ท่านที่เคารพรักครับ การเดินทางของคนทางภาคใต้เข้ากรุงเทพฯเพื่อปิดกรุงเทพฯวันที่ 13 และการเดินทางของคนภาคเหนือ ภาคอิสานเข้ากรุงเทพฯเพื่อต้านปฏิวัติ เป็นข่าวที่รับรู้ด้วยความสะทกสะท้านหดหู่ใจ โอกาสจะเกิดสงครามกลางเมืองประชาชนปะทะประชาชนจนบาดเจ็บ ล้มตาย อาจจะเกิดขึ้นได้อย่างง่ายดาย
เพียงรอฟางเส้นสุดท้ายที่จะวางลง สงครามกลางเมืองเกิดแน่นอน และตามมาด้วยการปฏิวัติ สองเหตุการณ์นี้ย่อมหลีกเลี่ยงความสูญเสียเลือดเนื้อ ชีวิตและทรัพย์สินไปไม่ได้เลย
คนตายอาจจะเป็นเพื่อน เป็นพี่ เป็นน้อง เป็นญาติ ของเรา ไม่ว่าจะเป็นคนที่เรารัก หรือคนที่เราชัง หรือไม่ว่าจะเป็นคนภาคไหนที่ตาย เขาก็คือคนไทยเหมือนกันกับเรา
กรุงเทพฯมหานคร ในชื่อเต็มมีความหมายว่า เป็น " มหานครที่ไม่มีใครรบชนะได้ " แต่เวลานี้ คนไทยกับคนไทยกำลังใช้กรุงเทพฯเป็นสมรภูมิรบพุ่ง ทำลายกันเอง
และเหตุจากนี้ไป จะส่งผลไกลไปถึงความแตกแยกของคนไทยอย่างที่ไม่เคยเกิดมาก่อน และอาจจะส่งผลให้ไทยแตกแยกออกเป็นไทยต่างๆ เช่นไทยเหนือ ไทยอิสาน ไทยใต้
ขวานทองของไทยจะหักออกเป็นหัวขวาน ด้ามขวาน ความรุนแรงอาจจะลามเป็นเชื้อไฟไม่หยุดหย่อนเหมือนสามจังหวัดชายแดนภาคใต้
ประวัติศาสตร์ทางการเมืองจะบันทึกไว้หรือไม่ว่า คนไทยฆ่าคนไทยด้วยกันเอง เหตุเกิดจากการกระหายอำนาจ ของคนที่อยู่เบื้องหลัง รวมไปถึงนายพล และโหรบางคน ที่ทะเยอทะยานอยาก
การห้ามทัพก่อนจะเกิดสงครามกลางเมือง หรือการ ห้ามทัพหลังเกิดสงครามกลางเมือง กำลังเป็นประเด็นพูดจากันในทางลึกว่า " อำนาจชี้ขาด " ควรจะเป็นทหารปฏิวัติหรือไม่ ?
ทหารมีเบื้องหลัง มีนอก มีใน ทหารบริสุทธิ์ใจหรือไม่ ทหารเป็นตาอยู่ ที่แอบรอคอยจังหวะได้อำนาจตามแผน หรือไม่ คำถามนี้สปอร์ตไลท์ฉายจับไปที่ พี่ใหญ่ พี่รอง น้องเล็กสาม ป. บูรพาพยัคฆ์ ?
และประเทศนี้ มี " อำนาจชี้ขาด " ที่เหนือกว่าอำนาจทหาร หรือไม่ ?
