เหตุเกิดจากการที่ call center ให้ข้อมูลเราผิด วันนี้กลับกลายเป็นทางธนาคารโทรมาทวงหนี้เรา
ปกติเราเป็นคนระมัดระวังเรื่องการใช้จ่ายมากๆ เพราะเราคนเดียวหาเลี้ยงทั้งครอบครัวและที่บ้านมีคนป่วยด้วย แต่เราก็ตัดสินใจไปสมัครบัตรเครดิตกับธนาคารหนึ่งในเดือน พ.ย. ไว้เพราะรู้ว่าสิ้นปีนี้จะมีค่าใช้จ่ายเพิ่มมาเลยวางแผนไว้ว่าจะใช้บัตรรูดไว้ก่อนแล้วค่อยเอาโบนัสมาโปะ เงินที่เราต้องใช้คือ 40,000 บาท ตอนนั้นเราวางแผนใช้เงินเรา 12,000 บาทและรูดบัตรเต็มวงเงิน 28,000 บาท ซึ่งเรารู้กำหนดวันแน่นอนคือต้องใช้เงินช่วงวันที่ 20 ธ.ค. และจะได้โบนัสวันที่ 3 ม.ค. (เราได้โบนัส 32,000 บาท)
วันที่ 6 ม.ค. เราได้รับบิลจากธนาคาร ทำให้เห็นว่ายอดขั้นต่ำเป็นเงื่อนไขแบบชำระหมด 100 % ซึ่งเรามั่นใจว่าตอนสมัครเราเลือกแบบ 10% แน่ๆ แถมวันนั้นมีญาติที่สนิทด้วยมากๆเดือดร้อนเรื่องเงิน เราก็กำลังตัดสินใจว่าจะช่วยเหลือเค้าได้หรือไม่ ถ้าจะช่วยก็ต้องเอาโบนัสที่จะจ่ายค่าบัตรเครดิตไปให้เค้าแทน จึงโทรกลับไปที่ call center และได้คำตอบว่าให้ไปทำเรื่องเปลี่ยนแปลงเงื่อนไขที่สาขาและชำระเงินแค่ 10% ได้เลย พอชำระเงินแล้วให้โทรกลับมาแจ้ง call center เพื่อป้องกันไม่ให้บัญชีตัดเงินเรายอด 100 % ในวันที่ครบรอบอีก เราก็ถามย้ำกับจนท.ว่าที่ต้องทำมีแค่นี้ใช่มั๊ย? เปลี่ยนได้แน่ๆนะ? จนท.ก็ยืนยันว่าได้แน่นอนค่ะ เพียงแต่คุณลูกค้าต้องรีบไปชำระ 10% ก่อนวันที่ครบกำหนดชำระแล้วต้องโทรมาหา call center หลังจากชำระเงินเลยทันที เราก็โล่งใจ โอนเงินโบนัสของเราไปให้ญาติทันที
วันที่ 7 มค. เราก็แวะไปธนาคารสาขาบนรฟฟ. จนท.บอกว่าเค้าเป็นสาขาย่อยไม่มีแบบฟอร์ม เราก็โอเคแต่เอะใจเลยถามจนท.ว่า การเปลี่ยนเงื่อนไขสามารถทำได้เลยอย่างที่ call center ใช่มั๊ย? จนท.กลับบอกว่าไม่ได้หรอก ยังไงรอบบิลนี้ก็ต้องจ่ายเต็ม แล้วอย่าไปเชื่อ call center มาก บางทีพวกนี้ก็ตอบมั่ว เราอึ้งเลยค่ะ อ้าว แล้วทำไงอ่ะ (คิดในใจว่าเงินกูก็ไม่มีแล้วด้วย) เค้าก็บิ้วต่ออีก ยืนยันว่ายังไงก็ต้องจ่าย ไม่งั้นติด black list เลยแน่นอน เราก็พยายามโทรหา call center เดี๋ยวนั้นเลย ในขณะนั้น จนท.ก็หยิบบิลเราไปดูแล้วหันไปหัวเราะกับเพื่อนข้างๆว่า ดูดิ บิลแรกก็รูดซะเต็มเลย ฮ่าๆๆๆ
