มหา'ลัยรำลึก
ตอนที่ 1 สอบ Entrance
#นายอุ๊ย!!
เมื่อวันพุธที่ผ่านมา ผมไปสอนพิเศษที่อาคารจามจุรีสแควร์ สามย่าน และเนื่องจากช่วงนี้สภาพคล่องของผมไม่ค่อยดีเท่าไร ผมเลยเดินข้ามไปกินข้าวแกงราคาประหยัดที่โรงอาหารคณะบัญชี ฯ จุฬา ฯ ที่อยู่ติดกัน
ผมเดินผ่านตึกเรียน โต๊ะกรุ๊ป สนามบาส และนิสิตสาวคณะบัญชี ผมไม่ได้กลับมาที่นี่นานมาก หลาย ๆ อย่างดูดีขึ้นอย่างผิดหูผิดตา ใครบางคนเคยบอกว่าโรงเรียนเก่าหรือคณะเก่าของเรามักจะพัฒนาหลังจากที่เราเรียนจบออกไปแล้ว
อืม น่าจะจริง
แม้ว่าหลาย ๆ สิ่งจะเปลี่ยนไป แต่สิ่งที่ไม่เคยเปลี่ยนก็คือ
‘ความทรงจำ’
********************
ผมมาที่จุฬา ฯ ครั้งแรกในชีวิตเมื่อประมาณ 11 – 12 ปีที่แล้ว (แก่เนาะ) ซึ่งนอกจากจะเป็นการมาที่นี่ครั้งแรก ยังเป็นการขึ้นรถไฟฟ้า BTS ครั้งแรกของผมด้วย แหม่ ยิ่งเล่ายิ่งรู้สึกโบร้าณโบราณ นี่เราทะลุมิติมาจากสมัยกรุงศรีอยุธยารึเปล่าเนี่ย
เมื่อสิบปีที่แล้วยังไม่มีการสอบ Admission ยังไม่มี GAT PAT ยังไม่มีแม้กระทั่ง O-NET A-NET สมัยนั้นการสอบเข้ามหาวิทยาลัยของพวกเราเรียกว่าการสอบ Entrance (ขออนุญาตใช้คำว่า ‘พวกเรา’ จะได้ไม่รู้สึกแก่อยู่คนเดียว) การสอบ Entrance จะมีสองรอบ คือ รอบเดือนตุลากับเดือนมีนา
จำได้ว่าช่วงนั้นผมอ่านหนังสืออย่างเอาเป็นเอาตาย อยู่โรงเรียนกวดวิชามากกว่าอยู่บ้าน เจออาจารย์อุ๊บ่อยกว่าเจอแม่ ถ้าสามารถนอนค้างที่โรงเรียนกวดวิชาได้ก็คงนอนค้างไปแล้ว หลายคนอยู่ต่างจังหวัดก็ต้องเดินทางเข้ามาเรียนพิเศษในกรุงเทพ ฯ ความรู้สึกตอนนั้นต่อการสอบ Entrance ยิ่งใหญ่มาก ๆ เหมือนเราฝากอนาคตของเราไว้กับการสอบครั้งนั้น ถ้าผมสอบ Entrance ไม่ติด ผมอาจเครียดจนเสพยา ติดเหล้า มั่วผู้หญิง จนหมดอนาคตไปเลยก็ได้
(อย่างไรก็ตาม ผมได้เรียนรู้แล้วว่าความเชื่อนี้เป็นความเชื่อที่ผิดมาก ๆ การสอบเข้ามหาวิทยาลัยเป็นแค่เศษเสี้ยวหนึ่งของชีวิต แม้ต้องยอมรับว่าการสอบเข้ามหาวิทยาลัยที่ดี จะทำให้เราได้อยู่ในสังคมที่ดี มีเพื่อนเก่ง ๆ และมีโอกาสในชีวิตมากขึ้น แต่เชื่อผมเถอะครับว่าการสอบไม่ติดก็ไม่ได้เลวร้ายอะไรขนาดนั้น ชีวิตคนเรามีอะไรมากกว่านั้นเยอะเลยครับ)
หลังจากเตรียมตัวสอบอย่างหนัก กินซุปไก่สกัดไปหลายโหล (สมัยนั้นถ้าอยากเป็นหมอต้องกินซุปไก่ครับ ยังไม่มีเปปทีน) ก็ถึงวันสอบ ซึ่งแม้ว่าเราจะเตรียมตัวอ่านหนังสือเยอะมากแค่ไหนก็ ทำไม่ได้ กับ ทำไม่ทัน อยู่ดี
