Inside Llewyn Davis - คน กีตาร์ แมว-ขอเอี่ยวด้วยคน หนังคัลท์เฉพาะกลุ่มจริงๆนะ
ถ้าจะบอกว่าหนังคัลท์ แปลมาจาก culture ก็คงใช่เลย เพราะนี่คือหนังที่เล่าถึงวัฒนธรรมในยุคนั้นๆจริงๆ
ยุคที่โพลคซอง กำลัง(จะ)เพื่องฟู (รึเปล่า หนังไม่ได้บอกไว้)
ถ้าดูจากฟอร์มหนัง จากอะไรหลายๆอย่าง มันก็น่าดูจริงๆ ทั้งได้ผู้กำกับมือทอง
ได้นักแสดงฝีมือเยี่ยม ได้วัตถุดิบคือประวัติของบุคคลในประวัติศาสตร์วงการเพลงที่น่าสนใจมากๆ
แล้วทำไมถึงบอกว่าเฉพาะกลุ่มหละ...เออ (ต่อไปถ้าสปอยหน่อยๆก็ขออภัยนะครับ)
คือ ทุกอย่างดีหมดจริงตามคำโฆษณา
แสดงดี เพลงเพราะ ภาพสวย บทดี มีสัญลักษณ์ มีแมวโผล่มาเรื่อยๆ
(แม้จะไม่เกี่ยวเท่าไหร่ก็เหอะ หรือจะเกี่ยวเพราะต้องการให้แมวแทนสัญลักษณ์อะไรบางอย่างรึเปล่า
เผอิญผมยังตีความไม่ออกนะ)
ก็ดีทุกอย่างจริง ยกเว้น วัตถุดิบที่เอามาใช้ ไม่ได้เอาทั้งช่วงชีวิตรวมถึงความสำเร็จต่างๆมาเล่า
แต่เอามาเพียงแค่ "ชั่ว" เสี้ยวเล็กๆของชีวิต
(ชั่วเสี้ยวจริงๆ ถ้าใครดูหนังแล้วจะรู้เลย ว่าหมายถึงอะไร)
แต่ก็นั่นแหละ หรือเพราะโลกเรามีกูเกิ้ล เลยทำให้ง่ายต่อการหาคำตอบตอนจบของหนังกันแน่
หนังเรื่องนี้เพลงเพราะดี มีซับไตเติ้ลแปลเนื้อเพลงให้อีกต่างหาก
ทำให้เข้าใจในบทเพลงที่พยายามสื่อและจัดวางเพื่อสื่อสารถึงเนื้อเรื่องได้ดีมากขึ้น
(แถมช่วงไหน ที่อยากให้ซึมซับกับอารมณ์การแสดงของนายเดวิส
ก็จะไม่มีซับไตเติ้ลให้กวนใจ ทำให้ต้องจ้องมองการแสดงของนายเดวิสผู้เดียว)
อันนี้ขอชมคนทำซับไตเติ้ลจริงๆ
จุดอ่อนที่น่าเสียดายของหนังเรื่องนี้อีกอย่างคือ...ลำโพงในโรงหนัง ไม่ได้เซ็ตเพื่อเสียงกีตาร์โปร่งเลยแม้แต่น้อย
ทำให้เสียงเพราะๆ ที่ควรจะใส ให้อารมณ์ กลับหมดสภาพไปพอสมควร
ผมว่าเครื่องเสียงโฮมเธียร์เตอร์ดีประมาณนึง อาจจะตอบโจทย์หนังเรื่องนี้ได้ดีกว่าดูในโรงหนังด้วยซ้ำไป
(ผมดูโรง5เมเจอร์เอกมัยครับ คราวนี้ โรงอื่นอาจจะเสียงเพราะก็ได้ ไม่รู้เหมือนกัน)
สรุป ถ้าใครรักเสียงเพลง รักความทันสมัย จะรีบไปดูในโรงก่อน ก็ดีอีกแบบ
แต่อย่าคาดหวังว่า หนังจะให้คำตอบอะไรแก่ชีวิต
อย่าคาดหวังว่า หนังจะให้แรงบันดาลใจใดๆ
สิงที่จะได้ กลับเป็นการเฝ้ามองดูชั่วเสี้ยวชีวิตหนึ่ง ที่สมจริงสมจังเสียมากกว่า
(ถ้าใครไปดูในโรง หนังเรื่องนี้เป็นแบบจอแคบนะครับ เลือกที่นั่งใกล้ๆหน่อยก็ได้ จะดีกว่า)
ตอนท้าย หลังจากอมพะนำมานาน... ก็จะเป็นช่วง "แซวหนัง ไม่แคร์สปอย" นะครับ
สนใจคลิกอ่านข้างล่างได้เลย
" แซวหนัง...ไม่แคร์สปอย " มาแล้วคร๊าบ...