เราเลยเดินออกมาเลยค่ะ ไม่ช่วยแล้วยังทับถม call center ก็ให้รอสายแล้วรอสายอีก สรุปเช็คเรื่องให้ไม่ได้และบอกว่ารอบบิลนี้ก็จ่ายไปก่อนแล้วกัน แล้วเค้าจะลงโทษพนง.ที่ให้ข้อมูลผิดทีหลัง เราเลยบอกเค้าว่าเราไม่สนว่าจะลงโทษหรือยังไง เพราะส่วนนั้นมันเป็นเรื่องขององค์กรคุณ ตอนนี้เราต้องการแก้ปัญหานี้ก่อนเพราะจนท.ที่ธนาคารบอกว่าไม่จ่ายเต็มรอบนี้โดน black list ทันที เค้าเลยบอกว่าจะให้หัวหน้าชื่อ คุณ... ติดต่อกลับพรุ่งนี้ เราเห็นว่าพรุ่งนี้ก็วันที่ 8 ม.ค. แล้ว บิลมันจะครบกำหนดวันที่ 9 ม.ค. กลัวจะไม่ทัน จนท.เลยนัดว่าจะติดต่อกลับก่อนเที่ยงแน่นอน หรืออีกทางหนึ่งคือ ให้โทรไปที่เบอร์ ..... ซึ่งเป็นฝ่ายปรับปรุงโครงสร้างหนี้ได้เลย เพราะทางนั้นเป็นคนรับผิดชอบเคสนี้โดยตรง
วันที่ 8 ม.ค. เที่ยงแล้วก็ไม่มีใครติดต่อมา เราเลยโทรไปติดต่อฝ่ายปรับปรุงโครงสร้างหนี้ แต่จนท.บอกว่าเค้าทำอะไรให้ไม่ได้ตอนนี้เพราะรอบบิลยังไม่ครบกำหนดเลย ยังไม่ถือว่าอยู่ในระบบหนี้ เพราะฉะนั้นเราต้องติดต่อ call center เท่านั้น
เราเลยโทรกลับไป call center อีกครั้ง จนท.แจ้งว่าไม่มีใครแจ้งเรื่องอะไรไว้เลยและตอนนี้ไม่มีหัวหน้าคนไหนว่างจะติดต่อเรากลับหรอก ให้รอไปก่อนแล้วกัน เราเลยบอกว่าเราไม่รอแล้วจะเอายังไง จนท.เลยบอกว่ารอบบิลนี้เราก็จ่ายเต็มไปก่อนแล้วกัน เราเลยถามกลับว่าเรามีจ่ายแค่ 10% ตามที่ตกลงกับ call center คนแรกเท่านั้น ส่วนต่างที่เหลือก็ให้จนท.คนนั้นเป็นคนจ่ายแทนแล้วกัน จนท.ก็บอกแต่ขอโทษๆ ตอนนี้ไม่มีแม้แต่ข้อมูลรับเรื่องจากเมื่อวานด้วยซ้ำ เราก็ถามจะเอายังไง ระบบภายในธนาคารจะเป็นยังไงไม่สนใจแต่เราต้องการให้แก้ข้อมูลเราให้ตรงกับที่ call center ได้แจ้งไว้เท่านั้น ยังไงเราก็ไม่มีจ่ายเต็ม 100 % แน่ๆ แล้วถ้าเครดิตเราต้องมาเสียเพราะจนท.ให้ข้อมูลมั่วเนี่ยต้องมีคนรับผิดชอบนะ
สุดท้ายจนท.ให้ถือสายรอเกือบ 20 นาทีพร้อมกับมาบอกว่าคุยกับหัวหน้าแล้ว กรณีนี้ให้ยกเว้นเป็นกรณีพิเศษ ให้เราไปจ่ายแค่ 10 % ได้เลย แต่รบกวนให้เราไปทำเรื่องขอเปลี่ยนยอดชำระที่สาขาของธนาคารภายในวันนี้เท่านั้น เพื่อที่หัวหน้าของเค้าจะได้ดำเนินการต่อให้ได้เลย เราวางหูปุ๊บก็อู้งานออกไปธนาคารให้เลยทันที และคิดว่าทุกอย่างธนาคารก็คงจะจัดการตามที่ตกลงกัน
