จุฬาฯของเรา งามกว่าเขาไปทั่ว



"เรื่องที่ใครก็ไม่อาจรู้ จากใจชาวจุฬาฯ".....



ณ นาทีแรกที่ทราบเรื่องนี้ ผู้เขียนรู้สึกแย่กับมหาวิทยาลัยตัวเองมากๆที่มีการกระทำแบบนี้เกิดขึ้น ทีแรกก็ว่าจะปล่อยผ่านแต่ ทำใจไม่ได้จริงๆครับ มันอึดอัดในใจจนอธิบายไม่ถูก และคิดว่าต้องแชร์ให้ทราบกันครับ อยากให้ทุกท่านได้อ่านจริงๆแล้วคงเห็นอะไรอีก ว่า ทำไมการศึกษาไทยยังไม่ก้าวหน้าสักที

จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เป็นมหาวิทยาลัยที่เก่าแก่ในประเทศไทย ทั้งชื่อเสียงและเกียรติยศที่ได้ใช้พระนามของล้นเกล้ารัชกาลที่ 5 เป็นชื่อของสถาบัน พร้อมด้วยพระราชลัญจกรประจำพระองค์มาเป็นตราประจำมหาวิทยาลัย ซึ่งทำให้นิสิตที่ได้เข้ามาศึกษาในรั้วสีชมพูแห่งนี้รู้สึกภูมิใจเป็นอย่างยิ่ง

อย่างไรก็ตามในปัจจุบัน ชื่อมหาวิทยาลัยอันทรงเกียรติแห่งนี้ได้ถูกนำไปใช้ในการแสดงออกทางการเมือง ซึ่งเป็นเรื่องที่ไม่สมควรเป็นอย่างยิ่ง เนื่องจากมหาวิทยาลัย ควรจะวางตัวเป็นกลาง ไม่ยุ่งเกี่ยวกับการเมืองทุกฝ่าย ทุกสี แต่ในเมื่อมหาวิทยาลัยได้แสดงออกโดยนัยว่า มหาวิทยาลัยนั้นสนับสนุนกลุ่มผู้ชุมนุม กปปส. ผู้เขียนคิดว่าทุกคนก็คงรู้ทราบกันดีอยู่ลึกๆว่า มหาวิทยาลัยแห่งนี้นั้นเอียงข้างไปในทิศทางไหน และขนาดไหน ในฐานะที่ผู้เขียนเป็นหนึ่งในนิสิตของมหาวิทยาลัยแห่งนี้ ผู้เขียนรู้สึกละอายใจ อนาถใจที่ผู้บริหารมหาวิทยาลัยแห่งนี้กำลังกระทำแบบนี้