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้.
.
.
.
.
.
อัดอั้นมานาน ขอระบายเลยแล้วกันว่า หนังเรื่องนี้ เอามาแต่ ช่วงชั่วๆของชีวิต นายเลวิน เดวิส ก่อนที่จะโด่งดัง
ดังนั้น ถ้าหวังว่าจะเห็นความสำเร็จใดๆในหนัง ไม่มีอย่างสิ้นเชิง
จนถ้าหากไม่ได้กูเกิ้ลเจอว่า นายคนนี้แหละ คือดาราดังในอนาคต
ไม่ว่าหมอดูคนไหน ถ้าเห็นชีวิตนายคนเนี้ยในหนัง ก็ไม่มีวันทำนายอนาคตได้ถูกเป็นแน่
หนังสื่อให้เห็นถึงชีวิตนักดนตรีตกอับได้อย่าง...ถึงแก่น (มั้ง)
ไม่ใช่นายเดวิสเป็นคนเดียว หนังมีการเปรียบเทียบ คนรู้จักที่ผลัดกันมาทักทายในช่วงชีวิต
ว่า ก็จนพอๆกัน นั่นแหละ
ทั้งอยู่หอพักรูหนู ทั้งแผ่นเสียงที่ขายไม่ออก การเงินอะไรก็ไม่ดี ต้องขอไปนอนโซฟาชาวบ้านไปเรื่อย
แถมยังหยิ่งในศักดิ์ศรีอีกต่างหาก
ต้นสังกัด ก็ไม่เหลียวแลอะไรนัก ไม่ส่งเสริมเท่าไหร่
แต่ก็ยังคงรักและเชื่อมั่นในเสียงเพลง เพื่อหวังว่า สักวัน อนาคตจะดีขึ้น
เรื่องชั่วๆในชีวิตนายเดวิส ไม่ได้มีแค่นั้น ในหนังยังเล่าถึง
สาวๆที่นายเดวิสไปแอบตีท้ายครัวชาวบ้าน ก็ดันท้องอีก ต้องหาเงินทำแท้ง
นายเดวิส ลงทุนไปชิคาโก้ ไปหาแมวมอง (มั้ง) เขาก็ไม่แคร์อะไรนัก
กลับมาหาพี่สาว ก็โดนว่า ว่าทำตัวเหลวแหลก ไม่เอาไหน
ไปเยี่ยมพ่อที่เข้าสถานคนชรา พ่อก็เฉยเมยใส่
แถมตอนหลังถอดใจ จะไปทำงานเป็นกะลาสีเรือเหมือนเดิม
ก็ยังไม่ได้ เพราะต้องจ่ายค่าโน่นค่านี่สารพัด
สุดท้าย ก็ต้องกลับมาเป็นนักดนตรี หาเงินเพื่อไปเป็นกะลาสีเรืออีก (รึเปล่า แต่น่าจะนะ)
ตอนจบ ยังถูกซ้อม เพราะปากมากไปแซวชาวบ้านเขา
เรียกว่า ชีวิตบัดซบจริงๆเลย..เอ้อเฮอ
และหนังก็จบลงที่ตรงนั้น
..........................