ผ่านไปถึงเมื่อวานนี้ 14 ม.ค. มีจนท.จากฝ่ายปรับปรุงโครงสร้างหนี้โทรมาหาเราว่ามียอดค้างอยู่ จะสะดวกจ่ายเมื่อไหร่
เราก็อธิบายเรื่องตั้งแต่แรกให้เค้าฟัง เค้าไม่รอให้เราเล่าจบด้วยซ้ำก็แทรกมาว่าเค้าไม่รู้หรอก นี่มันคนละแผนกกัน เราเลยบอกว่าคุณไม่มีการสื่อสารภายในองค์กรกันเลยหรอ? จนท.ให้คำตอบแบบกวน...ว่าไม่มีค่ะ เราไม่ติดต่อกัน คุณมียอดค้างชำระอยู่ ตกลงสะดวกจ่ายวันไหนค่ะ? คือคุณเธอไม่สนใจอะไรทั้งนั้น จ่ายเงินมาซะดีๆ เราก็แนะนำว่าเราจะให้ชื่อ จนท. Call center กับ หัวหน้าไป แล้วคุณไปตามเรื่องภายในกันให้ดีก่อนแล้วค่อยออกมารบกวนลูกค้านะคะ แต่จนท.กลับตอบมาเสียงเซ็งว่า “เอาเป็นว่านี่คือระบบของเรา แต่ที่คุณเล่ามามันไม่มีอยู่ในรายงาน”
เราเลยตัดสินใจบอกสวัสดีค่ะแล้ววางหูไปเลย เงิบค่ะ ที่คุยๆกับ call center มาสามสี่รอบ ชื่อก็มียืนยัน คุณจะไม่เช็คอะไรเลย แถมมากดดันว่าลูกค้าโกหก เซ็งค่ะ ไม่น่าเลย บัตรเครดิตกับธนาคารนี้ ใครมีประสบการณ์ช่วยแนะนำทีค่ะ บอกตรงๆเราค่อนข้างเป๊ะกับเรื่องเงินๆทองๆ โดนทวงหนี้ครั้งแรกใจมันวูบ เมื่อคืนนอนไม่หลับเลยค่ะ ขั้นตอนต่อไปเราควรทำยังไงดีคะ?
ประสบการณ์แย่ๆกับบิลบัตรเครดิตใบแรก, call center มั่วๆ, และระบบเน่าๆของธนาคาร
ปกติเราเป็นคนระมัดระวังเรื่องการใช้จ่ายมากๆ เพราะเราคนเดียวหาเลี้ยงทั้งครอบครัวและที่บ้านมีคนป่วยด้วย แต่เราก็ตัดสินใจไปสมัครบัตรเครดิตกับธนาคารหนึ่งในเดือน พ.ย. ไว้เพราะรู้ว่าสิ้นปีนี้จะมีค่าใช้จ่ายเพิ่มมาเลยวางแผนไว้ว่าจะใช้บัตรรูดไว้ก่อนแล้วค่อยเอาโบนัสมาโปะ เงินที่เราต้องใช้คือ 40,000 บาท ตอนนั้นเราวางแผนใช้เงินเรา 12,000 บาทและรูดบัตรเต็มวงเงิน 28,000 บาท ซึ่งเรารู้กำหนดวันแน่นอนคือต้องใช้เงินช่วงวันที่ 20 ธ.ค. และจะได้โบนัสวันที่ 3 ม.ค. (เราได้โบนัส 32,000 บาท)
วันที่ 6 ม.ค. เราได้รับบิลจากธนาคาร ทำให้เห็นว่ายอดขั้นต่ำเป็นเงื่อนไขแบบชำระหมด 100 % ซึ่งเรามั่นใจว่าตอนสมัครเราเลือกแบบ 10% แน่ๆ แถมวันนั้นมีญาติที่สนิทด้วยมากๆเดือดร้อนเรื่องเงิน เราก็กำลังตัดสินใจว่าจะช่วยเหลือเค้าได้หรือไม่ ถ้าจะช่วยก็ต้องเอาโบนัสที่จะจ่ายค่าบัตรเครดิตไปให้เค้าแทน จึงโทรกลับไปที่ call center และได้คำตอบว่าให้ไปทำเรื่องเปลี่ยนแปลงเงื่อนไขที่สาขาและชำระเงินแค่ 10% ได้เลย พอชำระเงินแล้วให้โทรกลับมาแจ้ง call center เพื่อป้องกันไม่ให้บัญชีตัดเงินเรายอด 100 % ในวันที่ครบรอบอีก เราก็ถามย้ำกับจนท.