มีคำถามเกิดขึ้นมากมาย ว่าใครจะมาคลี่คลายวิกฤตที่กรุงเทพฯครั้งนี้ มีคำตอบอย่างหนึ่งแล้ว อย่างรวดเร็วเหลือเกินจากกระแสพลิกกลับ
มาต่อต้าน กปปส.ของคนกรุงเทพฯ ที่ไม่ยอมเป็นไทยเฉย ไทยอดทนอีกต่อไป
กระแสยึดมั่นต่อกฏหมาย ไม่เอาอำนาจนอกระบบ ต้องการไปเลือกตั้งตามกติกาสากล เริ่มดังกระหึ่มขึ้น กลบเสียงม็อบ หากเวลาทอดยาวออกไปไม่นาน สุเทพที่หมดมุก โดนรวบตัวแน่ หรือไม่ก็ต้องหนีคดีหัวซุก หัวซุน
ท่านที่เคารพรักครับ สายตามากมายมองจับไปที่ประยุทธ์ เวลานี้เริ่มเข้าสู่ยุคเสื่อมของกองทัพอีกครั้ง ข่าว คมช.2 มีมาถี่ขึ้นเรื่อยๆ คอการเมืองที่เน้นวิเคราะห์เจาะลึกมองเทือก และ กปปส. ว่าเป็นการชิงพื้นที่ข่าวเพื่อสร้างสถานะการณ์ให้เกิดการปฏิวัติ เมื่อคอการเมืองไม่โฟกัสไปที่โฟร์กราวนด์ เราก็จะเพ่งกันไปที่ แบ็คกราวนด์ และโคลสอัพ ไปแบบลองช็อตทุกมุมแบบเกาะติดตลอดเวลา
พอมีอะไรเกิดขึ้น ข่าวแชร์ ปลิวว่อนไปหมด รู้ไส้ รู้พุง กันล่อนจ้อนว่าใครคิดอะไร ทำอะไรแก่แผ่นดินนี้
คอการเมืองจึงเห็นภาพความจริงที่ชัดมากขึ้น มีข่าวลือกันไปต่างๆนานาว่า " ใคร " อยู่เบื้องหลังใคร และเป็นอีกครั้งที่อำนาจนอกระบบ เอื้อมมือลงมายุ่งเกี่ยว ต้องการ ฉกชิงเอาอำนาจประชาชนไปเหมือนการปฏิวัติเมื่อ 19 กันยา 49
หากไม่เกิดสงครามกลางเมือง ก็เกิดรัฐประหาร ประเทศนี้เหมือนมีทางเลือกสองทางเพียงเท่านี้หรือ ?
หากมีสองทางเลือกที่เป็นหมากบังคับอย่างนี้ ก็ต้องบอกได้ว่า คนที่คิดแผนนี้อำมหิตสิ้นดี และบัดซะรบสิ้นดี เริ่มจากไม่มีกบฏหรือกลุ่มผู้ก่อการจราจลใด ที่แหกปากปาวๆให้รู้ล่วงหน้า ว่าวันไหน จะปิด จะยึด จะบุกรุก จะทำลาย จะตัดน้ำ ตัดไฟที่ใด เพื่อให้เจ้าหน้าที่รู้ตัว
ส่วนมากมีแต่ทำไปแล้ว แล้วออกมารับว่ากลุ่มนั้น กลุ่มนี้เป็นคนทำ แต่กบฏกลุ่มนี้กลับประกาศเหยงๆว่าจะทำอะไร เหมือนกลัวคนไม่รู้
งั้นถามว่า มีจุดประสงค์อะไร ถึงต้องบอกล่วงหน้า ?
ตอบได้เลยครับว่า ความจริงเป็นอุบายที่พวกนี้คิดว่าสมบูรณ์แบบอุบายหนึ่ง เริ่มจากสุเทพที่เป็นคนนำ ถือว่าการเลือกสุเทพมาทำเรื่องอย่างนี้ ใช้คนได้ถูกกับงานที่สุด เพราะคนที่ไม่เอี๊ยจริงๆ จะทำเรื่องอย่างนี้ไม่ได้ เราลองคิดภาพว่าหากให้คนอื่นมานำม็อบ อันนั้นก็ไม่กล้า อันนี้ก็ไม่กล้า เพราะละอายใจ
