Inside Llewyn Davis ตามติสต์ชีวิตอินดี้
“ ทำในสิ่งที่เรารัก ถึงเราล้ม เราก็ล้มอยู่ท่ามกลางสิ่งที่เรารัก”
ประโยคด้านบนไม่ได้มาจากส่วนใดส่วนหนึ่งของหนัง
เป็นเพียงถ้อยคำที่ผมนำมาจากสมุดจดบันทึก
คิดว่าน่าจะตรงกับชีวิตหนึ่งอาทิตย์ของ ลูวิน เดวิส พระเอกของเรื่องพอดี
นักดนตรีไส้แห้งในยุค 60 กับชีวิตที่ไม่ค่อยอบอุ่นนัก
ดูเหมือนจะเป็นช่วงชีวิตขาลงมากกว่าขาขึ้น
ฉากบรรยากาศตุ่นๆ ฝนโปรยปราย ท้องฟ้าที่แทบไม่สดใส
ที่นอนไม่มีหลักแหล่ง ค่ำใหน รู้จักใคร ขอนอนที่นั่น
นอนมาโซฟามากกว่าบนเตียง ติสต์จัดแต่ดันทำผู้หญิงท้อง
ชีวิตที่ถูกใช้สนอง Need ตัวเองมากกว่าตอบสนองกระแสสังคม
วันดีคืนดีมีแมวตัวหนึ่งมาให้ชีวิตต้องรับผิดชอบ
โดยส่วนตัวแม้จะไม่ค่อยชอบฟังเพลงโฟลกในช่วงยุค 60 มากท่าไร
แต่จำได้ว่าช่วงยังเด็กจนถึงปัจจุะบัน โฟลกแนวนี้ยังเป็นที่โปรดปรานของขุ่นแม่เสมอมา
เวลาที่ดูหนัง บางเพลงจึงคุ้นหูอย่างน่าใจหาย
เรื่องนี้ให้คะแนนที่เพลงประกอบก่อนเลย แต่ละเพลงเพราะจริง
จากที่อ่านมาใน Bioscope ทราบว่าแต่ละคนอาศัยวิธีการร้องสดๆ
ทั้งสีหน้าและน้ำเสียงเลยออกมาค่อนค่างเยี่ยม
โดยเฉพาะเพลง five hundred miles ที่คุ้นๆทำนองตั้งแต่ตอนขึ้น
ส่วนในเนื้อเรื่อง แมวมีส่วนร่วมน้อยไปนิดนึง
แนวเรื่องออกแดวดาร์คๆไม่สดใส เหมือนสภาพบรรยากาศในเรื่อง
เป็นเรื่องเกี่ยวกับการตามติดชีวิตนักดนตรีที่เพื่อนคู่ขาดันฆ่าตัวตาย
เหมือนพระเอกไม่อยากร่วมงานกับใคร
จึงตัดสินใจฉายเดี่ยว แต่จากอลบั้มก่อน พบว่ายอดขายไม่ดีเท่าไร
การเดินทางเพื่อทำตามความฝันจึงเริ่มต้น
การเดินทางส่วนใหญ่ใช้การโบกรถ ซื่อสัตย์ต่ออุดมคติจนชีวิตแทบไม่รอด
หากเป็นคนที่ทนกับหนังชีวิตที่ไม่หวือหวา ชีวิตมืดมนอันแสนเงียบ
กับดนตรีโฟลคนุ่มๆ เพราะๆ คิดว่าหนังเรื่องนี้คงไม่ผิดหวัง
คิดว่าอีกกลุ่มหนึ่งที่น่าจะอิน คือกลุ่มศิลปินที่มีแนวทางเป็นของตัวเอง
พวกที่คิดว่าข้านี้แหละจะกำหนดชีวิตตัวเองได้
และกลุ่มที่อยากเห็นอิริยาบถน่ารัก? ของแมว อาจจะดูหนังเรื่องนี้แล้วแฮปปี้ๆนิดนึง
.
.
.
.
.
(ด้านล่างเปิดเผยบางส่วนสำคัญของหนัง)
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
หลังจากที่ดูจบ ความรู้สึกแรกคือ “อ้าว จบแล้วหรอวะ...”
ฉากจบยังคง งงๆอยู่ในหัวเล็กน้อย เข้าใจว่าทำไมถึงโดยต่อย
แต่ไม่เข้าใจว่ามันมีความสัมพันธ์อะไรกันจากฉากเปิด
คิดมาตลอดว่าหนังตั้งแต่เรื่องคือเนื้อเรื่องที่ต่อกันมาตลอด ไม่กระโดดไปมาแบบนี้
ที่งงอีกฉากคือไอ้โปสเตอร์หนังที่พระเอกมองแว็บๆ
ที่เป็นแมวกับหมา ไม่รู้ว่าผู้กำกับต้องการสื่ออะไร
แล้วตกลงแมวที่ถูกชนใช่แมวตัวเดียวกันกับที่อุ้มไปชิคาโก้รึเปล่า
บทสรุปที่ไม่ได้บอกว่าจริงๆแล้วประสพความสำเร็จหรือไม่ หากว่าการประสพความสำเร็จ
คือการมีชื่อเสียงเป็นที่เรื่องลือ คิดว่าพรเอกไม่น่าจะถึงขึ้นนั้น
แล้วตกลง จีน(มั้ง) ให้ไอ้เจ้าของบาร์แห่งนั้นซ่ำ?
ชอบตรงที่ จีน(มั้ง) ถึงแม้ว่าจะเกลียด จะด่าพระเอกแค่ไหน
แต่ก็ยังคอยให้ความช่วยเหลืออยู่เรื่อยๆ
และไม่รู้ว่าจริงๆแล้ว เธอจะทำแท้งรึเปล่า
เอาเป็นว่าเป็นหนังอินดี้ที่ดูแล้วสิ่งที่ได้รับ ทำให้รู้สึกไม่เสียดายเงิน
สัญลักษณ์บางอย่างผมเองอาจจะยังเข้าไม่ถึง
จากจำนวนผู้ชมประมาณ 11 คน ทั้งโรงในรอบนี้ และการโปรโมตที่ไม่ค่อยบูมมาก
คิดว่าหนังไม่น่าจะอยู่ได้นานนัก
เจ็บใจอีกอย่างคือ ตอนดูจบออกมา เพิ่งรู้ว่าตั๋วหนังสองใบ
เอาไปแลกปิ้กกีร์ต้าของแท้ยี่ห้ออะไรไม่รู้ ได้ฟรีหนึ่งคู่
โปรโมชั่นไม่เห็นใจคนดูคนเดียวนี่น่าเจ็บใจจริงๆ T^T
[SR] Inside Llewyn Davis ตามติสต์ชีวิตอินดี้ (หัดรีวิว + ซ่อน spoil )
“ ทำในสิ่งที่เรารัก ถึงเราล้ม เราก็ล้มอยู่ท่ามกลางสิ่งที่เรารัก”
ประโยคด้านบนไม่ได้มาจากส่วนใดส่วนหนึ่งของหนัง
เป็นเพียงถ้อยคำที่ผมนำมาจากสมุดจดบันทึก
คิดว่าน่าจะตรงกับชีวิตหนึ่งอาทิตย์ของ ลูวิน เดวิส พระเอกของเรื่องพอดี
นักดนตรีไส้แห้งในยุค 60 กับชีวิตที่ไม่ค่อยอบอุ่นนัก
ดูเหมือนจะเป็นช่วงชีวิตขาลงมากกว่าขาขึ้น
ฉากบรรยากาศตุ่นๆ ฝนโปรยปราย ท้องฟ้าที่แทบไม่สดใส
ที่นอนไม่มีหลักแหล่ง ค่ำใหน รู้จักใคร ขอนอนที่นั่น
