รีวิว "TONY MOLY Intense Care Galactomyces First Essence 94.5%" ซึ่งปอใช้เวลาในการใช้เป็นระยะเวลาประมาณ 3 เดือน (นับตั้งแต่วันใช้วันแรกวันที่ 1 ต.ค. 2556 ถึงวันเขียนรีวิววันที่ 9 ม.ค. 2557)
Product's Claimed
Product's Reviewed
มาเริ่มรีวิวกันเลย ปอจะมีบางเรื่องที่จะเปรียบเทียบกับ SK-II (เพราะปอเคยใช้ SK-II มาก่อน)
แพกเกจ (Packaging)
เป็นขวดแก้วเกือบโปร่งใสหรูอยู่นะ บรรจุมาในกล่องสีแดง ตัวฝาปิดเกลียว เปิดปิดได้ง่ายและไม่หกเลอะเทอะ ด้านในมีแผ่นพลาสติกสีขาวปิดรูเทเนื้อผลิตภัณฑ์ไว้อีกชั้น เพื่อความสะอาดที่มากขึ้น รูเทผลิตภัณฑ์ไม่เล็กและไม่ใหญ่จนเกินไป ด้านบรรจุภัณฑ์ถือว่าดีเลยทีเดียว
ราคา (Price)
ถ้าเป็นราคาที่เคาน์เตอร์ประเทศไทย จะอยู่ที่ 2,250 บาท ในปริมาณ 125 ml. แต่ปอซื้อในราคาที่ถูกกว่า เพราะซื้อจากร้านพรีออเดอร์... ถ้าเทียบกับ SK-II ถือว่าถูกแบบสุดๆ ในปริมาณเท่ากันแต่ราคาถูกกว่าถึง 3-4 เท่า
สถานที่ขาย (Selling Store)
เคาน์เตอร์ในไทยจะมีอยู่ที่ชั้น 2 ของห้าง Center One ที่อนุสาวรีชัยสมรภูมิ แต่ถ้าใครอยากได้ในราคาที่ถูกกว่าก็ลองหาร้านหิ้วหรือร้านรับพรีออเดอร์ที่ไว้ใจได้แล้วกัน (:
ส่วนประกอบ (Ingredients)
- Galactomyces Ferment Filtrate: เรียกอีกชื่อว่า "Pitera" สารที่ได้จากการหมักบ่มยีสต์กาแลคโตมัยเซสที่ถูกนำมาเป็นจุดขายของแบรนด์ดังอย่าง SK-II ที่มีส่วนผสมของพิเทร่านี้ถึงประมาณ 90% แต่เจ้าตัวนี้ใส่มามากกว่าถึง 94.5% ซึ่งมากกว่า SK-II แต่มาในราคาที่ถูกกว่ามากกก... สารกาแลคโตมัยเซสหรือพิเทร่านี้เป็นสารในกลุ่มของเปปไตด์ที่มีประสิทธิภาพสูง โดยสารพิเทร่านี้จะช่วยในเรื่องของการกระตุ้นเซลล์ผิวให้เจริญเติบโตและกระตุ้นการแบ่งตัวของเซลล์ ทำให้ผิวดูเต็มและแน่นขึ้น ซึ่งส่งผลมากกับรูขุมขนที่ดูกระชับและเล็กลง และในส่วนที่กระตุ้นการแบ่งตัวของเซลล์นั้นก็ช่วยให้การผลัดเซลล์ผิวทำงานอย่างเป็นปกติ นั่นคือจะมีการผลัดเซลล์ทุกๆ 28 วัน ถ้าร่างกายมีการผลัดเซลล์ผิวช้ากว่านั้นก็จะทำให้ผิวเยี่ยวย่น เกิดริ้วรอย ดังนั้นพิเทร่าจึงมีผลเป็นสาร Anti-Aging โดยตรง แต่การกระตุ้นการแบ่งเซลล์และผลัดเซลล์ผิวนั้นไม่ได้ช่วยเรื่องของสิวโดยตรง แต่เมื่อใช้ไปอย่างต่อเนื่อง สิวก็อาจจะลดลงได้ ในเรื่องของความกระจ่างใส สามารถช่วยได้ เนื่องจากกระบวนการผลัดเซลล์ผิวมีผลให้การสร้างเม็ดสีหรือเมลานินภายใต้ผิวทำอย่างเป็นปกติ ซึ่งโดยปกตินั้นปริมาณเมลานินจะไม่ได้มีจำนวนมากอยู่แล้ว จึงส่งผลในผิวดูกระจ่างใสขึ้น แต่ไม่ได้ช่วยให้ขาวขึ้น! อย่าเข้าในผิด
เอกสารประกอบคำอธิบายภายในกล่อง
- PEG/PPG-17/6 Copolymer: เป็นการรวมตัวกันของสารกักเก็บความชื้น 2 ตัวนั่นคือ Polyethylene Glycol (PEG) และ Polypropylene Glycol (PPG)
