[CR] เที่ยวสิงคโปร์ช่วงปีใหม่ 5 วัน 4 คืน ไปเอง ไม่ง้อทัวร์

จขกทกับพี่และน้องชายไปเที่ยวสิงคโปร์กันเองเมื่อก่อนปีใหม่ที่ผ่านมาค่ะ (27-31 ธันวาคม 2556)  พอดีเพื่อนบอกว่าอยากอ่านรีวิวเพราะอยากไปบ้าง  ก็เลยขอนำมาเขียนแบ่งปันให้ทุกคนได้อ่านกันด้วยค่ะ

การไปเที่ยวครั้งนี้เราไปกันเองสามพี่น้องค่ะ จัดการเองทุกเรื่องตั้งแต่จองตั๋วเครื่องบิน จองโรงแรม  และซื้อตั๋ว  และเที่ยวในครั้งนี้  เชิญติดตามกันได้เลยค่ะ

เราบินไปกับสายการบิน Jetstar นะคะ แต่การไปเที่ยวครั้งนี้ค่อนข้างจะตัดสินใจไปอย่างหุนหันพลันแล่นไปหน่อยก็เลยจองกระชั้นชิด ประมาณเดือนเดียวก่อนจะบิน  บวกกับเป็นช่วงเทศกาลปีใหม่ราคาก็แพงพอสมควร ราคารวมทุกอย่างแล้วอยู่ที่  22,080  บาท สำหรับไปกลับสามคนค่ะ  ราคานี้รวมค่าน้ำหนักกระเป๋าซึ่งขาไปซื้อไป  20  กิโลกรัม  สองคน  ส่วนขากลับ  20  กิโลกรัม  ทั้งสามคนเลยค่ะ  แต่พอเอาเข้าจริงๆแล้วน้ำหนักกระเป๋าเราซื้อมาเกินเยอะมากค่ะ  สำหรับเพื่อนๆคนไหนที่ไปเที่ยวใกล้ๆอย่างสิงคโปร์  และอาจจะไม่ได้ซื้อของมากนัก  ถ้าไปกันหลายคน  แนะนำว่าไม่ต้องซื้อครบทุกคนก็ได้ค่ะ  จะช่วยประหยัดไปได้อีก

ตอนจองเราใช้การโทรไปจองกับสายการบินโดยตรงค่ะ  เนื่องจากทีแรกลองกดจองในเว็บแล้ว  แต่จองไม่ได้  ก็เลยลองโทรติดต่อไปดู  ทางสายการบินบอกว่าสามารถโทรมาจองได้เลยค่ะ  แถมไม่เสียค่าจองด้วย  (ถ้าจองในเว็บแล้วจ่ายด้วยบัตรเครดิตจะมีค่าบริการเพิ่ม)  ก็ประหยัดไปได้นิดหน่อย  จองง่ายกว่า  และสามารถชำระโดยการโอนเงินได้ค่ะ


เครื่องบินออกและลงตรงเวลามากเลยค่ะ  สภาพเครื่องออกจะเก่านิดหน่อย  แต่นั่งใกล้ๆแค่สองชั่วโมงเท่านั้น  ที่นั่งค่อนข้างกว้าง  และนั่งสบายค่ะ


ถึงสนามบินแล้วค่ะ  เท่าที่ศึกษาก่อนจะไป  หลายคนบอกว่าตม.ของสิงคโปร์ไม่ถามอะไรเลย  แค่เปิดพาสปอร์ต  ดูหน้า  แล้วก็ปั๊มเลย  ก็เป็นอย่างนั้นจริงๆค่ะ  คนที่ตม.ก็ไม่เยอะด้วยค่ะ  ผ่านมาได้สบายๆและเร็วมาก


เครื่องของเราลงที่  Terminal 1  ต้องนั่งรถไฟของสนามบินไปลงที่  Terminal 2  เพื่อจะไปยังสถานี  MRT ค่ะ  นั่งจาก  T1  ไป  T2  จะใช้รถไฟของสนามบินเองที่เชื่อมระหว่างทั้ง  3  Terminals  นั่งได้ฟรีไม่คิดค่าบริการค่ะ  พอถึง  T2  จะมีป้ายบอกให้ไป  MRT  ตรงนั้นจะมีที่ขายตั๋วอยู่เรียกว่า  Passenger Service  ตรงนี้จะไม่มีตั๋วแบบ  Tourist Pass ขายนะคะ  แต่ก่อนจะมาถึงเราก็ได้วางแผนไว้แล้วค่ะว่าจะซื้อตั๋ว  EZ-link  ซึ่งจะสามารถซื้อได้จากตรงนี้เลยค่ะ