นอนมาโซฟามากกว่าบนเตียง ติสต์จัดแต่ดันทำผู้หญิงท้อง
ชีวิตที่ถูกใช้สนอง Need ตัวเองมากกว่าตอบสนองกระแสสังคม
วันดีคืนดีมีแมวตัวหนึ่งมาให้ชีวิตต้องรับผิดชอบ
โดยส่วนตัวแม้จะไม่ค่อยชอบฟังเพลงโฟลกในช่วงยุค 60 มากท่าไร
แต่จำได้ว่าช่วงยังเด็กจนถึงปัจจุะบัน โฟลกแนวนี้ยังเป็นที่โปรดปรานของขุ่นแม่เสมอมา
เวลาที่ดูหนัง บางเพลงจึงคุ้นหูอย่างน่าใจหาย
เรื่องนี้ให้คะแนนที่เพลงประกอบก่อนเลย แต่ละเพลงเพราะจริง
จากที่อ่านมาใน Bioscope ทราบว่าแต่ละคนอาศัยวิธีการร้องสดๆ
ทั้งสีหน้าและน้ำเสียงเลยออกมาค่อนค่างเยี่ยม
โดยเฉพาะเพลง five hundred miles ที่คุ้นๆทำนองตั้งแต่ตอนขึ้น
ส่วนในเนื้อเรื่อง แมวมีส่วนร่วมน้อยไปนิดนึง
แนวเรื่องออกแดวดาร์คๆไม่สดใส เหมือนสภาพบรรยากาศในเรื่อง
เป็นเรื่องเกี่ยวกับการตามติดชีวิตนักดนตรีที่เพื่อนคู่ขาดันฆ่าตัวตาย
เหมือนพระเอกไม่อยากร่วมงานกับใคร
จึงตัดสินใจฉายเดี่ยว แต่จากอลบั้มก่อน พบว่ายอดขายไม่ดีเท่าไร
การเดินทางเพื่อทำตามความฝันจึงเริ่มต้น
การเดินทางส่วนใหญ่ใช้การโบกรถ ซื่อสัตย์ต่ออุดมคติจนชีวิตแทบไม่รอด
หากเป็นคนที่ทนกับหนังชีวิตที่ไม่หวือหวา ชีวิตมืดมนอันแสนเงียบ
กับดนตรีโฟลคนุ่มๆ เพราะๆ คิดว่าหนังเรื่องนี้คงไม่ผิดหวัง
คิดว่าอีกกลุ่มหนึ่งที่น่าจะอิน คือกลุ่มศิลปินที่มีแนวทางเป็นของตัวเอง
พวกที่คิดว่าข้านี้แหละจะกำหนดชีวิตตัวเองได้
และกลุ่มที่อยากเห็นอิริยาบถน่ารัก? ของแมว อาจจะดูหนังเรื่องนี้แล้วแฮปปี้ๆนิดนึง
.
.
.
.
.
(ด้านล่างเปิดเผยบางส่วนสำคัญของหนัง)
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
เอาเป็นว่าเป็นหนังอินดี้ที่ดูแล้วสิ่งที่ได้รับ ทำให้รู้สึกไม่เสียดายเงิน
สัญลักษณ์บางอย่างผมเองอาจจะยังเข้าไม่ถึง
จากจำนวนผู้ชมประมาณ 11 คน ทั้งโรงในรอบนี้ และการโปรโมตที่ไม่ค่อยบูมมาก
คิดว่าหนังไม่น่าจะอยู่ได้นานนัก
เจ็บใจอีกอย่างคือ ตอนดูจบออกมา เพิ่งรู้ว่าตั๋วหนังสองใบ
เอาไปแลกปิ้กกีร์ต้าของแท้ยี่ห้ออะไรไม่รู้ ได้ฟรีหนึ่งคู่
โปรโมชั่นไม่เห็นใจคนดูคนเดียวนี่น่าเจ็บใจจริงๆ T^T