แต่สำหรับสุเทพ สุเทพกล้าทำทุกอย่าง ชีวิตนี้ ไม่มีอะไรจะเสียไปกว่านี้อีกแล้ว ไหนจะคดีอาญาลูกชายบุกรุกที่หลวง ไหนจะคดีอาญาเล็งเห็นผลให้คนตายอันมากมายที่ตัวเองแบกรับ เทือกทำก็ตาย ไม่ทำก็ตาย
แต่หากว่าทำแล้ว บังเอิญม็อบชนะ ก็สบายไปทั้งพ่อ ทั้งลูก ที่มีข่าวว่าเทือกได้รางวัลประจำปีอะไรนั่น ผู้น้อยว่ายังน้อยไป อย่างน้อยควรได้ตุ๊กตาทองสาขานักแสดงนำชายดีเด่นด้วยอีกรางวัล เพราะตีบทแกนนำม็อบแตก ได้ถึงใจ " แม่ยก " เหลือเกิน
เมื่อ สุเทพเป็นคนที่มาจากพรรคประชาธิปัตย์ยิ่งเหมาะสม เพราะพรรคมีฐานเสียง มีหัวคะแนนยั้วเยี้ยเต็มกรุงเทพฯไปหมด และด้วยสายสัมพันธ์ที่ต่อตรงกับผู้ว่าฯ การสอดประสานกันและกันทางลับ จึงบังเกิดขึ้น ไม่ใช่เรื่องยากสักนิด ที่จะลงมือยึดแต่ละพื้นที่ตามที่ออกข่าว
แต่อุบายนี้พลาดไปตรงที่ ใช้คนภาคใต้มาปิด มายึดและคนกรุงเทพฯเดือดร้อนมานานเกินไปแล้วที่ผ่านมา สุเทพลืมคิดถึงจริตของคนกรุงเทพฯไป คนกรุงเทพฯแค่รถติดทุกวันนี้ก็เหนื่อยพอแล้ว การจะให้คนใกล้พื้นที่ ออกไปปิดพื้นที่ใกล้บ้านตัวเอง โดยที่คนในบ้านไปทำงาน ไปช๊อปปิ้ง ไปโรงพยาบาลไม่ได้นั้น คนกรุงเทพฯเริ่มไม่เห็นด้วย กระแสต่อต้านเกิดขึ้นเร็วมากขึ้น จนกระทบกับแผนระดมคนปิดกรุงเทพฯได้
แม้อุบายการโหมประโคมข่าวเร้าความรู้สึกคนกรุงที่ไวต่อกระแสให้รู้สึกไม่ปลอดภัย ให้เกิดความโกลาหล วุ่นวาย สับสน พยายามสะท้อนภาพว่ารัฐบาลไม่สามารถควบคุมและดูแลทุกข์ สุขให้ประชาชนได้ อุบายแผนนี้ใกล้สำเร็จ
เพราะอ่านหน้าไพ่ออกว่า รัฐบาลไม่กล้าบุกรวบตัวแกนนำ หรือ สลายม็อบแน่นอนเพื่อป้องกันเหตุ การยอมเปลืองตัวเล่นบทบาทผู้ร้ายของสุเทพนี้ ก็เพื่อปูทางเดินให้ " ฮีโร่ " ตัวเขียวๆ ออกมาปรากฏตัว
เมื่อกระแสความปั่นป่วน โกลาหล วุ่นวาย เกิดกับพื้นที่ ที่ไวต่อกระแส แน่นอนว่าอยู่ๆมีทหารออกมาดูแล และมาปลดล็อคความโกลาหล ทหารจะเป็น " ฮีไร่ " ทันที
ตามแผนเดิม ที่ คมช. เคยทำมาแล้ว ในการชิงกระแสสื่อสิ่งพิมพ์ในอดีต
และคราวนี้ คนจะแห่กันออกมาถ่ายรูปกับรถถัง ถ่ายไปโหลดกันสนุกสนาน ดาราอาจจะออกมายกมือทำท่า ซารางเฮโย หน้ารถถัง แล้วเอาไปอัพ ไปโชว์กันแทนรูปเฟอร์บี้ สุเทพฯอาจตายเพราะโดนสั่งเก็บ หรือไม่ก็หลบหนีไป จนเรื่องเงียบ
มีเสียงแทรกถามขึ้นมา ขณะที่ผู้น้อยนั่งเขียนบทความนี้ ที่โรงเตี๊ยมว่า แล้วทำไมทหารไม่รีบปฏิวัติว่ะอาร์ต ?