ว่าที่ต้องทำมีแค่นี้ใช่มั๊ย? เปลี่ยนได้แน่ๆนะ? จนท.ก็ยืนยันว่าได้แน่นอนค่ะ เพียงแต่คุณลูกค้าต้องรีบไปชำระ 10% ก่อนวันที่ครบกำหนดชำระแล้วต้องโทรมาหา call center หลังจากชำระเงินเลยทันที เราก็โล่งใจ โอนเงินโบนัสของเราไปให้ญาติทันที
วันที่ 7 มค. เราก็แวะไปธนาคารสาขาบนรฟฟ. จนท.บอกว่าเค้าเป็นสาขาย่อยไม่มีแบบฟอร์ม เราก็โอเคแต่เอะใจเลยถามจนท.ว่า การเปลี่ยนเงื่อนไขสามารถทำได้เลยอย่างที่ call center ใช่มั๊ย? จนท.กลับบอกว่าไม่ได้หรอก ยังไงรอบบิลนี้ก็ต้องจ่ายเต็ม แล้วอย่าไปเชื่อ call center มาก บางทีพวกนี้ก็ตอบมั่ว เราอึ้งเลยค่ะ อ้าว แล้วทำไงอ่ะ (คิดในใจว่าเงินกูก็ไม่มีแล้วด้วย) เค้าก็บิ้วต่ออีก ยืนยันว่ายังไงก็ต้องจ่าย ไม่งั้นติด black list เลยแน่นอน เราก็พยายามโทรหา call center เดี๋ยวนั้นเลย ในขณะนั้น จนท.ก็หยิบบิลเราไปดูแล้วหันไปหัวเราะกับเพื่อนข้างๆว่า ดูดิ บิลแรกก็รูดซะเต็มเลย ฮ่าๆๆๆ
เราเลยเดินออกมาเลยค่ะ ไม่ช่วยแล้วยังทับถม call center ก็ให้รอสายแล้วรอสายอีก สรุปเช็คเรื่องให้ไม่ได้และบอกว่ารอบบิลนี้ก็จ่ายไปก่อนแล้วกัน แล้วเค้าจะลงโทษพนง.ที่ให้ข้อมูลผิดทีหลัง เราเลยบอกเค้าว่าเราไม่สนว่าจะลงโทษหรือยังไง เพราะส่วนนั้นมันเป็นเรื่องขององค์กรคุณ ตอนนี้เราต้องการแก้ปัญหานี้ก่อนเพราะจนท.ที่ธนาคารบอกว่าไม่จ่ายเต็มรอบนี้โดน black list ทันที เค้าเลยบอกว่าจะให้หัวหน้าชื่อ คุณ... ติดต่อกลับพรุ่งนี้ เราเห็นว่าพรุ่งนี้ก็วันที่ 8 ม.ค. แล้ว บิลมันจะครบกำหนดวันที่ 9 ม.ค. กลัวจะไม่ทัน จนท.เลยนัดว่าจะติดต่อกลับก่อนเที่ยงแน่นอน หรืออีกทางหนึ่งคือ ให้โทรไปที่เบอร์ ..... ซึ่งเป็นฝ่ายปรับปรุงโครงสร้างหนี้ได้เลย เพราะทางนั้นเป็นคนรับผิดชอบเคสนี้โดยตรง
วันที่ 8 ม.ค. เที่ยงแล้วก็ไม่มีใครติดต่อมา เราเลยโทรไปติดต่อฝ่ายปรับปรุงโครงสร้างหนี้ แต่จนท.บอกว่าเค้าทำอะไรให้ไม่ได้ตอนนี้เพราะรอบบิลยังไม่ครบกำหนดเลย ยังไม่ถือว่าอยู่ในระบบหนี้ เพราะฉะนั้นเราต้องติดต่อ call center เท่านั้น
