สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 9
จะไทย จะเกาหลี ญี่ปุ่น เมกา แอฟริกา สุดท้าย ผู้ชายก็คือผู้ชาย มีทั้งดีและไม่ดีค่ะ จะฟันธงว่าเพราะเป็นเกาหลีเลยเป้นอย่างนั้นอย่างนี้ก็คงไม่ได้ อย่างตอนนี้ดิฉันคบกับแฟนมาสามปีกว่า เดือนมีนานี้จะแต่งงานแล้วค่ะ จะว่าว่าสุดท้าย เค้าก็จะไปแต่งกะเกาหลีด้วยกัน พ่อแม่จะไม่ชอบคงไม่เสมอไป
กลับมาคำถาม จขกท ว่า เรื่องของวัฒนธรรม... แน่นอนว่ามีความต่างค่ะ โดยเฉพาะเค้าเป็นลูกชายคนโต สะใภ้ใหญ่ต้องทำหน้าที่ของตัวเองในการดูแลวงศ์ตระกูล ลูกชายคนโตต้องรับพ่อแม่ (ก้คือแต่งงานแล้วไม่ย้ายออกนั่นแหละค่ะ) มาอยู่ด้วย เลี้ยงดูพ่อแม่ต่อ ดังนั้น อย่าคาดหวังว่า แต่งงานแล้วจะมีเรือนหอแสนสวย อยู่กันฉันกับเธอ เพราะคุณจะมี "พ่อและแม่ของเขา" อยู่ในบ้านด้วยค่ะ คุณต้องดูแลการบ้านการเรือน และดูแล "ชิออมอนี" ให้ดีๆ นะคะ ^.^
ต่อมาเรื่องว่าจะตามวัฒนธรรมใคร อันนี้แล้วแต่ตกลงค่ะ อย่างในเรื่องของการแต่งงาน ผู้ชายเกาหลีส่วนใหญ่จะยังไม่สามารถเก็บเงินสร้างเนื้อสร้างตัวได้จนถึงวันแต่งงานหรอกค่ะ ดังนั้น ในวันที่แต่งงาน ผู้ชายส่วนใหญ่ ไม่มีเงินค่ะ เงินเก็บอันน้อยนิด ไม่เพียงพอที่จะรองรับการจัดงานแต่งงานอันใหญ่โต พร้อมทั้งซื้อบ้านอีกหนึ่งหลัง ดังนั้น พ่อแม่ผู้ชายนี่แหละค่ะ คือคนที่จะเข้ามาจัดการให้ความช่วยเหลือเรื่องของเงินทอง รวมทั้งการจัดการซื้อบ้าน ดังนั้น เพื่อเป็นการขอบคุณที่จัดงานให้และซื้อบ้าน (ถูกๆ ก็หลักล้านบาทล่ะค่ะ เอาแบบอยู่สบายๆ หน่อยก็สามล้านบาทขั้นต่ำค่ะ) ให้ ผู้หญิงก็จะต้องซื้อของขวัญราคา "แพง" หรือให้เงินสดตอบแทน (ทำให้คนไทยเข้าใจกันว่า มันคือการที่ผู้หญิงจ่ายสินสอดนั่นเอง) ซึ่งก็แล้วแต่ค่ะว่าจะให้เท่าไหร่ ส่วนใหญ่ก็จะอยู่ในราวๆ หนึ่งแสน ถึงห้าแสนบาทค่ะ (ค่ามาตรฐานอยู่ที่สิบห้าล้านวอน ก็ประมาณสี่แสนห้าหมื่นบาทค่ะ) ส่วนต่อมา เมื่อฝ่ายชายซื้อบ้านแล้ว ฝ่ายหญิงก็จัดการเรื่องเฟอร์นิเจอร์ค่ะ... แต่ แต่ แต่ ถ้าตกลงกันได้ และมีเงื่อนไขที่ดีพอ เราก็จะมีวิธีในแบบของเราได้ค่ะ อย่างดิฉัน แฟนมีเงินเก็บ ณ ปัจจุบัน ห้าสิบล้านวอน และคำนวณแล้วว่าจะมีเงินเก็บในวันที่จะจัดงานแต่งที่เกาหลี และซื้อบ้าน มากกว่า สองออก (ออกนึง ประมาณ สามล้านบาทค่ะ) ดังนั้น แฟนประกาศเลยว่า พ่อแม่ไม่ต้องช่วยเรื่องการจัดงานแต่งงาน อีกทั้ง เราจัดงานแต่งสองครั้งค่ะ ที่ไทยครั้งนึง เดือนมีนานี้ และเกาหลีอีกครั้งหนึ่ง น่าจะราวๆ ปีถึงสองปีข้างหน้า (ด้วยเหตุผลส่วนตัว) ดังนั้น ดิฉัน ฝ่ายหญิง จัดงานที่ไทย ฝ่ายชาย จัดงานที่เกาหลี เป็นอันว่าจบค่ะ พ่อแม่ดิฉันไม่เรียกสินสอดใดๆ พ่อแม่ฝ่ายชายไม่ต้องการเงินทองและของขวัญจากดิฉัน สรุปว่า เราไม่ใช้ทั้งวัฒนธรรมไทยและเกาหลีค่ะ เราใช้วิธีการในแบบของ "เรา" เป็นตัวตัดสิน
ส่วนเรื่องออกเงินกินข้าวหรอคะ... อืม ตอนนี้ดิฉันทำงานอยู่เกาหลี เงินเดือนสองล้าน แฟนเงินเดือน สามล้านห้า แฟนดิฉันออกเงินเสมอ ร้อยเปอร์เซ็นต์ค่ะ ด้วยเหตุผลที่ว่า เงินเดือนมากกว่า จบค่ะ
ขอให้มีความสุข และไ่ม่ต้องสนใจอะไรมากมาย.. ไม่ว่าจะพ่อแม่เกาหลี พ่อแม่ไทย เหมือนกันค่ะ อยากให้ลูกชายมีภรรยาที่เชิดหน้าชูตา มีสมอง และเป็นผู้หญิงที่มีราคา และมีคุณค่า ถ้าคุณสามารถที่จะพรีเซ้นให้พ่อแม่ผู้ชายเชื่อว่าคุณมีสมอง มีคุณค่า และมีราคาที่สูงพอที่จะเทียบกับลูกชายเค้าได้ ต่อให้เป็นเขมร แอฟริกา มาจากขั้วโลก เค้าก็ไม่ซีเรียสหรอกค่ะ เชื้อชาติ สัญชาติ ก็แค่บ่งบอกว่าตอนเกิด แม่คุณคลอดคุณที่ไหน แต่ไม่ได้บ่งบอกว่า คุณมีจิตใจที่งดงามแค่ไหน หรือคุณเป็นคนมีสมองมากน้อยอย่างไร
ดังนั้น จะไทย จีน เขมร เวียดนาม ไม่มีอะไรต่างกันหรอกค่ะ
กลับมาคำถาม จขกท ว่า เรื่องของวัฒนธรรม... แน่นอนว่ามีความต่างค่ะ โดยเฉพาะเค้าเป็นลูกชายคนโต สะใภ้ใหญ่ต้องทำหน้าที่ของตัวเองในการดูแลวงศ์ตระกูล ลูกชายคนโตต้องรับพ่อแม่ (ก้คือแต่งงานแล้วไม่ย้ายออกนั่นแหละค่ะ) มาอยู่ด้วย เลี้ยงดูพ่อแม่ต่อ ดังนั้น อย่าคาดหวังว่า แต่งงานแล้วจะมีเรือนหอแสนสวย อยู่กันฉันกับเธอ เพราะคุณจะมี "พ่อและแม่ของเขา" อยู่ในบ้านด้วยค่ะ คุณต้องดูแลการบ้านการเรือน และดูแล "ชิออมอนี" ให้ดีๆ นะคะ ^.^