ผู้น้อยตอบได้เลยครับว่า สถานะการณ์พลิกกลับรวดเร็วเหลือเกิน เพียงวันสองวัน เทียนได้จุดสว่างขึ้นในใจคนกรุงเทพฯแล้ว กระแสเปลี่ยนแล้ว
คนกรุงเทพฯเริ่มตื่นตัวรักษาสิทธิ์ เริ่มรู้ถึงความเดือดร้อน ความยากลำบาก จากกปปส.มากขึ้นเท่าไหร่ ทหารก็จะพลาดโอกาสทองที่จะลงมือมากขึ้นเท่านั้น หรือหากลงมือ ต้องลงมือเช้ามืดคืนนี้ หากไม่เช่นนั้น จะไม่มีโอกาสลงมือเป็น " ฮีโร่ " ได้อีกเลย
แม้สุเทพเและคนอยู่เบื้องหลังจะคิดอุบายที่สมบูรณ์แบบอุบายนี้ขึ้นมา แต่ก็ไม่มีทางสำเร็จจนได้
นี่ตรงตามสำนวนท่านโกวเล้งที่ว่า
" ตาข่ายสวรรค์ถี่ยิบ ไร้รอยตะเข็บ คนเลวจะล้มเหลวนาทีสุดท้าย " ครับพี่น้อง
ยิ่งลักษณ์ ยิ้มเย้ยยุทธจักร ตอน มีปฏิวัติ ทหารจบ ไม่มีปฏิวัติ สุเทพจบ ( 2 )
เพียงรอฟางเส้นสุดท้ายที่จะวางลง สงครามกลางเมืองเกิดแน่นอน และตามมาด้วยการปฏิวัติ สองเหตุการณ์นี้ย่อมหลีกเลี่ยงความสูญเสียเลือดเนื้อ ชีวิตและทรัพย์สินไปไม่ได้เลย
คนตายอาจจะเป็นเพื่อน เป็นพี่ เป็นน้อง เป็นญาติ ของเรา ไม่ว่าจะเป็นคนที่เรารัก หรือคนที่เราชัง หรือไม่ว่าจะเป็นคนภาคไหนที่ตาย เขาก็คือคนไทยเหมือนกันกับเรา
กรุงเทพฯมหานคร ในชื่อเต็มมีความหมายว่า เป็น " มหานครที่ไม่มีใครรบชนะได้ " แต่เวลานี้ คนไทยกับคนไทยกำลังใช้กรุงเทพฯเป็นสมรภูมิรบพุ่ง ทำลายกันเอง
และเหตุจากนี้ไป จะส่งผลไกลไปถึงความแตกแยกของคนไทยอย่างที่ไม่เคยเกิดมาก่อน และอาจจะส่งผลให้ไทยแตกแยกออกเป็นไทยต่างๆ เช่นไทยเหนือ ไทยอิสาน ไทยใต้
ขวานทองของไทยจะหักออกเป็นหัวขวาน ด้ามขวาน ความรุนแรงอาจจะลามเป็นเชื้อไฟไม่หยุดหย่อนเหมือนสามจังหวัดชายแดนภาคใต้
ประวัติศาสตร์ทางการเมืองจะบันทึกไว้หรือไม่ว่า คนไทยฆ่าคนไทยด้วยกันเอง เหตุเกิดจากการกระหายอำนาจ ของคนที่อยู่เบื้องหลัง รวมไปถึงนายพล และโหรบางคน ที่ทะเยอทะยานอยาก
การห้ามทัพก่อนจะเกิดสงครามกลางเมือง หรือการ ห้ามทัพหลังเกิดสงครามกลางเมือง กำลังเป็นประเด็นพูดจากันในทางลึกว่า " อำนาจชี้ขาด " ควรจะเป็นทหารปฏิวัติหรือไม่ ?
ทหารมีเบื้องหลัง มีนอก มีใน ทหารบริสุทธิ์ใจหรือไม่ ทหารเป็นตาอยู่ ที่แอบรอคอยจังหวะได้อำนาจตามแผน หรือไม่ คำถามนี้สปอร์ตไลท์ฉายจับไปที่ พี่ใหญ่ พี่รอง น้องเล็กสาม ป. บูรพาพยัคฆ์ ?
และประเทศนี้ มี " อำนาจชี้ขาด " ที่เหนือกว่าอำนาจทหาร หรือไม่ ?