คนในโรงหนัง เกือบทุกคน แทบจะไม่ลุกทันทีหลังหนังจบ อาจจะด้วยเพราะความอึ้ง ว่าจบแล้วเหรอ
หรือว่าจะรอลุ้นให้เผื่อมีฉากแถมอะไร (นั่งไปสักพักจนเพลงแรกจบ ก็ยังไม่มีอะไร จึงเริ่มมีคนลุกออก)
อย่างที่บอก ขอขอบคุณกูเกิ้ลจริงๆ ที่ทำให้มั่นใจได้ว่า ชีวิตนายคนนี้ ต้องดีกว่าเก่าแน่นอน
มิฉะนั้น คงได้แต่ห่อเหี่ยว และกร่นด่าหนังไป ว่า เอาอะไรมาให้ดูว้า... อยู่เป็นแน่
ผู้กำกับเก่งมาก ในช่วงที่ขับรถกำลังไปชิคาโก้ รู้เลยว่าพยายามสื่อว่า นายเดวิส กำลังเบื่ออย่างสุดๆ
เพราะ มันเป็นช่วงที่น่าเบื่อสุดๆในหนัง ผู้กำกับทำได้ถึงจริงๆ น่าเบื่อโครตๆ อินกับนายเดวิสเป็นยกกำลังสอง
(จะว่าประชดก็ได้นะ แต่ถ้าคิดบวก ผู้กำกับก็เก่งจริงๆนั่นแหละ)
ส่วนเรื่องของแมว เออ...คนไทยตั้งชื่อได้เก่งมากๆ มันก็เกี่ยวกับแมวทั้งเรื่องนั่นแหละ โผล่มาเป็นพักๆ
แบบไม่มีนัยยะสำคัญอะไรกับเรื่อง (หรือว่ามี แต่เราตีความไม่ออกอย่างที่บอกข้างบนก็ไม่รู้)
(มันน่าจะเป็นสัญลักษณ์อะไรบางอย่างที่ผู้กำกับพยายามสื่อ แต่ผมยังเข้าไม่ถึงเป็นแน่ๆ ผมมั่นใจอย่างนั้น)
ส่วนที่ชอบของหนัง
- ช่วงไปเยี่ยมพ่อที่บ้านพักคนชรา แม้ว่าพ่อจะเหมือนไม่สนใจ แต่พอนายเดวิสเล่นและร้องเพลง
บวกกับการแสดงของคุณพ่อ แม้จะปราศจากคำพูดใดๆ แต่ดูแล้ว ประทับใจดีเหมือนกัน
(แต่เนื่องจากปราศจากคำพูดใดๆ ก็ทำให้ตีความยากอยู่เหมือนกัน)
- การเล่าเรื่อง ก็แอบใส่ประวัติชีวิตผ่านปากตัวละครเรื่อยๆ อย่างไม่ยัดเยียด
ก็ทำให้เข้าใจชีวิตนายเดวิสได้ดีมากขึ้น ทั้งสาเหตุที่เพื่อนคู่หูหายไปไหน
ชีวิตที่ผ่านมา เรื่องของแฟนเก่า และอื่นๆเยอะแยะ
- การเล่าเรื่องเชิงเปรียบเทียบ มีให้เห็นตลอดทั้งเรื่อง ทั้งฉากในรถยนต์ กับผู้โดยสาร 3คน+แมว 1 ตัว ที่แตกต่างกัน,
ฉากในผับบาร์เทียบกับเพื่อนนักดนตรีต่างๆ, ฉากห้องอัดเสียง, ฉากรูมเมทที่เปลี่ยนหน้าใหม่ๆกับเรื่องราวใหม่ๆตลอดๆ
- อารมณ์ขัน ก็มีแทรกมาประปรายตลอดเรื่อง ฉากการอัดเสียง ขำสุด (ไม่รู้ขำได้ยังไง),
ฉากในรถ(ช่วงที่น่าเบื่อนั่นแหละ ก็แอบมีขำๆนิดๆ),
ฉากโบกรถแล้วผลัดกันขับกับเจ้าของรถ (ผลัดกันอีท่าไหนไม่รู้ เจ้าของหลับตลอด)
- แต่ส่วนดีทั้งหมดในหนัง แทบจะมลายหายไปสิ้น กับตอนจบ ที่แบบว่า จบแล้วเหรอ ดังที่กล่าวข้างต้น
ข้อคิดที่ได้จากหนังเรื่องนี้ : กรรมเกิดจากการกระทำ ทำกรรมใดไว้ ก็จงรับกรรมนั้นสนองแล้วกัน (อุตสาห์หามาจนได้นะเนี่ย)
****************************
ว่างๆแวะไป add friend พูดคุยเรื่องหนังกันได้นะครับที่ fb ของผม
https://www.facebook.com/choord.k
[CR] Inside Llewyn Davis - คน กีตาร์ แมว-ขอเอี่ยวด้วยคน หนังคัลท์เฉพาะกลุ่มจริงๆนะ