บัตร  EZ-link  ราคา  12  เหรียญนะคะ  เป็นค่าบัตร  5   เหรียญ  และเป็นเงินอยู่ในบัตร  7  เหรียญค่ะ  สามารถเติมเงินเข้าไปได้  แต่จะกำหนดขั้นต่ำว่าต้องเติม  10  เหรียญขึ้นไป  (ยอดต่อไปจะเป็น  20  เหรียญเลยนะคะ  ตอนแรกอยากจะเติม  15  เหรียญแต่ไม่ได้)  บัตรใบนี้สะดวกมากเลยค่ะ  คล้ายบัตร  Rabbit  บ้านเรา  เวลาใช้ก็เหมือนกันเลยค่ะ  แตะเข้าแตะออกเท่านั้น  แถมยังได้ลดราคาค่าเดินทาง  ดีกว่าซื้อเป็นครั้งๆค่ะ  บัตรมีอายุ  5  ปีค่ะ  ข้อเสียค่อ  เสียค่าบัตรไปเปล่าๆ  5  เหรียญ  ถ้ามูลค่าในบัตรต่ำว่า  3  เหรียญจะใช้ไม่ได้ต้องเติมเงินเพิ่ม  และมีขั้นต่ำในการเติม  (จริงๆก็เหมือนบัตร  Rabbit  บ้านเราเลย)  ถ้ามีเงินเหลืออยากแลกบัตรคืน  ก็สามารถทำได้ค่ะ  แต่เงินต้องมีมากกว่า  3  เหรียญ

การขึ้นรถไฟฟ้าบ้านเขาก็เหมือนบ้านเราเลยค่ะ  คนที่ชินกับการใช้  BTS  และ  MRT  บ้านเราอยู่แล้วก็ไม่มีปัญหาในการเดินทางในสิงคโปร์ค่ะ  แต่ทริปเราจะเน้นเดินถึก  เพราะไม่ได้ขึ้นรถบัสเลย
สามารถดูแผนที่  วางแผนการเดินทาง  และเช็คราคาได้ที่เว็บทางการของเค้าเลยค่ะ  ถ้าลองกดสถานีต้นทางและปลายทางดู  เว็บจะคำนวนค่าเดินทางให้ด้วยทั้งตั๋วปกติและทั้งราคาบัตร  EZ  ค่ะ  สะดวกมากๆ

เว็บไซต์ทางการของ  MRT: http://www.smrt.com.sg/Trains/NetworkMap.aspx


ก่อนจะไปขึ้นรถไฟฟ้าเราได้เดินหาซื้อซิมการ์ดในสนามบิน  (ตามที่ศึกษาข้อมูลมา)  หลายคนแนะนำว่าให้ซื้อตรงบูทแลกเงิน  แต่ปรากฏว่าพอไปถึง  มีแต่ซิมราคา  28  เหรียญขาย  ซึ่งที่เราอ่านไปซิมราคา  15  เหรียญเท่านั้น  บางร้านยิ่งกว่านั้นคือราคาอยู่ที่  50  เหรียญ  แม่เจ้า!!!  เราสามพี่น้องเลยตัดสินใจว่าจะออกไปซื้อที่  7-11  แทน  สรุปแล้วก็มาเจอซิมของ  SingTel  ในราคา  15  เหรียญซึ่งมีมูลค่าอยู่  18  เหรียญในบัตร  ตอนซื้อให้ขอโบรชัวร์มาด้วยนะคะ  จะมีอธิบายวิธีสมัครโปรอินเตอร์เน็ตอยู่  สำหรับคนที่ไปอยู่ไม่เกินหนึ่งอาทิตย์  จะมีโปร  1 GB  เจ็ดวัน  ราคา  7  เหรียญ  ซึ่งคุ้มมากๆ  แถมยังเหลือเงินเอาไว้โทรได้ด้วยค่ะ  วิธีสมัครจะสมัครโดยการส่ง SMS  ง่ายมากๆ


