติวเตอร์ก็นัดวันเวลาเรียนไปเรียบร้อยแล้ว แต่ต่อมาผู้เรียนกลับไปหางานอื่นทำซึ่งกระทบต่อตารางเรียน แบบนี้ติวเตอร์ไม่สามารถเลื่อนตารางได้มันกระทบกันไปหมดเลยค่ะ ดังนั้นแล้วก่อนตัดสินใจจะเรียน ผู้เรียนควรไปเคลียร์เวลาตัวเองให้เรียบร้อยก่อนดีไหมคะ?
- ขอให้มาเรียนให้ต่อเนื่อง อย่ามาๆหยุดๆ : ผู้เรียนอาจจะไม่ทราบว่าติวเตอร์มีการรับงานมาจากสถาบันที่ผู้เรียนไปสมัครเรียน แล้วติวเตอร์ต้องจ่ายค่ารับงานให้แก่สถาบันต่างๆ ดังนั้นแล้วการเรียนๆหยุดๆของผู้เรียน จะกระทบต่อรายได้ที่ติวเตอร์คาดว่าจะได้รับอย่างแน่นอน รวมถึงกระทบต่อตัวผู้เรียนเองที่จะมีพัฒนาการในการเรียนช้ากว่าที่ควรจะเป็น สุดท้ายแล้วติวเตอร์สอนไม่ทันก็มาว่าๆทำไมสอนไม่ทัน(อ้าวก็ตัวเองเล่นเรียนๆหยุดๆแบบนี้น่ะ)
- อย่าต่อราคาเลยค่ะ : อย่างที่อธิบายไว้ในข้อที่แล้ว ว่าติวเตอร์มีการจ่ายเงินให้แก่สถาบัน ดังนั้นแล้วราคาที่เรียนสถาบันเค้าได้กำหนดมาแล้วว่าเป็นเท่าไรต่อชั่วโมง ผู้เรียนก็ได้รับรู้ราคาตั้งแต่ก่อนเริ่มเรียนแล้ว ถ้าหากคิดว่ารับไม่ไหวก็ลองหาวิธีอื่นในการพัฒนาความรู้ตัวเอง เช่นหาหนังสือมาอ่าน, ฝึกฝนด้วยตัวเองหรือพยายามหาคลิปใน you tube ที่มีการอธิบายเรื่องนั้นๆ ดังนั้นขอให้เห็นใจกันด้วยค่ะ ติวเตอร์เองก็ลำบากใจที่ต้องปฏิเสธค่ะ
ติวเตอร์ :
- เราเจอติวเตอร์ที่ไม่ได้รู้จริงในเรื่องนั้นๆมาสอนเยอะขึ้น : ยกตัวอย่างเพื่อนใกล้ตัว พอเห็นเราเริ่มทำอาชีพนี้นางก็เริ่มทำบ้าง โดยวิชาที่นางสอน นางแทบจะเรียกได้ว่างูๆปลาๆมาก เกรดในวิชานั้นของนางได้แค่ 2.5 แต่นางกลับเอาความรู้(ซึ่งเดาไม่ยากว่าไม่แน่น)ของนางไปสอนโดยไม่คำนึงถึงเลยว่าเด็กจะได้รับความรู้จริงๆหรือไม่ และเด็กที่นางสอนนั้นเป็นเด็กติวเตรียมเข้ามหาวิทยาลัยค่ะ เราเงิบไปเลยแบบว่าตัวเองยังเอาตัวเองไม่ค่อยจะรอด ไม่น่าจะไปรับงานสอนเค้าเลยจริงๆ
- ทัศนคติติวเตอร์ : อีกตัวอย่างหนึ่งของคนที่รู้จักกัน ตอนนั้นเธอคนนี้กำลังจะเปลี่ยนงานสอน เธอเลยมาถามเราว่าอยากรับงานต่อหรือไม่ เราจึงถามว่าสอนเป็นกลุ่ม 10-15 คนแบบนี้สอนยากไหม แต่เธอกลับตอบมาว่า "ก็สอนๆไปเถอะ ฟังก็ฟังใครเล่นก็ช่างมัน สอนให้มันจบๆชั่วโมงไป พอท้ายชั่วโมงก็รีบเดินออกนอกห้องไปซะใครสงสัยอะไรค่อยมาตอบอาทิตยืถัดไป" เราได้ฟังแล้วก็.....เหวอ