ต่อมาเรื่องว่าจะตามวัฒนธรรมใคร อันนี้แล้วแต่ตกลงค่ะ อย่างในเรื่องของการแต่งงาน ผู้ชายเกาหลีส่วนใหญ่จะยังไม่สามารถเก็บเงินสร้างเนื้อสร้างตัวได้จนถึงวันแต่งงานหรอกค่ะ ดังนั้น ในวันที่แต่งงาน ผู้ชายส่วนใหญ่ ไม่มีเงินค่ะ เงินเก็บอันน้อยนิด ไม่เพียงพอที่จะรองรับการจัดงานแต่งงานอันใหญ่โต พร้อมทั้งซื้อบ้านอีกหนึ่งหลัง ดังนั้น พ่อแม่ผู้ชายนี่แหละค่ะ คือคนที่จะเข้ามาจัดการให้ความช่วยเหลือเรื่องของเงินทอง รวมทั้งการจัดการซื้อบ้าน ดังนั้น เพื่อเป็นการขอบคุณที่จัดงานให้และซื้อบ้าน (ถูกๆ ก็หลักล้านบาทล่ะค่ะ เอาแบบอยู่สบายๆ หน่อยก็สามล้านบาทขั้นต่ำค่ะ) ให้ ผู้หญิงก็จะต้องซื้อของขวัญราคา "แพง" หรือให้เงินสดตอบแทน (ทำให้คนไทยเข้าใจกันว่า มันคือการที่ผู้หญิงจ่ายสินสอดนั่นเอง) ซึ่งก็แล้วแต่ค่ะว่าจะให้เท่าไหร่ ส่วนใหญ่ก็จะอยู่ในราวๆ หนึ่งแสน ถึงห้าแสนบาทค่ะ (ค่ามาตรฐานอยู่ที่สิบห้าล้านวอน ก็ประมาณสี่แสนห้าหมื่นบาทค่ะ) ส่วนต่อมา เมื่อฝ่ายชายซื้อบ้านแล้ว ฝ่ายหญิงก็จัดการเรื่องเฟอร์นิเจอร์ค่ะ... แต่ แต่ แต่ ถ้าตกลงกันได้ และมีเงื่อนไขที่ดีพอ เราก็จะมีวิธีในแบบของเราได้ค่ะ อย่างดิฉัน แฟนมีเงินเก็บ ณ ปัจจุบัน ห้าสิบล้านวอน และคำนวณแล้วว่าจะมีเงินเก็บในวันที่จะจัดงานแต่งที่เกาหลี และซื้อบ้าน มากกว่า สองออก (ออกนึง ประมาณ สามล้านบาทค่ะ) ดังนั้น แฟนประกาศเลยว่า พ่อแม่ไม่ต้องช่วยเรื่องการจัดงานแต่งงาน อีกทั้ง เราจัดงานแต่งสองครั้งค่ะ ที่ไทยครั้งนึง เดือนมีนานี้ และเกาหลีอีกครั้งหนึ่ง น่าจะราวๆ ปีถึงสองปีข้างหน้า (ด้วยเหตุผลส่วนตัว) ดังนั้น ดิฉัน ฝ่ายหญิง จัดงานที่ไทย ฝ่ายชาย จัดงานที่เกาหลี เป็นอันว่าจบค่ะ พ่อแม่ดิฉันไม่เรียกสินสอดใดๆ พ่อแม่ฝ่ายชายไม่ต้องการเงินทองและของขวัญจากดิฉัน สรุปว่า เราไม่ใช้ทั้งวัฒนธรรมไทยและเกาหลีค่ะ เราใช้วิธีการในแบบของ "เรา" เป็นตัวตัดสิน