หลังจากนั้นเราก็เดินทางไปถึงโรงแรม  ของเราพักที่  Hotel  81  Heritage  จองผ่านทาง  booking.com  ค่ะ  นอนสี่คืนราคารวม  VAT+Surcharge  อยู่ที่ประมาณ  16,000  กว่าๆ  ค่อนข้างแพงเพราะเป็นห้องสามคน  ถ้าไปแค่สองคนจะถูกกว่านี้ค่ะ  โรงแรมเดินทางสะดวกอยู่ไม่ไกลจาก  MRT  สถานี  Lavender  มาก  (น่าจะประมาณ  700 เมตร  แต่ที่บอกไม่ไกลเพราะว่าเราเป็นพวกเดินถึกมากๆ  แฮะๆ)  ทางเดินสะดวกค่ะ  เป็นย่านที่น่าอยู่  ข้างๆมีร้านสะดวกซื้อ  ฝั่งตรงข้ามมีฟู้ดคอร์ทราคาถูก  ใกล้ๆก็มี  7-11  ด้วยค่ะ  
ห้องค่อนข้างแคบ  แต่พวกเราไม่ค่อยถือเรื่องขนาดห้องเพราะใช้นอนอย่างเดียว  ห้องสะอาด  ไม่เก่า  แอร์เย็นมาก  มีของใช้ให้นิดหน่อย  พวกไดรเป่าผมก็มี  มีทีวี  โต๊ะเครื่องแป้ง  ฯลฯ  เวลาออกไปข้างนอกเค้าจะเข้ามาทำความสะอาดให้  (ถ้าไม่ต้องการให้ทำ  ต้องบอกที่เคาท์เตอร์ก่อนออกไปข้างนอกนะคะ)  ถือเป็นห้องที่ใช้ได้  พนักงานบริการดีมากค่ะ  เป็นมิตรทุกคน
ข้อเสียคือ  ห้องไม่มีหน้าต่างค่ะ  ที่เห็นจะเป็นหน้าต่างปิดตาย  มองไม่เห็นด้านนอก  เปิดไม่ได้  ห้องน้ำไม่มีผ้าม่าน  ห้องไม่เก็บเสียงเท่าไหร่  บางทีได้ยินเสียงจากด้านนอก  (แต่ไม่ถึงขนาดรบกวนการนอนนะคะ  ตอนกลางคืนเงียบดีค่ะ)  มีปลั๊กให้น้อย  แนะนำให้เอาปลั๊กยาวไปเอง  ในห้องมีหัวปลั๊กให้หนึ่งอันค่ะ


ฝั่งตรงข้ามมีร้านฟู้ดคอร์ทชื่อ  Sultan’s Kitchen  ค่ะ  ข้างในมีร้านย่อยๆหลายร้าน ราคาถูกค่ะ  เราฝากท้องไว้กับที่นี่หลายมื้อ  ร้านข้างในจะเปิดสายๆนะคะ  ซักสิบโมง  ถ้าเช้ากว่านั้นอาจจะมีเปิดอยู่แค่ด้านเดียวค่ะ  ข้าวหน้าเป็ดจานนี้ประมาณ  3  เหรียญค่ะ


จากนั้นเราไปเดินที่ห้างย่าน  Orchard  ค่ะ  แถวนั้นจะมีห้างจำนวนมาก  คล้ายๆแถวสยาม-ราชประสงค์บ้านเราค่ะ  ในภาพเป็นห้าง  ION  Orchard  ค่ะ  ออกจากสถานี  Orchard  ก็โผล่ออกมากลางห้างเลยค่ะ  ภาพด้านล่างเป็นห้าง  Isetan  ค่ะ  มีอาหารและขนมญี่ปุ่นน่าทานเยอะค่ะ  ร้านขนมร้านนี้อร่อยมาก  (มุมขวาล่าง)


สำหรับสาวๆที่อยากช้อปเครื่องสำอาง  ที่  ION  จะมี  Sephora  ร้านใหญ่มากๆค่ะ  ซื้อ  100  เหรียญขึ้นไปสามารถทำ  TAX  refund  ได้ค่ะ  แนะนำให้ซื้อแบรนด์ที่บ้านเราไม่มี  และไม่มีในดิวตี้ฟรีนะคะ  เพราะในดิวตี้ฟรีถูกกว่าค่ะ