- ดีลลับหลังกับผู้เรียน : ติวเตอร์บางคนหัวใสแต่ภาวะจิตใจแย่ รับงานจากสถาบันมาแล้วแต่ไปดีลลับหลังกับผู้เรียนให้ไปบอกยกเลิกเรียนกับสถาบัน เพื่อที่ตัวเองจะได้เงินคืนและได้สอนควบคู่ไปด้วย (แย่มากๆเลยค่ะคนที่ทำแบบนี้)
- ถ้าไม่พร้อมก็อย่ารับงานค่ะ : ติวเตอร์บางคนขอให้ตัวเองได้งานไว้ก่อนทั้งๆที่เวลาสอนไม่ได้ รับงานมาแล้วก็มาเลื่อนสอนเพื่อให้รับงานอื่นๆได้ต่อแบบนี้ไม่น่ารักเลยค่ะ เมื่อผู้เรียนกำหนดเวลาที่สะดวกมาก็ควรจะทำตามกฏกติกานะคะ
สถาบัน :
- ความกระจ่างในการบอกงาน : สถาบันหลายที่ให้ข้อมูลที่กำกวมมาก เช่น บอกว่าเรียน 5 วันต่อสัปดาห์ แต่พอได้คุยจริงกลับกลายเป็นว่า ต้องการเรียนเพียงแค่ 2 วันในสัปดาห์(แต่ผู้เรียนว่าง 5 วัน) อ้าวแล้วทำไมไม่เขียนว่าให้เลือกเรียน 2 วันต่อสัปดาห์
- เร่งการโอนเงิน : ตอนที่โอนเงินเนี่ยกำหนดวันให้ติวเตอร์รีบโอนแทบตาย แต่พอตอนงานมีปัญหากลับอิดออด กว่าจะโอนเงินคืนให้ใช้เวลาเป็นอาทิตย์
- ความไม่เป็นธรรมในการคืนเงิน : ถ้าหากติวเตอร์รับงานสอนไปแล้วและได้สอนไปแล้ว แต่เกิดปัญหาที่เกิดจากตัวผู้เรียนเอง สถาบันทำไมไม่ยอมคืนเงิน 100% ให้แก่ติวเตอร์คะ? อย่าพูดว่ากลัวติวเตอร์จะไปดีลกับผู้เรียนลับหลัง ตรงนั้นคุณควรหาวิธีการจัดการเอง ไม่เช่นนั้นกระทบกับติวเตอร์ดีๆหมดค่ะ
- ถ้าไม่พร้อมจะทำงานตรงนี้ก็อย่าทำเลยค่ะ : สถาบันบางแห่งติดต่อยากมาก โทรศัพท์ไปไม่เคยโทรกลับ ทิ้งข้อความไว้ก็ไม่เคยตอบ แต่เวลาโพสงานจะโพสได้ถี่มาก คือตรงนี้ถ้าสถาบันทำแบบนี้แล้วติวเตอร์ที่พร้อมสอนเค้าก็เหนื่อยใจเหมือนกันนะคะ
จากใจติวเตอร์ ถึงสถาบันติวเตอร์และผู้เรียนพิเศษทุกท่าน ยาวหน่อยแต่อยากให้อ่านค่ะ
ผู้เรียน :
- มีอะไรโทรหา อย่าเงียบหาย : ถ้าผู้เรียนต้องการเปลี่ยนแปลงวันหรือเวลาเรียน กรุณาโทรมาบอกล่วงหน้าซัก 1-2 วันก่อนได้ไหมคะ? ไม่ใช่คิดจะมาไม่ได้ก็โทรมาเสียฉุกละหุก โทรมาฉุกละหุกว่าแย่แล้วยังดีกว่าคนที่ไม่มาเรียน ไม่โทรมาบอก ไม่รับสาย
- กำหนดเวลาเรียนของคุณให้แน่ใจก่อนตัดสินใจเรียน : ผู้เรียนหลายๆท่านระบุมมาว่า"ว่างทั้งวัน" ติวเตอร์ก็นัดวันเวลาเรียนไปเรียบร้อยแล้ว แต่ต่อมาผู้เรียนกลับไปหางานอื่นทำซึ่งกระทบต่อตารางเรียน แบบนี้ติวเตอร์ไม่สามารถเลื่อนตารางได้มันกระทบกันไปหมดเลยค่ะ ดังนั้นแล้วก่อนตัดสินใจจะเรียน ผู้เรียนควรไปเคลียร์เวลาตัวเองให้เรียบร้อยก่อนดีไหมคะ?