มีคำถามเกิดขึ้นมากมาย ว่าใครจะมาคลี่คลายวิกฤตที่กรุงเทพฯครั้งนี้ มีคำตอบอย่างหนึ่งแล้ว อย่างรวดเร็วเหลือเกินจากกระแสพลิกกลับ
มาต่อต้าน กปปส.ของคนกรุงเทพฯ ที่ไม่ยอมเป็นไทยเฉย ไทยอดทนอีกต่อไป
กระแสยึดมั่นต่อกฏหมาย ไม่เอาอำนาจนอกระบบ ต้องการไปเลือกตั้งตามกติกาสากล เริ่มดังกระหึ่มขึ้น กลบเสียงม็อบ หากเวลาทอดยาวออกไปไม่นาน สุเทพที่หมดมุก โดนรวบตัวแน่ หรือไม่ก็ต้องหนีคดีหัวซุก หัวซุน
ท่านที่เคารพรักครับ สายตามากมายมองจับไปที่ประยุทธ์ เวลานี้เริ่มเข้าสู่ยุคเสื่อมของกองทัพอีกครั้ง ข่าว คมช.2 มีมาถี่ขึ้นเรื่อยๆ คอการเมืองที่เน้นวิเคราะห์เจาะลึกมองเทือก และ กปปส. ว่าเป็นการชิงพื้นที่ข่าวเพื่อสร้างสถานะการณ์ให้เกิดการปฏิวัติ เมื่อคอการเมืองไม่โฟกัสไปที่โฟร์กราวนด์ เราก็จะเพ่งกันไปที่ แบ็คกราวนด์ และโคลสอัพ ไปแบบลองช็อตทุกมุมแบบเกาะติดตลอดเวลา
พอมีอะไรเกิดขึ้น ข่าวแชร์ ปลิวว่อนไปหมด รู้ไส้ รู้พุง กันล่อนจ้อนว่าใครคิดอะไร ทำอะไรแก่แผ่นดินนี้
คอการเมืองจึงเห็นภาพความจริงที่ชัดมากขึ้น มีข่าวลือกันไปต่างๆนานาว่า " ใคร " อยู่เบื้องหลังใคร และเป็นอีกครั้งที่อำนาจนอกระบบ เอื้อมมือลงมายุ่งเกี่ยว ต้องการ ฉกชิงเอาอำนาจประชาชนไปเหมือนการปฏิวัติเมื่อ 19 กันยา 49
หากไม่เกิดสงครามกลางเมือง ก็เกิดรัฐประหาร ประเทศนี้เหมือนมีทางเลือกสองทางเพียงเท่านี้หรือ ?
หากมีสองทางเลือกที่เป็นหมากบังคับอย่างนี้ ก็ต้องบอกได้ว่า คนที่คิดแผนนี้อำมหิตสิ้นดี และบัดซะรบสิ้นดี เริ่มจากไม่มีกบฏหรือกลุ่มผู้ก่อการจราจลใด ที่แหกปากปาวๆให้รู้ล่วงหน้า ว่าวันไหน จะปิด จะยึด จะบุกรุก จะทำลาย จะตัดน้ำ ตัดไฟที่ใด เพื่อให้เจ้าหน้าที่รู้ตัว
ส่วนมากมีแต่ทำไปแล้ว แล้วออกมารับว่ากลุ่มนั้น กลุ่มนี้เป็นคนทำ แต่กบฏกลุ่มนี้กลับประกาศเหยงๆว่าจะทำอะไร เหมือนกลัวคนไม่รู้
งั้นถามว่า มีจุดประสงค์อะไร ถึงต้องบอกล่วงหน้า ?
ตอบได้เลยครับว่า ความจริงเป็นอุบายที่พวกนี้คิดว่าสมบูรณ์แบบอุบายหนึ่ง เริ่มจากสุเทพที่เป็นคนนำ ถือว่าการเลือกสุเทพมาทำเรื่องอย่างนี้ ใช้คนได้ถูกกับงานที่สุด เพราะคนที่ไม่เอี๊ยจริงๆ จะทำเรื่องอย่างนี้ไม่ได้ เราลองคิดภาพว่าหากให้คนอื่นมานำม็อบ อันนั้นก็ไม่กล้า อันนี้ก็ไม่กล้า เพราะละอายใจ
แต่สำหรับสุเทพ สุเทพกล้าทำทุกอย่าง ชีวิตนี้ ไม่มีอะไรจะเสียไปกว่านี้อีกแล้ว ไหนจะคดีอาญาลูกชายบุกรุกที่หลวง ไหนจะคดีอาญาเล็งเห็นผลให้คนตายอันมากมายที่ตัวเองแบกรับ เทือกทำก็ตาย ไม่ทำก็ตาย
แต่หากว่าทำแล้ว บังเอิญม็อบชนะ ก็สบายไปทั้งพ่อ ทั้งลูก ที่มีข่าวว่าเทือกได้รางวัลประจำปีอะไรนั่น ผู้น้อยว่ายังน้อยไป อย่างน้อยควรได้ตุ๊กตาทองสาขานักแสดงนำชายดีเด่นด้วยอีกรางวัล เพราะตีบทแกนนำม็อบแตก ได้ถึงใจ " แม่ยก " เหลือเกิน