- Phenoxyethanol: สารกันเสียที่มีความปลอดภัยสูงและเสี่ยงต่อการระคายเคืองน้อย
- Chlorphenesin: สารกันเสียที่ปลอดภัย แต่อาจก่อให้เกิดการระคายเคืองได้เล็กน้อย
- Ethylhexylglycerin: สารกันแบคทีเรียและเชื้อรา
- Caprylyl Glycol: สารให้ความชุ่มชื้นและปรับสภาพผิวให้พร้อมรับการบำรุงขั้นต่อไป
เนื้อผลิตภัณฑ์ (Texture)
ลักษณะเนื้อผลิตภัณฑ์เป็นเหมือนน้ำเปล่าธรรมดา เหลวและใส กลิ่นอ่อนมากจนแทบจะไม่มีกลิ่นเลย เนื้อจะมีความหนืดกว่าน้ำเล็กน้อย
การใช้งาน (Using Process)
ถ้าดูตามหน้าเว็บไซต์ ทางแบรนด์จะในวิธีการเดียวกับ SK-II นั่นคือให้เทใส่สำลีแผ่นๆ ในปริมาณเล็กน้อย แล้วลูบไล้ให้ทั่วใบหน้าและลำคอ แต่ปอไม่ทำแบบนั้นนะ ตั้งแต่ใช้ SK-II แล้วแหละ วิธีของปอคือเทใส่ฝ่ามือในปริมาณเล็กน้อย (ประมาณ 6 หยด) จากนั้นตบเบาๆ ให้ทั่วใบหน้าและลำคอ ตบหรือนวดเบาๆ จนกว่าผลิตภัณฑ์จะซึมซาบหมด
ความรู้สึกและผลการใช้งาน (Feeling & Using Result)
สำหรับความรู้สึกเมื่อใช้งาน ปอรู้สึกว่ามันให้ความชุ่มชื้นพอสมควรเลย ซึ่งต่างจาก SK-II ที่ปอว่ามันไม่ค่อยเน้นเรื่องความชุ่มชื้นมากเท่าไร พอตบลงไปที่ใบหน้าจะรู้สึกถึงความหนึบของเนื้อผลิตภัณฑ์เล็กน้อย ที่ปอบอกว่ามันสามารถนวดได้ด้วย ก็เพราะว่าเจ้าตัวนี้ซึมซาบค่อยข้างช้า มันเหมือนจะมีความมันปนอยู่เล็กน้อย อาจจะเป็นเพราะสารให้ความชุ่มชื้นที่ใส่เข้ามา แต่นวดไปเรื่อยๆ ไม่นานก็ซึบซาบหมด สำหรับปอว่ามันไม่ใช่ข้อเสียนะ แต่กลับเป็นข้อดีอีกต่างหาก เพราะมันจะทำให้เรามีเวลาค่อยๆ นวดบำรุงและกระตุ้นเซลล์ผิวมากขึ้น ตรงนี้จะต่างหาก SK-II อย่างสิ้นเชิง เพราะ SK-II จะซึบซาบไวและไม่ทิ้งความมันอะไรไว้ แนะนำว่ายิ่งแช่ตู้เย็นแล้วเอามาใช้ จะรู้สึกสดชื่นมากขึ้น
ก่อนจะไปดูในเรื่องของผลลัพธ์ ปอต้องให้ดูสกินแคร์ตัวอื่นๆ ที่ใช้ควบคู่กันไปด้วย
ในเรื่องของผลลัพธ์ ในระยะแรกที่ใช้ไม่ค่อยเห็นผลอะไรมากเท่าไร จะรู้สึกแค่ว่าผิวนุ่มและดูแน่น ดูเต็มอิ่มขึ้น แต่เมื่อใช้งานไปเรื่อยๆ จะเริ่มเห็นผลที่ชัดมากขึ้น ผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นชัดเจนที่สุดสำหรับปอคือเรื่องของรูขุมขน มันกระชับและเล็กลงมากถ้าเทียบกับก่อนใช้ ผิวไม่ขาวขึ้นนะ แต่มันจะดูใสและเป็นประกายมาจากด้านในมากขึ้น ส่วนเรื่องสิวอักเสบที่มันจะมีขึ้นบ้างบางครั้งและสิวอุดตันมันไม่ได้ช่วยอะไรเท่าไร เรื่องรอยด่างดำก็เหมือนจะไม่ค่อยได้ช่วยเท่าไรนะ ถ้าใครมีจุดด่างดำเยอะหน่อย ควรหาผลิตภัณฑ์ตัวอื่นมาช่วยเสริมในเรื่องนั้นๆ ส่วนเรื่องริ้วรอย เนื่องจากอายุและผิวปอยังไม่มีริ้วรอยที่เห็นได้อย่างชัดเจน จึงไม่สามารถบอกเรื่องนี้ได้ แต่โดยรวมแล้วถือว่าเป็นผลิตภัณฑ์ที่น่าลงทุนนะ สำหรับใครที่อาจจะตัดใจซื้อ SK-II ตลอดไม่ได้ แน่นอนว่าปอก็เลือกที่จะซื้อตัวนี้เช่นกัน แต่ต้องย้ำด้วยว่าผลิตภัณฑ์ตัวนี้เป็นสิ่งที่ค่อนข้างต้องใช้ระยะเวลาพอสมควรและต้องหมั่นใช้งานอย่างต่อเนื่องไม่ได้เห็นผลปุ๊บปั๊บแบบชั่วข้ามคืน