- ขอให้มาเรียนให้ต่อเนื่อง อย่ามาๆหยุดๆ : ผู้เรียนอาจจะไม่ทราบว่าติวเตอร์มีการรับงานมาจากสถาบันที่ผู้เรียนไปสมัครเรียน แล้วติวเตอร์ต้องจ่ายค่ารับงานให้แก่สถาบันต่างๆ ดังนั้นแล้วการเรียนๆหยุดๆของผู้เรียน จะกระทบต่อรายได้ที่ติวเตอร์คาดว่าจะได้รับอย่างแน่นอน รวมถึงกระทบต่อตัวผู้เรียนเองที่จะมีพัฒนาการในการเรียนช้ากว่าที่ควรจะเป็น สุดท้ายแล้วติวเตอร์สอนไม่ทันก็มาว่าๆทำไมสอนไม่ทัน(อ้าวก็ตัวเองเล่นเรียนๆหยุดๆแบบนี้น่ะ)
- อย่าต่อราคาเลยค่ะ : อย่างที่อธิบายไว้ในข้อที่แล้ว ว่าติวเตอร์มีการจ่ายเงินให้แก่สถาบัน ดังนั้นแล้วราคาที่เรียนสถาบันเค้าได้กำหนดมาแล้วว่าเป็นเท่าไรต่อชั่วโมง ผู้เรียนก็ได้รับรู้ราคาตั้งแต่ก่อนเริ่มเรียนแล้ว ถ้าหากคิดว่ารับไม่ไหวก็ลองหาวิธีอื่นในการพัฒนาความรู้ตัวเอง เช่นหาหนังสือมาอ่าน, ฝึกฝนด้วยตัวเองหรือพยายามหาคลิปใน you tube ที่มีการอธิบายเรื่องนั้นๆ ดังนั้นขอให้เห็นใจกันด้วยค่ะ ติวเตอร์เองก็ลำบากใจที่ต้องปฏิเสธค่ะ
ติวเตอร์ :
- เราเจอติวเตอร์ที่ไม่ได้รู้จริงในเรื่องนั้นๆมาสอนเยอะขึ้น : ยกตัวอย่างเพื่อนใกล้ตัว พอเห็นเราเริ่มทำอาชีพนี้นางก็เริ่มทำบ้าง โดยวิชาที่นางสอน นางแทบจะเรียกได้ว่างูๆปลาๆมาก เกรดในวิชานั้นของนางได้แค่ 2.5 แต่นางกลับเอาความรู้(ซึ่งเดาไม่ยากว่าไม่แน่น)ของนางไปสอนโดยไม่คำนึงถึงเลยว่าเด็กจะได้รับความรู้จริงๆหรือไม่ และเด็กที่นางสอนนั้นเป็นเด็กติวเตรียมเข้ามหาวิทยาลัยค่ะ เราเงิบไปเลยแบบว่าตัวเองยังเอาตัวเองไม่ค่อยจะรอด ไม่น่าจะไปรับงานสอนเค้าเลยจริงๆ
- ทัศนคติติวเตอร์ : อีกตัวอย่างหนึ่งของคนที่รู้จักกัน ตอนนั้นเธอคนนี้กำลังจะเปลี่ยนงานสอน เธอเลยมาถามเราว่าอยากรับงานต่อหรือไม่ เราจึงถามว่าสอนเป็นกลุ่ม 10-15 คนแบบนี้สอนยากไหม แต่เธอกลับตอบมาว่า "ก็สอนๆไปเถอะ ฟังก็ฟังใครเล่นก็ช่างมัน สอนให้มันจบๆชั่วโมงไป พอท้ายชั่วโมงก็รีบเดินออกนอกห้องไปซะใครสงสัยอะไรค่อยมาตอบอาทิตยืถัดไป" เราได้ฟังแล้วก็.....เหวอ
