''XIAOMI'' บริษัทไอทีสายฮาร์ดแวร์สัญชาติจีน(ดูชื่อก็รู้) บริษัทที่ขายโทรศัพท์จนได้สถิติที่เรียกได้ว่า"สนั่นโลก" กับการขายโทรศัพท์ได้นาทีละแสนเครื่อง จนได้รับการขนานนามว่าขายอะไรก็รุ่ง
หลายคนคงสงสัยว่าทำไมบริษัทสัญชาติจีนรายนี้จึงทำยอดขานได้ดีขนาดนี้
ก่อนอื่นเลย คำว่า "ขายอะไรก็รุ่ง" นี้ย่อมสื่อว่าไม่ได้ขายแต่เพียงโทรศัพท์อย่างเดียวแน่นอน เพราะนอกจากขายโทรศัพท์ได้นาทีละแสนเครื่องแล้ว ยังขายsmart tvได้นาทีละ1500เครื่องอีกด้วย แม้กระทั่งmascotของบริษัท ก็ยังทำยอดขายได้กว่า700000ตัวแล้ว
กลยุทธของบริษัทนี้ก็ไม่ได้ซับซ้อนอะไรนัก เพียงแค่หวังกำไรน้อยๆ แต่มีลูกค้าเยอะก็จะทำให้มีชื่อเสียงนั่นเอง
โทรศัพท์ที่ยี่ห้ออื่นขายกัน20000กว่าบาท .. XIAOMIขายในราคา9000กว่าบาท
เขียนมา8บรรทัด เชื่อว่าหลายคนคงยังสงสัยอยู่ บริษัทอะไรหว่า ไม่เคยรู้จัก
คนไทยที่ไม่ได้ติดตามข่าวไอที คงไม่คุ้นกับชื่อนี้นัก เพราะ เขาทำขายในจีนเท่านั้น แต่ด้วยการที่ต้องกลายเป็นข่าวของสำนักข่าวไอที่ระดับโลกทุกครั้ง ก็ทำให้มีคนรู้จักเป็นวงกว้างในที่สุด
เรามาวิเคราะห์XIAOMIกันเลยนะครับ
--ผลิตภัณฑ์--
รายได้หลักของบริษัทมาจากโทรศัพท์ การตลาดนั้นก็แทบจะเรียกได้ว่าเป็นสำเนาของAPPLEได้เลยครับ ไม่ว่าจะเป็นการใช้คำว่าMIนำหน้าทุกผลิตภัณฑ์ การทำให้เป็นกระแส
บริษัทประเดิมผลิตภัณฑ์ตัวแรกด้วยการเปิดตัว MI ONE ในตอนนั้นมันไม่ใช่อะไรที่โดดเด่นมากนัก แต่ด้วยราคาและMIUIอันเป็นเอกลักษณ์ ชื่อของบริษัทจึงค่อยคุ้นหูขึ้นมาบ้าง
แต่ปีต่อมาบริษัทก็เริ่มสะเทือนวงการด้วยการเปิดตัวMI 2กับสเปคดังนี้
CPU:Krait 200 1.5GHZ Quadcore
GPU:Adreno 320 400MHz
Chipset:Snapdragon S4 Pro
รันระบบปฏิบัติการแอนดรอยด์ 4.1 Jelly Bean ครอบด้วยอินเทอร์เฟซ MIUI
หน้าจอสัมผัสขนาด 4.3" ความละเอียด 720p (342PPI)
หน่วยความจำ 16GB และแรม 2GB
กล้องหลังความละเอียด 8 ล้านพิกเซล เลนส์กว้างสุดที่ 27 มม. รูรับแสงกว้างสุดที่ f/2.0 และกล้องหน้า 2 ล้านพิกเซล
ถ่ายวิดีโอได้สูงสุด 1080p 30 เฟรมต่อวินาที และ 720p ความเร็วสูงที่ 90 เฟรมต่อวินาที
รองรับบลูทูธ 4.0, USB On-The-Go และ MHL
แบตเตอรี่ขนาด 2,000mAh
ตัวเครื่องบาง 10.2 มม. หนัก 145 กรัม
แต่ขายในราคา 10000 บาท
หลังจากนั้น ก็มีXIAOMI MI3 เป็นรุ่นต่อออกมา กับสเปค
หน้าจอขนาด 5 นิ้ว แบบ IPS LCD ความละเอียด 1080p แบบ ultra sensitive touch ใช้งานได้แม้ใช้ถุงมือ
ซีพียู 2 แบบคือ NVIDIA Tegra 4 1.8 GHz สำหรับเครือข่าย China Mobile (TD-CDMA) หรือ Qualcomm Snapdragon 800 สำหรับ China Unicom และ China Telecom (CDMA2000 และ WCDMA) เร็วกว่า MI-2S 40%
แรม 2 GB แบบ LPDDR3
หน่วยความจำภายใน 16 GB และ 64 GB (ความเร็วการอ่านข้อมูล 120 MB/s)
แบตเตอรี่ 3,050 mAh
กล้อง 13 ล้านพิกเซล รูรับแสง F2.2 ใช้เซ็นเซอร์ของโซนี่รุ่น IMX135 พร้อมแฟลช LED 2 ดวง พร้อมตัวแอพกล้องรองรับการบันทึกภาพแบบ RAW
กล้องหน้า 2 ล้านพิกเซล
Wi-Fi แบบ dual-band 2.4 GHz และ 5 GHz
มี NFC
ชิปเสียง Cirrus Logic CS42L73 DAC แบบเดียวกับ iPhone
ในราคา13000 บาท
