สร้างความตลกโปกฮากันมาตลอด (และคาดว่าคงจะได้อีกนาน T_T) กับวีรกรรมของท่านมอยส์ที่เคารพรักของเรา
ทีนี้ เอาจริงๆ ผมสงสัยว่าแฟนแมนฯยูไนเต็ดคิดยังไงกับมอยส์ครับ?
ส่วนตัวผม คิดมานานตั้งแต่ก่อนป๋าจะวางมือแล้ว ว่าไม่ว่าใครที่จะเข้ามาแทนที่ ผมอยากให้เวลาคนๆ นั้น 2-3 ปี เหมือนที่ป๋าเคยได้ตอนเข้ามาคุม
อาจจะมองว่า สถานการณ์มันต่างกัน ยูไนเต็ดในยุค รอน แอ็ตกินสัน ก่อนถึงมือป๋านั้นไม่ใช่เจ้าเกาะอังกฤษ แต่มาตอนนี้ปีศาจแดงมีฐานะเป็นยอดทีมมาตลอด 20 กว่าปี แฟนบอลอาจจะคาดหวังว่าเราจะทำได้เหมือนเดิมต่อไป และในทันที
ก่อนป๋าจะเข้ามาคุมทีม ก่อนหน้านั้น 5 ฤดูกาลระหว่างปี 81-86 ทีมจบฤดูกาลด้วยอันดับ 3-4 ตลอด รวมถึงได้ เอฟ.เอ.คัพ 2 ครั้ง ก่อนที่ฤดูกาลถัดมา 1986-1987 จะจมดิ่งลงไปที่รองบ๊วยก่อนที่ป๋าจะได้เข้ามาแทนในเดือน พฤศจิกายน 1986 และฉุดทีมขึ้นมาจบฤดูกาลที่อันดับ 11
ฤดูกาลถัดมาพาทีมไปถึงรองแชมป์
แต่แล้วฤดูกาลถัดมา ทีมกลับมาจบที่อันดับ 11
แล้วยังถัดมาอีกฤดูกาล ปี 89-90 แมนฯยูไนเต็ด จบที่อับดับ 13 นะครับ แต่อย่างที่ทราบว่า ได้แชมป์เอฟ.เอ.คัพ มาช่วยชีวิตป๋าเอาไว้
ฤดูกาลถัดมา ทีมจบที่อันดับ 6 แต่ได้แชมป์ คัพวินเนอส์คัพ
ฤดูกาลถัดมา จบที่รองแชมป์ และได้ลีกคัพ กับ ซุปเปอร์คัพ
แล้วหลังจากนั้นเองถึงจะเป็นยุคของการเถลิงบัลลังค์เกาะอังกฤษอย่างแท้จริง
เซอร์อเล็กซ์ เข้ามาคุม 2 เืดือนก่อนสิ้นปี 1986 และต้องรอถึงจบฤดูกาล 1992-1993 นะครับถึงจะได้แชมป์ลีกครั้งแรก
กว่า 5 ฤดูกาลครึ่ง กันเลยทีเดียวนะครับ
แล้วก็ยังมีช่วงยุคมืดระหว่างปี 2003-2006 กว่า 3 ฤดูกาลที่ทีมไม่ได้แชมป์ลีก โดยได้แชมป์เอฟ.เอ.คัพ และ มิกกี้เม้าส์คัพ มาปลอบใจอย่างละใบเท่านั้นเอง
จะเห็นว่า ขนาดเซอร์อเล็กซ์ ก็ต้องใ้ช้เวลาตั้งนานกว่าทีมจะได้แชมป์ลีก ถ้าบอร์ดยุคโน้นไล่เซอร์อเล็กซ์ออกไปตั้งแต่ฤดูกาลที่ 2-3 จะเกิดอะไรขึ้น แน่นอนว่า ต่างกรรมต่างวาระ เราอาจจะเปรียบเทียบ 2 คน 2 ยุค 2 สภาพแวดล้อมกันไม่ได้แบบเป๊ะๆ แต่ผมยังคิดว่า อย่างน้อยๆ มี 1 ปัจจัยสำคัญสำหรับทั้งคู่และน่าจะเรียกได้ว่าเป็นปัจจัยสำคัญต่อแทบทุกสิ่งอย่างในทุกยุคทุกสมัย นั่นก็คือ "เวลา"
ด้วยความที่เราไม่อาจมองเห็นอนาคตได้ เราอาจจะบอกไม่ได้ว่า บางที เปลี่ยนโค้ชแล้วอาจจะดีขึ้น ผมอาจต้องหน้าแตก
แต่ส่วนตัวผมตั้งค่า เซ็ท "ขีดความอดทน" ของผมไว้แล้ว และมันตั้งไว้ 3 ปี (สำหรับผม) ผมถึงได้มองไปที่จุดนั้น ไม่ใช่ ณ เวลานี้