เราเลยโทรกลับไป call center อีกครั้ง จนท.แจ้งว่าไม่มีใครแจ้งเรื่องอะไรไว้เลยและตอนนี้ไม่มีหัวหน้าคนไหนว่างจะติดต่อเรากลับหรอก ให้รอไปก่อนแล้วกัน เราเลยบอกว่าเราไม่รอแล้วจะเอายังไง จนท.เลยบอกว่ารอบบิลนี้เราก็จ่ายเต็มไปก่อนแล้วกัน เราเลยถามกลับว่าเรามีจ่ายแค่ 10% ตามที่ตกลงกับ call center คนแรกเท่านั้น ส่วนต่างที่เหลือก็ให้จนท.คนนั้นเป็นคนจ่ายแทนแล้วกัน จนท.ก็บอกแต่ขอโทษๆ ตอนนี้ไม่มีแม้แต่ข้อมูลรับเรื่องจากเมื่อวานด้วยซ้ำ เราก็ถามจะเอายังไง ระบบภายในธนาคารจะเป็นยังไงไม่สนใจแต่เราต้องการให้แก้ข้อมูลเราให้ตรงกับที่ call center ได้แจ้งไว้เท่านั้น ยังไงเราก็ไม่มีจ่ายเต็ม 100 % แน่ๆ แล้วถ้าเครดิตเราต้องมาเสียเพราะจนท.ให้ข้อมูลมั่วเนี่ยต้องมีคนรับผิดชอบนะ
สุดท้ายจนท.ให้ถือสายรอเกือบ 20 นาทีพร้อมกับมาบอกว่าคุยกับหัวหน้าแล้ว กรณีนี้ให้ยกเว้นเป็นกรณีพิเศษ ให้เราไปจ่ายแค่ 10 % ได้เลย แต่รบกวนให้เราไปทำเรื่องขอเปลี่ยนยอดชำระที่สาขาของธนาคารภายในวันนี้เท่านั้น เพื่อที่หัวหน้าของเค้าจะได้ดำเนินการต่อให้ได้เลย เราวางหูปุ๊บก็อู้งานออกไปธนาคารให้เลยทันที และคิดว่าทุกอย่างธนาคารก็คงจะจัดการตามที่ตกลงกัน
ผ่านไปถึงเมื่อวานนี้ 14 ม.ค. มีจนท.จากฝ่ายปรับปรุงโครงสร้างหนี้โทรมาหาเราว่ามียอดค้างอยู่ จะสะดวกจ่ายเมื่อไหร่
เราก็อธิบายเรื่องตั้งแต่แรกให้เค้าฟัง เค้าไม่รอให้เราเล่าจบด้วยซ้ำก็แทรกมาว่าเค้าไม่รู้หรอก นี่มันคนละแผนกกัน เราเลยบอกว่าคุณไม่มีการสื่อสารภายในองค์กรกันเลยหรอ? จนท.ให้คำตอบแบบกวน...ว่าไม่มีค่ะ เราไม่ติดต่อกัน คุณมียอดค้างชำระอยู่ ตกลงสะดวกจ่ายวันไหนค่ะ? คือคุณเธอไม่สนใจอะไรทั้งนั้น จ่ายเงินมาซะดีๆ เราก็แนะนำว่าเราจะให้ชื่อ จนท. Call center กับ หัวหน้าไป แล้วคุณไปตามเรื่องภายในกันให้ดีก่อนแล้วค่อยออกมารบกวนลูกค้านะคะ แต่จนท.กลับตอบมาเสียงเซ็งว่า “เอาเป็นว่านี่คือระบบของเรา แต่ที่คุณเล่ามามันไม่มีอยู่ในรายงาน”
เราเลยตัดสินใจบอกสวัสดีค่ะแล้ววางหูไปเลย เงิบค่ะ ที่คุยๆกับ call center มาสามสี่รอบ ชื่อก็มียืนยัน คุณจะไม่เช็คอะไรเลย แถมมากดดันว่าลูกค้าโกหก เซ็งค่ะ ไม่น่าเลย บัตรเครดิตกับธนาคารนี้ ใครมีประสบการณ์ช่วยแนะนำทีค่ะ บอกตรงๆเราค่อนข้างเป๊ะกับเรื่องเงินๆทองๆ โดนทวงหนี้ครั้งแรกใจมันวูบ เมื่อคืนนอนไม่หลับเลยค่ะ ขั้นตอนต่อไปเราควรทำยังไงดีคะ?