เมื่อ สุเทพเป็นคนที่มาจากพรรคประชาธิปัตย์ยิ่งเหมาะสม เพราะพรรคมีฐานเสียง มีหัวคะแนนยั้วเยี้ยเต็มกรุงเทพฯไปหมด และด้วยสายสัมพันธ์ที่ต่อตรงกับผู้ว่าฯ การสอดประสานกันและกันทางลับ จึงบังเกิดขึ้น ไม่ใช่เรื่องยากสักนิด ที่จะลงมือยึดแต่ละพื้นที่ตามที่ออกข่าว
แต่อุบายนี้พลาดไปตรงที่ ใช้คนภาคใต้มาปิด มายึดและคนกรุงเทพฯเดือดร้อนมานานเกินไปแล้วที่ผ่านมา สุเทพลืมคิดถึงจริตของคนกรุงเทพฯไป คนกรุงเทพฯแค่รถติดทุกวันนี้ก็เหนื่อยพอแล้ว การจะให้คนใกล้พื้นที่ ออกไปปิดพื้นที่ใกล้บ้านตัวเอง โดยที่คนในบ้านไปทำงาน ไปช๊อปปิ้ง ไปโรงพยาบาลไม่ได้นั้น คนกรุงเทพฯเริ่มไม่เห็นด้วย กระแสต่อต้านเกิดขึ้นเร็วมากขึ้น จนกระทบกับแผนระดมคนปิดกรุงเทพฯได้
แม้อุบายการโหมประโคมข่าวเร้าความรู้สึกคนกรุงที่ไวต่อกระแสให้รู้สึกไม่ปลอดภัย ให้เกิดความโกลาหล วุ่นวาย สับสน พยายามสะท้อนภาพว่ารัฐบาลไม่สามารถควบคุมและดูแลทุกข์ สุขให้ประชาชนได้ อุบายแผนนี้ใกล้สำเร็จ
เพราะอ่านหน้าไพ่ออกว่า รัฐบาลไม่กล้าบุกรวบตัวแกนนำ หรือ สลายม็อบแน่นอนเพื่อป้องกันเหตุ การยอมเปลืองตัวเล่นบทบาทผู้ร้ายของสุเทพนี้ ก็เพื่อปูทางเดินให้ " ฮีโร่ " ตัวเขียวๆ ออกมาปรากฏตัว
เมื่อกระแสความปั่นป่วน โกลาหล วุ่นวาย เกิดกับพื้นที่ ที่ไวต่อกระแส แน่นอนว่าอยู่ๆมีทหารออกมาดูแล และมาปลดล็อคความโกลาหล ทหารจะเป็น " ฮีไร่ " ทันที
ตามแผนเดิม ที่ คมช. เคยทำมาแล้ว ในการชิงกระแสสื่อสิ่งพิมพ์ในอดีต
และคราวนี้ คนจะแห่กันออกมาถ่ายรูปกับรถถัง ถ่ายไปโหลดกันสนุกสนาน ดาราอาจจะออกมายกมือทำท่า ซารางเฮโย หน้ารถถัง แล้วเอาไปอัพ ไปโชว์กันแทนรูปเฟอร์บี้ สุเทพฯอาจตายเพราะโดนสั่งเก็บ หรือไม่ก็หลบหนีไป จนเรื่องเงียบ
มีเสียงแทรกถามขึ้นมา ขณะที่ผู้น้อยนั่งเขียนบทความนี้ ที่โรงเตี๊ยมว่า แล้วทำไมทหารไม่รีบปฏิวัติว่ะอาร์ต ?
ผู้น้อยตอบได้เลยครับว่า สถานะการณ์พลิกกลับรวดเร็วเหลือเกิน เพียงวันสองวัน เทียนได้จุดสว่างขึ้นในใจคนกรุงเทพฯแล้ว กระแสเปลี่ยนแล้ว
คนกรุงเทพฯเริ่มตื่นตัวรักษาสิทธิ์ เริ่มรู้ถึงความเดือดร้อน ความยากลำบาก จากกปปส.มากขึ้นเท่าไหร่ ทหารก็จะพลาดโอกาสทองที่จะลงมือมากขึ้นเท่านั้น หรือหากลงมือ ต้องลงมือเช้ามืดคืนนี้ หากไม่เช่นนั้น จะไม่มีโอกาสลงมือเป็น " ฮีโร่ " ได้อีกเลย
แม้สุเทพเและคนอยู่เบื้องหลังจะคิดอุบายที่สมบูรณ์แบบอุบายนี้ขึ้นมา แต่ก็ไม่มีทางสำเร็จจนได้
นี่ตรงตามสำนวนท่านโกวเล้งที่ว่า
" ตาข่ายสวรรค์ถี่ยิบ ไร้รอยตะเข็บ คนเลวจะล้มเหลวนาทีสุดท้าย " ครับพี่น้อง