ผมมองว่า แมนฯยูไนเต็ด พิเศษไม่ใช่ตรงที่ความเทพ ระดับพระเจ้าของเซอร์อเล็กซ์ แต่คือ commitment คือการอุทิศตัว ใช้เวลาไปกับสโมสร จนกลมกลืนเป็นหนึ่งเดียวกับสโมสร ไม่ใช่มือปืนรับจ้างที่มาแล้วก็ไป แมนฯยูไนเต็ด ไม่ควรจะเป็นทีมที่มองเห็นความสำเร็จชั่วข้ามคืนมากกว่าความภักดีและอุทิศตัวต่อสโมสร อย่างน้อย ผมก็หวังว่าจะเป็นอย่างนั้นน่ะนะ
แม้ต้องยอมรับลึกๆ ปัจจุบันโลกฟุตบอลมันวิ่งเร็ว ต้องการความสำเร็จแบบเป็นรูปธรรมชนิดปัจจุบันทันด่วน แฟนบอลเยอะ เงินเยอะ ความคาดหวังก็เยอะ และต้องเร็ว แบบโลกยุคใหม่
แฟนบอลแมนฯยูไนเต็ด พูดกันมาไ่ม่รู้กี่ปีต่อกี่ปี ถึงความ "ไม่เทพ" ของนักเตะในสโมสร แก่บ้าง เด็กบ้าง ฟอร์มผีเข้าผีออกบ้าง ที่เก่งจริงๆ แบบโพลงออกมาเลย เหลือสักกี่คนกัน แต่ละปีแฟนปีศาจแดงอย่างเราๆ เองก็เรียกร้อง วาดฝันอยากจจะได้สารพัดนักเตะดังๆ เก่งๆ ตลอด แล้วเคยได้จริงๆ สักแค่ไหนกันเชียว?
ประเด็นคือ ดูขีดความสามารถนักเตะ กับความสำเร็จที่ได้รับ บางทีมันเหมือนสวนทางกันไม่น่าเชื่อ แล้วมันเพราะใคร?
เพราะความ "พิเศษ" ของ เซอร์ อเล็กซ์ นั่นไง ซึ่งหนึ่งในความ "พิเศษ" ที่ว่า หรือบางทีอาจจะเป็น "ต้นตอ" ของพิเศษนั่นเลยด้วยซ้ำ ก็คือ การอุทิศตัว ผ่านระยะเวลายาวนานกับสโมสร คลุกคลีตีโมงอยู่ชนิดเด็กหลายๆ คนในบอร์ดนี้อาจจะยังไม่เกิดด้วยซ้ำไป
แล้วเราคาดหวังอะไร จากคนที่มาแทนที่เซอร์อเล็กซ์กัน? โค้ชๆ เก่งๆ สักคน ที่มองออกไปตอนนี้ใช้มือสองยังนับไม่พอ เผลอๆ ต้องใช้เท้าด้วย เพราะมันเยอะเหลือเกิน (และแทบทุกคนล้วนเคยทั้งประสบความสำเร็จและล้มเหลวมาทั้งนั้น)
แต่ประเด็นคือ และมีสักกี่คน ที่อยู่เป็นปู่โสมเฝ้าสโมสรเหมือน เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน ?
ผมอาจจะตอบไม่ได้ ว่า มอยส์ จะอยู่กับทีมอีก 3 ปีแล้วค่อยได้แชมป์ แล้วอยู่ไปอีก 10 ปี ผมตอบไม่ได้ว่ามอยส์จะพาทีมความคว้าแชมป์ได้หรือไ่ม่ แต่อย่างหนึ่งที่ผมเห็นในตัว มอยส์ ก็คือ commitment ที่เค้ามีให้กับสโมสร
โค้ชคนอื่นๆ เก่งๆ มีแน่ เค้าอาจเข้ามา 2-3 ปี อาจพาทีมคว้าแชมป์ได้ (หรือไม่ได้) แต่ที่แน่ๆ คือน้อยคนเหลือเกินที่จะอยู่กับสโมสรได้นานเหมือนที่คนแบบ เฟอร์กี้ ทำ
และแน่นอน ที่สำคัญที่สุด ไม่ใช่แค่ตัวคนเป็นโค้ชที่เลือกจะอุทิศตัวและอยู่โยงกับสโมสร แต่ตัวสโมสรเอง บอร์ดบริหาร และแฟนบอล ก็เป็นคนเลือกด้วยว่า ว่าเค้าอยากได้โค้ชแบบไหน
ผมคนนึง ที่ยังอยากให้ เดวิด มอยส์ พิสูจน์ตัวเองต่อไปครับ
:: [ เอาจริงๆ แฟนแมนฯยูไนเต็ดคิดยังไงกับมอยส์ครับตอนนี้? ] ::
ทีนี้ เอาจริงๆ ผมสงสัยว่าแฟนแมนฯยูไนเต็ดคิดยังไงกับมอยส์ครับ?