เรื่องที่ผู้เขียนจะขอเล่า เกิดจากการที่ทางมหาวิทยาลัยได้ปล่อยให้คนกลุ่มหนึ่งใช้นามมหาวิทยาลัยไปเคลื่อนไหวทางการเมืองอย่างสะดวกสบายอย่างที่เห็นๆกันอยู่ในสังคมไทยเรานั้น ผู้เขียนก็พอทำใจได้บ้างแต่เมื่อเหตุการณ์สดๆร้อนๆนี้ทำให้ผู้เขียนรู้สึกทนไม่ได้จริงๆและอยากจะเล่าต่อให้ผู้คนภายนอกรู้ คือ เมื่อคืนวันที่ 12 มกราคม 2557 เวลาประมาณ 23 นาฬิกาเศษ ณ หอพักนิสิตของมหาวิทยาลัย (หอใน) ได้มีอาจารย์ผู้ดูแลหอพัก ได้ขอความช่วยเหลือจากนิสิตชายที่พักอยู่ ณ หอพักจำปา ลงมาช่วยยกของ โดยไม่ได้แจ้งว่าของอะไร ยกไปที่ไหน และงานของใคร ในเวลานั้น นิสิตที่ได้ทราบถึงเรื่องนี้ก็ต่างพากันลงมาช่วยตามคำประกาศของผู้คุมหอ ในบริบทของเวลานั้น ซึ่งถือว่าดึกมากแล้ว และไม่ควรที่จะรบกวนนิสิตในเวลาดังกล่าวเป็นอย่างยิ่ง เมื่อนิสิตลงมาถึง ปรากฏว่า อาจารย์ให้ช่วยกันขนน้ำดื่มตามรูปภาพประกอบที่จะใส่ไว้ให้ด้านล่าง ซึ่งเป็นน้ำดื่มของมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์เป็นจำนวนมาก ที่ได้มาตั้งในบริเวณนี้ตั้งแต่วันศุกร์ คือวันที่ 10 มกราคม 2557 ตามคำบอกเล่าของนิสิตหอใน ซึ่งน้ำเหล่านั้นได้ถูกเก็บไว้ใต้หอพักอีกหอที่ชื่อว่า พุดซ้อน หลังจากที่พวกนิสิตนั้นได้ช่วบขนน้ำนั้นไปยังอีกที่หนึ่ง ซึ่งต่อมามีรถกระบะ ยี่ห้อโตโยต้า รุ่นวีโก้ มารับน้ำนั้นไปอีกต่อหนึ่ง ซึ่งคนขับรถนั้นได้สวนใส่ปลอกแขนลายธงชาติไทย ซึ่งทำให้เราทราบทันทีว่า น้ำนั้นที่พวกเราขนมาจะไปไหน

เราจะเห็นได้ว่ามีการวางแผนมาเป็นอย่างดี เป็นรูปแบบและกระบวนการ มีการรับและส่งต่อ โดนเลือกเวลาที่เป็นเวลาของโจรในการทำงาน ซึ่งตอนนั้น ประตูทุกบานของจุฬาฯได้ปิดทุกบาน ยกเว้นด้านธรรมสถาน ซึ่ง *ผู้เดินทางเข้ามาทางประตูรถ จะต้องแสดงตราจอดรถจุฬาฯ หรือ บัตรประจำตัวเจ้าหน้าที่/นิสิตจุฬาฯ ส่วนผู้ที่เข้ามาทางประตูสำหรับคน จะต้องแสดงบัตรประจำตัวเจ้าหน้าที่/นิสิตจุฬาฯ ต่อเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยด้วย (ตามประกาศของจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย) มันจึงทำให้สิ่งที่ผู้เขียนเข้าใจเป็นอย่างดีว่า รถคันนั้นจะเข้าออกไม่ได้เลย ถ้าปราศจากการช่วยเหลือของคนในจุฬาลงกรณ์เอง

ผู้เขียนทราบเรื่องนี้แล้วก็รู้สึกเศร้าใจกับมหาวิทยาลัยแห่งนี้มากๆ มันทุเรศ และรู้สึกระเหี่ยใจ จากที่เคยทราบว่า วันที่ 13 นี้ เวทีแยกปทุมวัน เป็นการรับผิดชอบของจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ซึ่งตอนแรกผู้เขียนก็คิดว่าคงคล้ายๆเดิม คือเหมาเข่งมหาวิทยาลัยแบบเดิมๆที่เคยกระทำมาแล้วอย่างต่อเนื่อง แต่ครั้งนี้ทำให้เห็นชัดขึ้นไปอีกว่า จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กำลังดำเนินการสนับสนุนกลุ่มผู้ชุมนุมนี้อย่างออกนอกหน้า เป็นผู้ให้ท่อน้ำเลี้ยงโดยตรงต่อผู้ชุมนุม ทั้งใช้พื้นที่ภายในมหาวิทยาลัย เป็นที่กักตุนเสบียงให้กับผู้ชุมนุมอีกด้วย