- ดีลลับหลังกับผู้เรียน : ติวเตอร์บางคนหัวใสแต่ภาวะจิตใจแย่ รับงานจากสถาบันมาแล้วแต่ไปดีลลับหลังกับผู้เรียนให้ไปบอกยกเลิกเรียนกับสถาบัน เพื่อที่ตัวเองจะได้เงินคืนและได้สอนควบคู่ไปด้วย (แย่มากๆเลยค่ะคนที่ทำแบบนี้)
- ถ้าไม่พร้อมก็อย่ารับงานค่ะ : ติวเตอร์บางคนขอให้ตัวเองได้งานไว้ก่อนทั้งๆที่เวลาสอนไม่ได้ รับงานมาแล้วก็มาเลื่อนสอนเพื่อให้รับงานอื่นๆได้ต่อแบบนี้ไม่น่ารักเลยค่ะ เมื่อผู้เรียนกำหนดเวลาที่สะดวกมาก็ควรจะทำตามกฏกติกานะคะ
สถาบัน :
- ความกระจ่างในการบอกงาน : สถาบันหลายที่ให้ข้อมูลที่กำกวมมาก เช่น บอกว่าเรียน 5 วันต่อสัปดาห์ แต่พอได้คุยจริงกลับกลายเป็นว่า ต้องการเรียนเพียงแค่ 2 วันในสัปดาห์(แต่ผู้เรียนว่าง 5 วัน) อ้าวแล้วทำไมไม่เขียนว่าให้เลือกเรียน 2 วันต่อสัปดาห์
- เร่งการโอนเงิน : ตอนที่โอนเงินเนี่ยกำหนดวันให้ติวเตอร์รีบโอนแทบตาย แต่พอตอนงานมีปัญหากลับอิดออด กว่าจะโอนเงินคืนให้ใช้เวลาเป็นอาทิตย์
- ความไม่เป็นธรรมในการคืนเงิน : ถ้าหากติวเตอร์รับงานสอนไปแล้วและได้สอนไปแล้ว แต่เกิดปัญหาที่เกิดจากตัวผู้เรียนเอง สถาบันทำไมไม่ยอมคืนเงิน 100% ให้แก่ติวเตอร์คะ? อย่าพูดว่ากลัวติวเตอร์จะไปดีลกับผู้เรียนลับหลัง ตรงนั้นคุณควรหาวิธีการจัดการเอง ไม่เช่นนั้นกระทบกับติวเตอร์ดีๆหมดค่ะ
- ถ้าไม่พร้อมจะทำงานตรงนี้ก็อย่าทำเลยค่ะ : สถาบันบางแห่งติดต่อยากมาก โทรศัพท์ไปไม่เคยโทรกลับ ทิ้งข้อความไว้ก็ไม่เคยตอบ แต่เวลาโพสงานจะโพสได้ถี่มาก คือตรงนี้ถ้าสถาบันทำแบบนี้แล้วติวเตอร์ที่พร้อมสอนเค้าก็เหนื่อยใจเหมือนกันนะคะ