ส่วนตัวผม คิดมานานตั้งแต่ก่อนป๋าจะวางมือแล้ว ว่าไม่ว่าใครที่จะเข้ามาแทนที่ ผมอยากให้เวลาคนๆ นั้น 2-3 ปี เหมือนที่ป๋าเคยได้ตอนเข้ามาคุม
อาจจะมองว่า สถานการณ์มันต่างกัน ยูไนเต็ดในยุค รอน แอ็ตกินสัน ก่อนถึงมือป๋านั้นไม่ใช่เจ้าเกาะอังกฤษ แต่มาตอนนี้ปีศาจแดงมีฐานะเป็นยอดทีมมาตลอด 20 กว่าปี แฟนบอลอาจจะคาดหวังว่าเราจะทำได้เหมือนเดิมต่อไป และในทันที
ก่อนป๋าจะเข้ามาคุมทีม ก่อนหน้านั้น 5 ฤดูกาลระหว่างปี 81-86 ทีมจบฤดูกาลด้วยอันดับ 3-4 ตลอด รวมถึงได้ เอฟ.เอ.คัพ 2 ครั้ง ก่อนที่ฤดูกาลถัดมา 1986-1987 จะจมดิ่งลงไปที่รองบ๊วยก่อนที่ป๋าจะได้เข้ามาแทนในเดือน พฤศจิกายน 1986 และฉุดทีมขึ้นมาจบฤดูกาลที่อันดับ 11
ฤดูกาลถัดมาพาทีมไปถึงรองแชมป์
แต่แล้วฤดูกาลถัดมา ทีมกลับมาจบที่อันดับ 11
แล้วยังถัดมาอีกฤดูกาล ปี 89-90 แมนฯยูไนเต็ด จบที่อับดับ 13 นะครับ แต่อย่างที่ทราบว่า ได้แชมป์เอฟ.เอ.คัพ มาช่วยชีวิตป๋าเอาไว้
ฤดูกาลถัดมา ทีมจบที่อันดับ 6 แต่ได้แชมป์ คัพวินเนอส์คัพ
ฤดูกาลถัดมา จบที่รองแชมป์ และได้ลีกคัพ กับ ซุปเปอร์คัพ
แล้วหลังจากนั้นเองถึงจะเป็นยุคของการเถลิงบัลลังค์เกาะอังกฤษอย่างแท้จริง
เซอร์อเล็กซ์ เข้ามาคุม 2 เืดือนก่อนสิ้นปี 1986 และต้องรอถึงจบฤดูกาล 1992-1993 นะครับถึงจะได้แชมป์ลีกครั้งแรก
กว่า 5 ฤดูกาลครึ่ง กันเลยทีเดียวนะครับ
แล้วก็ยังมีช่วงยุคมืดระหว่างปี 2003-2006 กว่า 3 ฤดูกาลที่ทีมไม่ได้แชมป์ลีก โดยได้แชมป์เอฟ.เอ.คัพ และ มิกกี้เม้าส์คัพ มาปลอบใจอย่างละใบเท่านั้นเอง
จะเห็นว่า ขนาดเซอร์อเล็กซ์ ก็ต้องใ้ช้เวลาตั้งนานกว่าทีมจะได้แชมป์ลีก ถ้าบอร์ดยุคโน้นไล่เซอร์อเล็กซ์ออกไปตั้งแต่ฤดูกาลที่ 2-3 จะเกิดอะไรขึ้น แน่นอนว่า ต่างกรรมต่างวาระ เราอาจจะเปรียบเทียบ 2 คน 2 ยุค 2 สภาพแวดล้อมกันไม่ได้แบบเป๊ะๆ แต่ผมยังคิดว่า อย่างน้อยๆ มี 1 ปัจจัยสำคัญสำหรับทั้งคู่และน่าจะเรียกได้ว่าเป็นปัจจัยสำคัญต่อแทบทุกสิ่งอย่างในทุกยุคทุกสมัย นั่นก็คือ "เวลา"
ด้วยความที่เราไม่อาจมองเห็นอนาคตได้ เราอาจจะบอกไม่ได้ว่า บางที เปลี่ยนโค้ชแล้วอาจจะดีขึ้น ผมอาจต้องหน้าแตก
แต่ส่วนตัวผมตั้งค่า เซ็ท "ขีดความอดทน" ของผมไว้แล้ว และมันตั้งไว้ 3 ปี (สำหรับผม) ผมถึงได้มองไปที่จุดนั้น ไม่ใช่ ณ เวลานี้