นอกจากเรื่องน้ำตราโดมแล้ว นิสิตหอในหลายคนยังเล่า ถึงการที่ขนผัก น้ำมันพืช และเครื่องประกอบอาหารต่างๆโดยให้นิสิตหอในขนไปไว้ที่สมาคมนิสิตเก่าจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ที่ตั้งติดกับถนนพญาไท ซึ่งใกล้กับ เต้นทำอาหารของผู้ชุมนุมตรงหน้าโรงแรมปทุมวันปริ๊นเซส เพียงเท่านี้ผู้เขียนเห็นว่าพอเพียงมากแล้วที่จะพูดอย่างเต็มปากว่า ผู้บริหารจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย สนับสนุนการปิดกรุงเทพฯ ของผู้ชุมนุม กปปส. อย่างยิ่ง หรือหากม๊อบนี้ใช้ความรุนแรง ก็อาจเชื่อมโยงได้ว่าจุฬาฯเองก็สนับสนุนความรุนแรงนั้นเหมือนกัน

ในวัน ที่ 13-15 มกราคมนี้ ทางจุฬาลงกรณ์ได้สั่งปิดมหาวิทยาลัย และในวันที่16-22 มกราคมนี้ เป็นวันหยุดเนื่องจากกีฬามหาวิทยาลัย จึงทำให้เป็นวันหยุดที่ยาวนาน โดยในขณะนี้เวทีตรงแยกปทุมวัน ก็เต็มไปด้วยชาวจุฬาลงกรณ์ตั้งแต่คนดูแลห้องเรียน จนไปถึงระดับอาจารย์ โดยเมื่อเช้านี้เอง ผู้เขียนได้ทราบข่าวว่า มีคณบดีท่านหนึ่งเปิดพื้นที่ในคณะตนเองให้ผู้ชุมนุมเข้าไปใช้ในการประชุมต่างๆ

นอกจากจุฬาฯแล้ว มหาวิทยาลัยคู่ขวัญอย่างธรรมศาสตร์ก็ไม่ยอมน้อยหน้าไปกว่ากันแน่นอน โดยก่อนหน้านี้ ผู้บริหารได้ออกตัวไปแล้วอย่างเต็มที่ ผู้เขียนจึงไม่แปลกใจเท่าไหร่ที่จะมีน้ำดื่มตราโดม ปะปนในผู้ชุมนุม ซึ่งในประเด็นนี้ผู้เขียนจะไม่ขอพูดถึง เพราะเป็นคนนอก ไม่ทราบรายละเอียดสักเท่าไหร่นัก

ผู้เขียนก็ไม่ทราบแน่ชัดว่า การที่จุฬาลงกรณ์เปิดพื้นที่ให้น้ำตราโดมเข้ามาไว้นั้น เป็นคำสั่งของใคร ผู้บริหาร อาจารย์คุมหอพัก หรือใครก็ตาม แต่เมื่อได้เข้ามาใช้พื้นที่ของจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยแล้ว ผู้บริหารจะปฏิเสธ ความรับผิดชอบนั้นไม่ได้โดยเด็ดขาด นอกจากนี้อาจารย์ที่คุมหอได้แสดงตนต่อต้านรัฐบาลอยู่อย่างเห็นได้ชัดอยู่ก่อนหน้านี้แล้ว ส่วนตัวของผู้เขียนนั้น ไม่ได้กีดกันการแสดงออกทางการเมืองแม้แต่นิด แต่เพียงไม่อยากให้เอานามของมหาวิทยาลัยไปอ้าง และเอาตัวสถาบันไปละเลงกับกีฬาสีบนท้องถนนแบบนี้ ซึ่งสถาบันทางการศึกษาสมควรที่จะเป็นกลางและวางตัวให้เหมาะสม จุฬาลงกรณ์ไม่ใช่บ้านของผู้บริหารหรือใครที่จะเอาไปทำอะไรก็ได้ตามใจ แต่มันเป็นสถานศึกษาเป็นทรัพย์สินของคนทุกคนที่จะมีสิทธิได้ใช้ประโยชน์ทางด้านวิชาการ แสวงหาความรู้เพื่อบรรลุจุดประสงค์ทางการศึกษา ไม่ใช่บรรลุจุดประสงค์ทางการเมือง
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่