หลังจากสอบเสร็จ พวกเราจะมีความสุขกันมากเนื่องจากได้กลับมามีชีวิตอิสระอีกครั้ง เที่ยวเล่นกับเพื่อนอยู่เป็นเดือน ๆ แล้วก็จะกลับมาเครียดอีกทีช่วงคะแนนใกล้ออก หลังจากคะแนนออกแล้ว พวกเราก็ต้องเอาคะแนนไปลองเทียบกับสถิติในอดีต ว่าปัญญาน้อย ๆ ของเราพอจะเรียนคณะอะไรหรือมหาวิทยาลัยอะไรได้บ้าง เขาจะให้พวกเราเลือกได้ 4 อันดับ โชคดีที่ตอนนั้นผมทำคะแนนได้ค่อนข้างดี ผมเลยเลือก
1. คณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชี จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
2. คณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชี มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์
3. คณะบริหารธุรกิจ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์
4. คณะวิทยาศาสตร์ (คอมพิวเตอร์) มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง
(เมิงนี่ก็เลือกคณะได้น่าหมั่นไส้ดีเนอะ)
แม้ว่าการเทียบคะแนนกับสถิติในอดีตจะฟังดูเหมือนไม่มีอะไร แต่จริง ๆ แล้วมันเป็นจิตวิทยาหมู่ที่ร้ายกาจ หลอกล่อเด็กให้ตายใจมานักต่อนัก กล่าวคือถ้าปีที่แล้วคณะไหนคะแนนน้อย เด็ก ๆ ก็จะกรูกันเข้าไปสมัครคณะนั้น ทำให้ปีนั้นคะแนนพุ่งปรี๊ดขึ้นมา เด็กก็จะสอบไม่ติดกัน แต่ถ้าปีที่แล้วคณะไหนคะแนนสูง ปีนี้ก็จะไม่ค่อยมีเด็กกล้าเลือก ทำให้เด็กบางคนที่แค่เลือกเผื่อไว้เฉย ๆ ดันสอบได้ซะงั้น
ผมเชื่อว่าในที่นี้ต้องมีหลายคนเคยโดนสถิติสับขาหลอกแน่ ๆ สารภาพมาซะดี ๆ
หลังจากนั้นพวกเราต้องไปซื้อหนังสือหนา ๆ เล่มหนึ่ง ข้างในมีรายละเอียดเกี่ยวกับคณะ/มหาวิทยาลัยต่าง ๆ มากมาย วันที่ผมมาที่จุฬา ฯ ครั้งแรกก็เพื่อเลือกคณะด้วยการเอาดินสอ 2B ฝนใบสมัครนี่แหละครับ (วิธีสมัครเข้ามหาวิทยาลัยก็โบราณอีกละ)
และแล้วก็ถึงวันประกาศผลสอบ
จำได้ว่าวันนั้นผมตื่นเต้นมาก ออกไปซื้อชั่วโมงอินเตอร์เน็ตที่เซเว่น แล้วก็มาต่อสายโทรศัพท์เข้าโมเด็ม 56K (ยังจำโมเด็มกันได้ไหม ที่เวลาต่อติดมันจะร้อง ตี๊ดิ่ว ๆ แต่ว ๆ ไม่รู้มันจะร้องทำไม) แต่วันนั้นปรากฏว่าเว็บล่ม กว่าจะเข้าได้อีกทีก็ตอนค่ำ ๆ ผมต่อโมเด็มอีกครั้งเพื่อเช็คผลสอบ
ครอบครัววิศิษย์ศักดิ์วาสินยืนล้อมคอมพิวเตอร์ ทุกสายตาจ้องมายังหน้าจอ