ผมมองว่า แมนฯยูไนเต็ด พิเศษไม่ใช่ตรงที่ความเทพ ระดับพระเจ้าของเซอร์อเล็กซ์ แต่คือ commitment คือการอุทิศตัว ใช้เวลาไปกับสโมสร จนกลมกลืนเป็นหนึ่งเดียวกับสโมสร ไม่ใช่มือปืนรับจ้างที่มาแล้วก็ไป แมนฯยูไนเต็ด ไม่ควรจะเป็นทีมที่มองเห็นความสำเร็จชั่วข้ามคืนมากกว่าความภักดีและอุทิศตัวต่อสโมสร อย่างน้อย ผมก็หวังว่าจะเป็นอย่างนั้นน่ะนะ
แม้ต้องยอมรับลึกๆ ปัจจุบันโลกฟุตบอลมันวิ่งเร็ว ต้องการความสำเร็จแบบเป็นรูปธรรมชนิดปัจจุบันทันด่วน แฟนบอลเยอะ เงินเยอะ ความคาดหวังก็เยอะ และต้องเร็ว แบบโลกยุคใหม่
แฟนบอลแมนฯยูไนเต็ด พูดกันมาไ่ม่รู้กี่ปีต่อกี่ปี ถึงความ "ไม่เทพ" ของนักเตะในสโมสร แก่บ้าง เด็กบ้าง ฟอร์มผีเข้าผีออกบ้าง ที่เก่งจริงๆ แบบโพลงออกมาเลย เหลือสักกี่คนกัน แต่ละปีแฟนปีศาจแดงอย่างเราๆ เองก็เรียกร้อง วาดฝันอยากจจะได้สารพัดนักเตะดังๆ เก่งๆ ตลอด แล้วเคยได้จริงๆ สักแค่ไหนกันเชียว?
ประเด็นคือ ดูขีดความสามารถนักเตะ กับความสำเร็จที่ได้รับ บางทีมันเหมือนสวนทางกันไม่น่าเชื่อ แล้วมันเพราะใคร?
เพราะความ "พิเศษ" ของ เซอร์ อเล็กซ์ นั่นไง ซึ่งหนึ่งในความ "พิเศษ" ที่ว่า หรือบางทีอาจจะเป็น "ต้นตอ" ของพิเศษนั่นเลยด้วยซ้ำ ก็คือ การอุทิศตัว ผ่านระยะเวลายาวนานกับสโมสร คลุกคลีตีโมงอยู่ชนิดเด็กหลายๆ คนในบอร์ดนี้อาจจะยังไม่เกิดด้วยซ้ำไป
แล้วเราคาดหวังอะไร จากคนที่มาแทนที่เซอร์อเล็กซ์กัน? โค้ชๆ เก่งๆ สักคน ที่มองออกไปตอนนี้ใช้มือสองยังนับไม่พอ เผลอๆ ต้องใช้เท้าด้วย เพราะมันเยอะเหลือเกิน (และแทบทุกคนล้วนเคยทั้งประสบความสำเร็จและล้มเหลวมาทั้งนั้น)
แต่ประเด็นคือ และมีสักกี่คน ที่อยู่เป็นปู่โสมเฝ้าสโมสรเหมือน เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน ?
ผมอาจจะตอบไม่ได้ ว่า มอยส์ จะอยู่กับทีมอีก 3 ปีแล้วค่อยได้แชมป์ แล้วอยู่ไปอีก 10 ปี ผมตอบไม่ได้ว่ามอยส์จะพาทีมความคว้าแชมป์ได้หรือไ่ม่ แต่อย่างหนึ่งที่ผมเห็นในตัว มอยส์ ก็คือ commitment ที่เค้ามีให้กับสโมสร
โค้ชคนอื่นๆ เก่งๆ มีแน่ เค้าอาจเข้ามา 2-3 ปี อาจพาทีมคว้าแชมป์ได้ (หรือไม่ได้) แต่ที่แน่ๆ คือน้อยคนเหลือเกินที่จะอยู่กับสโมสรได้นานเหมือนที่คนแบบ เฟอร์กี้ ทำ
และแน่นอน ที่สำคัญที่สุด ไม่ใช่แค่ตัวคนเป็นโค้ชที่เลือกจะอุทิศตัวและอยู่โยงกับสโมสร แต่ตัวสโมสรเอง บอร์ดบริหาร และแฟนบอล ก็เป็นคนเลือกด้วยว่า ว่าเค้าอยากได้โค้ชแบบไหน
ผมคนนึง ที่ยังอยากให้ เดวิด มอยส์ พิสูจน์ตัวเองต่อไปครับ