ไม่เพียงแค่นั้น ในเวลาไลเลี่ยกัน XIAOMI ยังได้เปิดตัว smart tv เป็นครั้งแรกของบริษัทด้วย โดยใช้หน้าจอขนาด47นิ้ว
วิเคราะห์ XIAOMI บริษัทอายุ4ปี กับความสำเร็จอันยิ่งใหญ่
หลายคนคงสงสัยว่าทำไมบริษัทสัญชาติจีนรายนี้จึงทำยอดขานได้ดีขนาดนี้
ก่อนอื่นเลย คำว่า "ขายอะไรก็รุ่ง" นี้ย่อมสื่อว่าไม่ได้ขายแต่เพียงโทรศัพท์อย่างเดียวแน่นอน เพราะนอกจากขายโทรศัพท์ได้นาทีละแสนเครื่องแล้ว ยังขายsmart tvได้นาทีละ1500เครื่องอีกด้วย แม้กระทั่งmascotของบริษัท ก็ยังทำยอดขายได้กว่า700000ตัวแล้ว
กลยุทธของบริษัทนี้ก็ไม่ได้ซับซ้อนอะไรนัก เพียงแค่หวังกำไรน้อยๆ แต่มีลูกค้าเยอะก็จะทำให้มีชื่อเสียงนั่นเอง
โทรศัพท์ที่ยี่ห้ออื่นขายกัน20000กว่าบาท .. XIAOMIขายในราคา9000กว่าบาท
เขียนมา8บรรทัด เชื่อว่าหลายคนคงยังสงสัยอยู่ บริษัทอะไรหว่า ไม่เคยรู้จัก
คนไทยที่ไม่ได้ติดตามข่าวไอที คงไม่คุ้นกับชื่อนี้นัก เพราะ เขาทำขายในจีนเท่านั้น แต่ด้วยการที่ต้องกลายเป็นข่าวของสำนักข่าวไอที่ระดับโลกทุกครั้ง ก็ทำให้มีคนรู้จักเป็นวงกว้างในที่สุด
เรามาวิเคราะห์XIAOMIกันเลยนะครับ
--ผลิตภัณฑ์--
รายได้หลักของบริษัทมาจากโทรศัพท์ การตลาดนั้นก็แทบจะเรียกได้ว่าเป็นสำเนาของAPPLEได้เลยครับ ไม่ว่าจะเป็นการใช้คำว่าMIนำหน้าทุกผลิตภัณฑ์ การทำให้เป็นกระแส
บริษัทประเดิมผลิตภัณฑ์ตัวแรกด้วยการเปิดตัว MI ONE ในตอนนั้นมันไม่ใช่อะไรที่โดดเด่นมากนัก แต่ด้วยราคาและMIUIอันเป็นเอกลักษณ์ ชื่อของบริษัทจึงค่อยคุ้นหูขึ้นมาบ้าง
แต่ปีต่อมาบริษัทก็เริ่มสะเทือนวงการด้วยการเปิดตัวMI 2กับสเปคดังนี้
CPU:Krait 200 1.5GHZ Quadcore
GPU:Adreno 320 400MHz
Chipset:Snapdragon S4 Pro
รันระบบปฏิบัติการแอนดรอยด์ 4.1 Jelly Bean ครอบด้วยอินเทอร์เฟซ MIUI
หน้าจอสัมผัสขนาด 4.3" ความละเอียด 720p (342PPI)
หน่วยความจำ 16GB และแรม 2GB
กล้องหลังความละเอียด 8 ล้านพิกเซล เลนส์กว้างสุดที่ 27 มม. รูรับแสงกว้างสุดที่ f/2.0 และกล้องหน้า 2 ล้านพิกเซล
ถ่ายวิดีโอได้สูงสุด 1080p 30 เฟรมต่อวินาที และ 720p ความเร็วสูงที่ 90 เฟรมต่อวินาที
รองรับบลูทูธ 4.0, USB On-The-Go และ MHL
แบตเตอรี่ขนาด 2,000mAh
ตัวเครื่องบาง 10.2 มม. หนัก 145 กรัม
แต่ขายในราคา 10000 บาท
หลังจากนั้น ก็มีXIAOMI MI3 เป็นรุ่นต่อออกมา กับสเปค
หน้าจอขนาด 5 นิ้ว แบบ IPS LCD ความละเอียด 1080p แบบ ultra sensitive touch ใช้งานได้แม้ใช้ถุงมือ
ซีพียู 2 แบบคือ NVIDIA Tegra 4 1.8 GHz สำหรับเครือข่าย China Mobile (TD-CDMA) หรือ Qualcomm Snapdragon 800 สำหรับ China Unicom และ China Telecom (CDMA2000 และ WCDMA) เร็วกว่า MI-2S 40%
แรม 2 GB แบบ LPDDR3
หน่วยความจำภายใน 16 GB และ 64 GB (ความเร็วการอ่านข้อมูล 120 MB/s)
แบตเตอรี่ 3,050 mAh
กล้อง 13 ล้านพิกเซล รูรับแสง F2.2 ใช้เซ็นเซอร์ของโซนี่รุ่น IMX135 พร้อมแฟลช LED 2 ดวง พร้อมตัวแอพกล้องรองรับการบันทึกภาพแบบ RAW
กล้องหน้า 2 ล้านพิกเซล
Wi-Fi แบบ dual-band 2.4 GHz และ 5 GHz
มี NFC
ชิปเสียง Cirrus Logic CS42L73 DAC แบบเดียวกับ iPhone
ในราคา13000 บาท
ไม่เพียงแค่นั้น ในเวลาไลเลี่ยกัน XIAOMI ยังได้เปิดตัว smart tv เป็นครั้งแรกของบริษัทด้วย โดยใช้หน้าจอขนาด47นิ้ว