นายคมกฤช วิศิษย์ศักดิ์วาสิน สอบติด คณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชี จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
ทุกคนส่งเสียงเฮออกมา ดีใจกันยิ่งกว่าลิเวอร์พูลได้แชมป์พรีเมียร์ลีก
ที่ดีใจเกินหน้าเกินตาผมไปมากก็น่าจะเป็นคุณแม่ แม่ดีใจยิ่งกว่าได้บัตรชมคอนเสิร์ตสุนทราภรณ์ฟรี แม่บอกว่าแม่ไม่มีโอกาสได้เรียนหนังสือ แม่เลยดีใจที่ลูกสามารถสอบเข้ามหาวิทยาลัยได้
แม่ดีใจจนผมรู้สึกว่า เฮ้ย เราน่าจะมอบหมายให้แม่เป็นตัวแทนของครอบครัวในการดีใจก็แล้วกัน คนอื่นไม่ต้องดีใจเพราะแม่ดีใจเผื่อแล้ว
หลังจากที่ผมดีใจเสร็จ เพื่อนก็โทรมาชวนให้ไปดูประกาศผลสอบ สมัยนั้นจะมีการติดประกาศผลสอบอย่างเป็นทางการที่มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ จะเป็นบรรยากาศที่ชื่นมื่นและคึกคักมาก ๆ
ผมตัดสินใจไปเกษตรกับเพื่อน ผมจะแกล้งทำเป็นหารายชื่อที่บอร์ดด้วยความวิตกกังวล และจะแกล้งทำท่าดีใจเมื่อเห็นชื่อของผมอยู่บนบอร์ดนั้น
To be continued
Credit: นายอุ๊ย!!
*** ติดตามเรื่องราวสนุก ๆ ได้ที่เพจ นายอุ๊ย!! นะครับ -->
https://www.facebook.com/lovenaioui ***
มหา'ลัยรำลึก ตอนที่ 1 สอบ Entrance
ตอนที่ 1 สอบ Entrance
#นายอุ๊ย!!
เมื่อวันพุธที่ผ่านมา ผมไปสอนพิเศษที่อาคารจามจุรีสแควร์ สามย่าน และเนื่องจากช่วงนี้สภาพคล่องของผมไม่ค่อยดีเท่าไร ผมเลยเดินข้ามไปกินข้าวแกงราคาประหยัดที่โรงอาหารคณะบัญชี ฯ จุฬา ฯ ที่อยู่ติดกัน
ผมเดินผ่านตึกเรียน โต๊ะกรุ๊ป สนามบาส และนิสิตสาวคณะบัญชี ผมไม่ได้กลับมาที่นี่นานมาก หลาย ๆ อย่างดูดีขึ้นอย่างผิดหูผิดตา ใครบางคนเคยบอกว่าโรงเรียนเก่าหรือคณะเก่าของเรามักจะพัฒนาหลังจากที่เราเรียนจบออกไปแล้ว
อืม น่าจะจริง
แม้ว่าหลาย ๆ สิ่งจะเปลี่ยนไป แต่สิ่งที่ไม่เคยเปลี่ยนก็คือ
‘ความทรงจำ’
********************
ผมมาที่จุฬา ฯ ครั้งแรกในชีวิตเมื่อประมาณ 11 – 12 ปีที่แล้ว (แก่เนาะ) ซึ่งนอกจากจะเป็นการมาที่นี่ครั้งแรก ยังเป็นการขึ้นรถไฟฟ้า BTS ครั้งแรกของผมด้วย แหม่ ยิ่งเล่ายิ่งรู้สึกโบร้าณโบราณ นี่เราทะลุมิติมาจากสมัยกรุงศรีอยุธยารึเปล่าเนี่ย
เมื่อสิบปีที่แล้วยังไม่มีการสอบ Admission ยังไม่มี GAT PAT ยังไม่มีแม้กระทั่ง O-NET A-NET สมัยนั้นการสอบเข้ามหาวิทยาลัยของพวกเราเรียกว่าการสอบ Entrance (ขออนุญาตใช้คำว่า ‘พวกเรา’ จะได้ไม่รู้สึกแก่อยู่คนเดียว) การสอบ Entrance จะมีสองรอบ คือ รอบเดือนตุลากับเดือนมีนา