ส่วนเรื่องออกเงินกินข้าวหรอคะ... อืม ตอนนี้ดิฉันทำงานอยู่เกาหลี เงินเดือนสองล้าน แฟนเงินเดือน สามล้านห้า แฟนดิฉันออกเงินเสมอ ร้อยเปอร์เซ็นต์ค่ะ ด้วยเหตุผลที่ว่า เงินเดือนมากกว่า จบค่ะ
ขอให้มีความสุข และไ่ม่ต้องสนใจอะไรมากมาย.. ไม่ว่าจะพ่อแม่เกาหลี พ่อแม่ไทย เหมือนกันค่ะ อยากให้ลูกชายมีภรรยาที่เชิดหน้าชูตา มีสมอง และเป็นผู้หญิงที่มีราคา และมีคุณค่า ถ้าคุณสามารถที่จะพรีเซ้นให้พ่อแม่ผู้ชายเชื่อว่าคุณมีสมอง มีคุณค่า และมีราคาที่สูงพอที่จะเทียบกับลูกชายเค้าได้ ต่อให้เป็นเขมร แอฟริกา มาจากขั้วโลก เค้าก็ไม่ซีเรียสหรอกค่ะ เชื้อชาติ สัญชาติ ก็แค่บ่งบอกว่าตอนเกิด แม่คุณคลอดคุณที่ไหน แต่ไม่ได้บ่งบอกว่า คุณมีจิตใจที่งดงามแค่ไหน หรือคุณเป็นคนมีสมองมากน้อยอย่างไร
ดังนั้น จะไทย จีน เขมร เวียดนาม ไม่มีอะไรต่างกันหรอกค่ะ
แสดงความคิดเห็น
ใครเคยมีแฟนเป็นคนเกาหลีบ้างคะ
ใครมีประสบการณ์การมีแฟนหรือเดทกับหนุ่มเกาหลีบ้างคะ
แชร์หน่อย
ตอนนี้เรากำลังคุยกับหนุ่มเกาหลีคนนึง เค้าเฟรนด์ลี่ ตลก คุยสนุก เฮฮามาก มากจนรู้สึกว่ามากเกินไปด้วยซ้ำ แล้วก็ชอบชวนเาคุยเรื่องอนาคตว่า เราทำอาหารเก่งไหม เค้าชอบกินอาหารไทย เราเคยคิดอยากแต่งงานกับชาวต่างชาติบ้างไหม คิดยังไงกับคนเกาหลี นู่นนี่นั่น จนเรารู้สึกเอ้ยยย มันมากเกินไปหรือเปล่าเราเพิ่งรู้จักกันเองนะ แล้วเค้าก็เป็นคนจัดว่าหน้าตาดีคนนึงเลยแหละ ส่วนเราแค่หน้าพอไปวัดไปวาได้เอง พอเค้ากลับไปนู่นคงเจอสาวเกาหลีที่สวยกว่าเราถมเถ จะรีบคุยเรื่องอนาคตกะเราทำไม เค้าอายุ 31 เป็นลูกชายคนโต หรือเค้าจะให้เราไปเป็นแม่บ้านให้ครอบครัวเค้าคะ 555 แรกๆเราก็ฟินอยู่หรอก แต่พอคุยไปคุยมา เอ๊ะ..แปลกๆ หรือมันเป็นปกติของผู้ชายอายุขนาดนี้บ้านเค้าคะ
อ้อ เราเคยไปทานข้าวกับเค้าครั้งนึงค่ะ แต่เราไมได้ช่วยเค้าออกเลยสักบาทอ่ะ จะว่าลืมก็ได้นะคะ มันเหมือนเป็นความเคยชินไปแล้วเวลาหนุ่มๆที่เป็นผู้ใหญ่กว่าชวนไปกินข้าวเค้ามักจะออกให้ตลอด ผุ้ชายเกาหลีเค้าจะมองว่าเาเสียมารยาทป่ะคะ
ปล.ขอถามอีกอย่างค่ะ อันนี้ถามเพราะอยากรู้เฉยๆ ถ้าสมมติผู้หญิงไทยแต่งกับหนุ่มเกาหลีจะต้องทำตามวัฒนธรรมใครคะ