ภาพนี้เป็นบรรยากาศทางเดินจาก  MRT  ไปยังโรงแรมค่ะ  ตอนกลางวันกับตอนกลางคืน  ปลอดภัยหายห่วงค่ะ  


วันรุ่งขึ้นเราเดินทางไปที่เกาะ  Sentosa  กันค่ะ  นั่ง  MRT  ไปลงที่สถานี  Harbour Front  ก่อนนะคะ  Sentosa  Express  สำหรับเดินทางไปเกาะ  จะอยู่ที่ชั้น  3  ของห้าง  VivoCity  ค่ะ  

ข้อดีของบัตร  EZ-link  อีกอย่างหนึ่งก็คือ  สามารถใช้กับ  Sentosa Express  ที่จะวิ่งรอบเกาะ  (รวมถึงผ่านสถานีที่ตั้งของ  Universal Studio  ด้วย)  ไม่ต้องซื้อตั๋วใหม่  ในรูปเป็นคิวของคนที่ไม่ได้ถือบัตร  EZ-link  ค่ะ  ค่าตั๋วราคา  4  เหรียญ  พอเข้าไปในเกาะแล้วสามารถนั่ง  Sentosa  Express  รอบเกาะได้ฟรีค่ะ  ทั้งหมดมี  4  สถานี  คือ  Sentosa – Waterfront – Imbiah – Beach
สถานี  Sentosa  คือสถานีที่ขึ้นค่ะ  ส่วนสถานี  Waterfront  คือสถานีแรกที่ลงจอด  ซึ่งเป็นที่ตั้งของ  Universal Studio  ค่ะ  สามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่เว็บทางการค่ะ  
เว็บไซต์ทางการของ Sentosa: http://www.sentosa.com.sg/en/getting-around/sentosa-express/


พอลงจากสถานี  Waterfront  เดินเข้าไปอีกหน่อยก็จะเจอทางเข้า  Universal Studio  ตั๋วเราซื้อออนไลน์จากเว็บทางการเลยค่ะ  เป็นแบบ  One  Day  Pass  ราคาอยู่ที่  74  เหรียญ  ตอนที่เราสั่งซื้อในเว็บมีโปรโมชั่นของผู้ถือบัตร  MasterCard  ด้วยค่ะ  ลด  15%  

พอซื้อแล้วจะได้อีเมล์ตั๋วมา  ให้นำตั๋วไปปริ๊นแล้วเอาไปใช้ได้เลย  ไม่ต้องแลกอะไรทั้งสิ้น  บนตั๋วจะเขียนเลยค่ะว่าเป็นตั๋วให้ใช้เข้าได้เลย  มีบาร์โค้ด  แต่ตั๋วจะใช้ได้เฉพาะวันที่เราระบุไว้ตอนซื้อเท่านั้นค่ะ  สำหรับคนที่ไม่ซื้อตั๋วออนไลน์ตรงทางเข้าจะมีขายตั๋วอยู่เหมือนกัน  แต่แถวยาวมาก  แล้วตั๋วก็อาจจะหมดได้  สำหรับใครที่ต้องการจะเล่นเครื่องเล่นให้ครบ  เล่นไวๆโดยไม่ต้องต่อคิวยาว  สามารถซื้อตั๋วแบบ  Express  ได้ค่ะ  จ่ายเพิ่มอีก  30  เหรียญค่ะ  ส่วนเราไม่ได้ซื้อ
แนะนำอีกนิด  ตอนต่อคิวตรงบริเวณทางเข้า  Universal Studio  แถวมีหลายแถวมากนะคะ  บางคนอยู่ด้านหลังเห็นแถวยาวๆก็ต่อเลย  แนะนำให้เดินไปดูด้านหน้าค่ะ  บางแถวไม่มีคนต่อเลยค่ะ

จองตั๋วผ่านเว็บไซต์: http://www.rwsentosa.com/language/en-US/Homepage/Attractions/UniversalStudiosSingapore
ชื่อสินค้า:   ประเทศสิงคโปร์
คะแนน:     
**CR - Consumer Review : ผู้เขียนรีวิวนี้เป็นผู้ซื้อสินค้าหรือเสียค่าบริการเอง ไม่มีผู้สนับสนุนให้สินค้าหรือบริการฟรี และผู้เขียนรีวิวไม่ได้รับสิ่งตอบแทนในการเขียนรีวิว
แก้ไขข้อความเมื่อ

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่