จำได้ว่าช่วงนั้นผมอ่านหนังสืออย่างเอาเป็นเอาตาย อยู่โรงเรียนกวดวิชามากกว่าอยู่บ้าน เจออาจารย์อุ๊บ่อยกว่าเจอแม่ ถ้าสามารถนอนค้างที่โรงเรียนกวดวิชาได้ก็คงนอนค้างไปแล้ว หลายคนอยู่ต่างจังหวัดก็ต้องเดินทางเข้ามาเรียนพิเศษในกรุงเทพ ฯ ความรู้สึกตอนนั้นต่อการสอบ Entrance ยิ่งใหญ่มาก ๆ เหมือนเราฝากอนาคตของเราไว้กับการสอบครั้งนั้น ถ้าผมสอบ Entrance ไม่ติด ผมอาจเครียดจนเสพยา ติดเหล้า มั่วผู้หญิง จนหมดอนาคตไปเลยก็ได้
(อย่างไรก็ตาม ผมได้เรียนรู้แล้วว่าความเชื่อนี้เป็นความเชื่อที่ผิดมาก ๆ การสอบเข้ามหาวิทยาลัยเป็นแค่เศษเสี้ยวหนึ่งของชีวิต แม้ต้องยอมรับว่าการสอบเข้ามหาวิทยาลัยที่ดี จะทำให้เราได้อยู่ในสังคมที่ดี มีเพื่อนเก่ง ๆ และมีโอกาสในชีวิตมากขึ้น แต่เชื่อผมเถอะครับว่าการสอบไม่ติดก็ไม่ได้เลวร้ายอะไรขนาดนั้น ชีวิตคนเรามีอะไรมากกว่านั้นเยอะเลยครับ)
หลังจากเตรียมตัวสอบอย่างหนัก กินซุปไก่สกัดไปหลายโหล (สมัยนั้นถ้าอยากเป็นหมอต้องกินซุปไก่ครับ ยังไม่มีเปปทีน) ก็ถึงวันสอบ ซึ่งแม้ว่าเราจะเตรียมตัวอ่านหนังสือเยอะมากแค่ไหนก็ ทำไม่ได้ กับ ทำไม่ทัน อยู่ดี
หลังจากสอบเสร็จ พวกเราจะมีความสุขกันมากเนื่องจากได้กลับมามีชีวิตอิสระอีกครั้ง เที่ยวเล่นกับเพื่อนอยู่เป็นเดือน ๆ แล้วก็จะกลับมาเครียดอีกทีช่วงคะแนนใกล้ออก หลังจากคะแนนออกแล้ว พวกเราก็ต้องเอาคะแนนไปลองเทียบกับสถิติในอดีต ว่าปัญญาน้อย ๆ ของเราพอจะเรียนคณะอะไรหรือมหาวิทยาลัยอะไรได้บ้าง เขาจะให้พวกเราเลือกได้ 4 อันดับ โชคดีที่ตอนนั้นผมทำคะแนนได้ค่อนข้างดี ผมเลยเลือก
1. คณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชี จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
2. คณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชี มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์
3. คณะบริหารธุรกิจ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์
4. คณะวิทยาศาสตร์ (คอมพิวเตอร์) มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง
(เมิงนี่ก็เลือกคณะได้น่าหมั่นไส้ดีเนอะ)