ถ้าจะบอกว่าหนังคัลท์ แปลมาจาก culture ก็คงใช่เลย เพราะนี่คือหนังที่เล่าถึงวัฒนธรรมในยุคนั้นๆจริงๆ
ยุคที่โพลคซอง กำลัง(จะ)เพื่องฟู (รึเปล่า หนังไม่ได้บอกไว้)
ถ้าดูจากฟอร์มหนัง จากอะไรหลายๆอย่าง มันก็น่าดูจริงๆ ทั้งได้ผู้กำกับมือทอง
ได้นักแสดงฝีมือเยี่ยม ได้วัตถุดิบคือประวัติของบุคคลในประวัติศาสตร์วงการเพลงที่น่าสนใจมากๆ
แล้วทำไมถึงบอกว่าเฉพาะกลุ่มหละ...เออ (ต่อไปถ้าสปอยหน่อยๆก็ขออภัยนะครับ)
คือ ทุกอย่างดีหมดจริงตามคำโฆษณา
แสดงดี เพลงเพราะ ภาพสวย บทดี มีสัญลักษณ์ มีแมวโผล่มาเรื่อยๆ
(แม้จะไม่เกี่ยวเท่าไหร่ก็เหอะ หรือจะเกี่ยวเพราะต้องการให้แมวแทนสัญลักษณ์อะไรบางอย่างรึเปล่า
เผอิญผมยังตีความไม่ออกนะ)
ก็ดีทุกอย่างจริง ยกเว้น วัตถุดิบที่เอามาใช้ ไม่ได้เอาทั้งช่วงชีวิตรวมถึงความสำเร็จต่างๆมาเล่า
แต่เอามาเพียงแค่ "ชั่ว" เสี้ยวเล็กๆของชีวิต
(ชั่วเสี้ยวจริงๆ ถ้าใครดูหนังแล้วจะรู้เลย ว่าหมายถึงอะไร)
แต่ก็นั่นแหละ หรือเพราะโลกเรามีกูเกิ้ล เลยทำให้ง่ายต่อการหาคำตอบตอนจบของหนังกันแน่
หนังเรื่องนี้เพลงเพราะดี มีซับไตเติ้ลแปลเนื้อเพลงให้อีกต่างหาก
ทำให้เข้าใจในบทเพลงที่พยายามสื่อและจัดวางเพื่อสื่อสารถึงเนื้อเรื่องได้ดีมากขึ้น
(แถมช่วงไหน ที่อยากให้ซึมซับกับอารมณ์การแสดงของนายเดวิส
ก็จะไม่มีซับไตเติ้ลให้กวนใจ ทำให้ต้องจ้องมองการแสดงของนายเดวิสผู้เดียว)
อันนี้ขอชมคนทำซับไตเติ้ลจริงๆ
จุดอ่อนที่น่าเสียดายของหนังเรื่องนี้อีกอย่างคือ...ลำโพงในโรงหนัง ไม่ได้เซ็ตเพื่อเสียงกีตาร์โปร่งเลยแม้แต่น้อย
ทำให้เสียงเพราะๆ ที่ควรจะใส ให้อารมณ์ กลับหมดสภาพไปพอสมควร
ผมว่าเครื่องเสียงโฮมเธียร์เตอร์ดีประมาณนึง อาจจะตอบโจทย์หนังเรื่องนี้ได้ดีกว่าดูในโรงหนังด้วยซ้ำไป
(ผมดูโรง5เมเจอร์เอกมัยครับ คราวนี้ โรงอื่นอาจจะเสียงเพราะก็ได้ ไม่รู้เหมือนกัน)
สรุป ถ้าใครรักเสียงเพลง รักความทันสมัย จะรีบไปดูในโรงก่อน ก็ดีอีกแบบ
แต่อย่าคาดหวังว่า หนังจะให้คำตอบอะไรแก่ชีวิต
อย่าคาดหวังว่า หนังจะให้แรงบันดาลใจใดๆ
สิงที่จะได้ กลับเป็นการเฝ้ามองดูชั่วเสี้ยวชีวิตหนึ่ง ที่สมจริงสมจังเสียมากกว่า
(ถ้าใครไปดูในโรง หนังเรื่องนี้เป็นแบบจอแคบนะครับ เลือกที่นั่งใกล้ๆหน่อยก็ได้ จะดีกว่า)
ตอนท้าย หลังจากอมพะนำมานาน... ก็จะเป็นช่วง "แซวหนัง ไม่แคร์สปอย" นะครับ
สนใจคลิกอ่านข้างล่างได้เลย
" แซวหนัง...ไม่แคร์สปอย " มาแล้วคร๊าบ...
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
****************************
ว่างๆแวะไป add friend พูดคุยเรื่องหนังกันได้นะครับที่ fb ของผม
https://www.facebook.com/choord.k