จากมติชนออนไลน์

นายนิพนธ์ วิชัยรัตน์ ผู้ช่วยผู้อำนวยการสวนสัตว์เชียงใหม่ กล่าวเมื่อวันที่ 9 มกราคมว่า สวนสัตว์เชียงใหม่ได้นำตัวปาก้า มาจากสวนสัตว์ดุสิต (เขาดิน) ซึ่ง ปาก้า (Lowland paca หรือ spotted paca) เป็นสัตว์ในตระกูลสัตว์ฟันแทะ (rodent) ขนาดใหญ่ มีชื่อวิทยาสาสตร์ว่า Cuniculus paca พบได้ในทวีปอเมริกากลางและใต้ โดยปาก้าจะอาศัยในป่าใกล้แหล่งน้ำ ที่ความสูงจากระดับน้ำทะเล ไม่เกิน 2,300 เมตร มีอายุเฉลี่ยประมาณ 12.5 ปี

ปาก้า กินใบไม้ เมล็ด และรากไม้ เป็นอาหาร โดยมีผลไม้ที่ให้พลังงานสูง เช่น มะม่วง มะละกอ อโวคาโด้ เป็นของโปรด ปาก้าเป็นสัตว์หากินกลางคืน อาศัยอยู่ตัวเดียว หลับในเวลากลางวันในโพรงไม้ หรือโพรงดินที่สร้างขึ้นเอง ใกล้ๆ แหล่งน้ำ ลักษณะเด่นของปาก้า คือจะมีขนชั้นเดียวค่อนข้างหยาบ บริเวณด้านหลังขนสีน้ำตาลเข้มจนเกือบดำ สีขนค่อยๆ อ่อนลงเป็นสีเหลืองและขาว ในบริเวณด้านท้อง โดยจะมีจุดสีขาวเรียงเป็นแถวด้านข้างลำตัวด้านละ 4-8 แถว มีหัวทู่ใหญ่และขาสั้นแข็งแรง ทำให้เคลื่อนที่บนบกได้ช้าแต่ว่ายน้ำได้เร็ว เท้าหน้ามีนิ้วข้างละ 4 นิ้ว เท้าหลังมีข้างละ 5 นิ้ว โดยที่นิ้ว 1 และ 5 ลดรูปลง เล็บมีลักษณะเหมือนกีบเท้า หางสั้นไม่มีขน เมื่อโตเต็มวัยจะมีขนาด 24-31 นิ้ว มีน้ำหนัก 6-12 กิโลกรัม ตัวผู้จะมีขนาดใหญ่กว่าตัวเมียเล็กน้อย

ปาก้า เป็นสัตว์ที่ว่ายน้ำได้ดีมาก สามารถดำน้ำเพื่อหลบภัย และสื่อสารกันด้วยเสียงและกลิ่น รวมถึงสามารถสื่อสารกันด้วยท่าทางแม้ในเวลากลางคืน ส่วนสถานภาพของปาก้านั้น ปัจจุบันในระดับสากล ปาก้า ถูกจัดอยู่ในบัญชีหมายเลข 3 ตามสนธิสัญญาว่าด้วยการค้าระหว่างประเทศชนิดสัตว์ป่าและพืชป่าที่ใกล้จะสูพันธ์ (The Convention on International Trade in Endanger species of Wind Fauna and Flora, CITES) และจัดอยู่ในบัญชีสัตว์ป่าที่ถูกคุกคามให้สูญพันธ์น้อย (Least Concern LC) ตามบัญชีของ IUCNRED List o Theatened Species (2013)

ผู้สนใจสามารถเยี่ยมชม "ปาก้า" สัตว์ป่าหายากจากทวีปอเมริกา ได้ที่ส่วนจัดแสดงคาปิบาร่า ข้างที่จัดแสดงนกฟลามิงโก้ ภายในสวนสัตว์เชียงใหม่ โดยจะเปิดแสดงอย่างเป็นทางการในงานกิจกรรมวันเด็กแห่งชาติของสวนสัตว์เชียงใหม่ หรือวันเสาร์ที่ 11 มกราคม 2557 นี้ ซึ่งมีกำหนดระยะเวลาในการแสดงประมาณ 3 เดือน และหากได้รับความสนใจจากนักท่องเที่ยว ทางสวนสัตว์ดุสิตยินดีมอบให้เพื่อจัดแสดงต่อไปที่สวนสัตว์เชียงใหม่