แม้ว่าการเทียบคะแนนกับสถิติในอดีตจะฟังดูเหมือนไม่มีอะไร แต่จริง ๆ แล้วมันเป็นจิตวิทยาหมู่ที่ร้ายกาจ หลอกล่อเด็กให้ตายใจมานักต่อนัก กล่าวคือถ้าปีที่แล้วคณะไหนคะแนนน้อย เด็ก ๆ ก็จะกรูกันเข้าไปสมัครคณะนั้น ทำให้ปีนั้นคะแนนพุ่งปรี๊ดขึ้นมา เด็กก็จะสอบไม่ติดกัน แต่ถ้าปีที่แล้วคณะไหนคะแนนสูง ปีนี้ก็จะไม่ค่อยมีเด็กกล้าเลือก ทำให้เด็กบางคนที่แค่เลือกเผื่อไว้เฉย ๆ ดันสอบได้ซะงั้น
ผมเชื่อว่าในที่นี้ต้องมีหลายคนเคยโดนสถิติสับขาหลอกแน่ ๆ สารภาพมาซะดี ๆ
หลังจากนั้นพวกเราต้องไปซื้อหนังสือหนา ๆ เล่มหนึ่ง ข้างในมีรายละเอียดเกี่ยวกับคณะ/มหาวิทยาลัยต่าง ๆ มากมาย วันที่ผมมาที่จุฬา ฯ ครั้งแรกก็เพื่อเลือกคณะด้วยการเอาดินสอ 2B ฝนใบสมัครนี่แหละครับ (วิธีสมัครเข้ามหาวิทยาลัยก็โบราณอีกละ)
และแล้วก็ถึงวันประกาศผลสอบ
จำได้ว่าวันนั้นผมตื่นเต้นมาก ออกไปซื้อชั่วโมงอินเตอร์เน็ตที่เซเว่น แล้วก็มาต่อสายโทรศัพท์เข้าโมเด็ม 56K (ยังจำโมเด็มกันได้ไหม ที่เวลาต่อติดมันจะร้อง ตี๊ดิ่ว ๆ แต่ว ๆ ไม่รู้มันจะร้องทำไม) แต่วันนั้นปรากฏว่าเว็บล่ม กว่าจะเข้าได้อีกทีก็ตอนค่ำ ๆ ผมต่อโมเด็มอีกครั้งเพื่อเช็คผลสอบ
ครอบครัววิศิษย์ศักดิ์วาสินยืนล้อมคอมพิวเตอร์ ทุกสายตาจ้องมายังหน้าจอ
นายคมกฤช วิศิษย์ศักดิ์วาสิน สอบติด คณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชี จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
ทุกคนส่งเสียงเฮออกมา ดีใจกันยิ่งกว่าลิเวอร์พูลได้แชมป์พรีเมียร์ลีก
ที่ดีใจเกินหน้าเกินตาผมไปมากก็น่าจะเป็นคุณแม่ แม่ดีใจยิ่งกว่าได้บัตรชมคอนเสิร์ตสุนทราภรณ์ฟรี แม่บอกว่าแม่ไม่มีโอกาสได้เรียนหนังสือ แม่เลยดีใจที่ลูกสามารถสอบเข้ามหาวิทยาลัยได้
แม่ดีใจจนผมรู้สึกว่า เฮ้ย เราน่าจะมอบหมายให้แม่เป็นตัวแทนของครอบครัวในการดีใจก็แล้วกัน คนอื่นไม่ต้องดีใจเพราะแม่ดีใจเผื่อแล้ว
หลังจากที่ผมดีใจเสร็จ เพื่อนก็โทรมาชวนให้ไปดูประกาศผลสอบ สมัยนั้นจะมีการติดประกาศผลสอบอย่างเป็นทางการที่มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ จะเป็นบรรยากาศที่ชื่นมื่นและคึกคักมาก ๆ
ผมตัดสินใจไปเกษตรกับเพื่อน ผมจะแกล้งทำเป็นหารายชื่อที่บอร์ดด้วยความวิตกกังวล และจะแกล้งทำท่าดีใจเมื่อเห็นชื่อของผมอยู่บนบอร์ดนั้น
To be continued
Credit: นายอุ๊ย!!
*** ติดตามเรื่องราวสนุก ๆ ได้ที่เพจ นายอุ๊ย!! นะครับ --> https://www.facebook.com/lovenaioui ***