ก่อนใช้ผลิตภัณฑ์ (01-08-2013)
รูปหลังใช้เกือบ 3 เดือน (20-12-2013)
**รูปทั้ง 2 รูปไม่มีการแต่งแสงหรือใช้เทคนิคแต่งรูปเพิ่มเติมใดๆ ทั้งสิ้น** ดูจากรูปสังเกตได้ชัดเจนว่ารูขุมขนปอกระชับและดูเล็กลงมาก ผิวก็ดูกระจ่างใสขึ้นด้วยเล็กน้อย
ระยะเวลาประมาณ 3 เดือนปอใช้ผลิตภัณฑ์หมดไปค่อยข้างเยอะนะ
สรุป (Conclusion)
จริงๆ ก็บอกไปข้างต้นแล้วแหละว่ามันเป็นยังไง เอาเป็นว่าสำหรับตัวปอน่ะชอบ และรู้สึกว่ามันโอเคกว่า SK-II ด้วย (ความรู้สึกส่วนตัวนะ) ทั้งนี้ทั้งนั้นขึ้นอยู่กับความชอบของแต่ละบุคคล ถ้าใครชอบแบบซึบซาบไว ไม่รู้สึกเหนอะหน้า (บวกความไฮโซของตัวแบรนด์) แนะนำ SK-II แต่ถ้าชอบนวดเรื่อยๆ ให้ความชุ่มชื้นที่มากกว่าก็ TONY MOLY ตัวนี้ แต่ก่อนอื่นต้องมั่นใจนะว่าไม่แพ้สารพิเทร่า ไม่งั้นก็จบทุกอย่าง...
ข้อดี
- แพกเกจหรูหรา แข็งแรง และสะอาด
- ความเข้มข้นของสารหลักอย่าง Galactomyces Ferment Filtrate มาก
- ให้ความชุ่มชื้นดี
- ปราศจากสารกันเสียที่เสี่ยงต่อการระคายเคืองอย่าง Paraben, แอลกอฮอล์, น้ำหอม และน้ำมันสกัดต่างๆ
- ราคาถูกมากเมื่อเทียบกับปริมาณและแบรนด์ที่ใกล้เคียง
ข้อเสีย
- หาซื้อยาก เมื่อนำเข้าไทยราคาค่อนข้างสูง
- แอบมีความเหนอะหนะและทิ้งความมันไว้เล็กน้อย ต้องใช้เวลานวดสักพักถึงจะซึบซาบหมด
Porsche Por
[CR] Review - TONY MOLY Intense Care Galactomyces First Essence 94.5%
Product's Claimed
Product's Reviewed
มาเริ่มรีวิวกันเลย ปอจะมีบางเรื่องที่จะเปรียบเทียบกับ SK-II (เพราะปอเคยใช้ SK-II มาก่อน)
แพกเกจ (Packaging)
เป็นขวดแก้วเกือบโปร่งใสหรูอยู่นะ บรรจุมาในกล่องสีแดง ตัวฝาปิดเกลียว เปิดปิดได้ง่ายและไม่หกเลอะเทอะ ด้านในมีแผ่นพลาสติกสีขาวปิดรูเทเนื้อผลิตภัณฑ์ไว้อีกชั้น เพื่อความสะอาดที่มากขึ้น รูเทผลิตภัณฑ์ไม่เล็กและไม่ใหญ่จนเกินไป ด้านบรรจุภัณฑ์ถือว่าดีเลยทีเดียว
ราคา (Price)
ถ้าเป็นราคาที่เคาน์เตอร์ประเทศไทย จะอยู่ที่ 2,250 บาท ในปริมาณ 125 ml. แต่ปอซื้อในราคาที่ถูกกว่า เพราะซื้อจากร้านพรีออเดอร์... ถ้าเทียบกับ SK-II ถือว่าถูกแบบสุดๆ ในปริมาณเท่ากันแต่ราคาถูกกว่าถึง 3-4 เท่า
สถานที่ขาย (Selling Store)
เคาน์เตอร์ในไทยจะมีอยู่ที่ชั้น 2 ของห้าง Center One ที่อนุสาวรีชัยสมรภูมิ แต่ถ้าใครอยากได้ในราคาที่ถูกกว่าก็ลองหาร้านหิ้วหรือร้านรับพรีออเดอร์ที่ไว้ใจได้แล้วกัน (:
ส่วนประกอบ (Ingredients)
- Galactomyces Ferment Filtrate: เรียกอีกชื่อว่า "Pitera" สารที่ได้จากการหมักบ่มยีสต์กาแลคโตมัยเซสที่ถูกนำมาเป็นจุดขายของแบรนด์ดังอย่าง SK-II ที่มีส่วนผสมของพิเทร่านี้ถึงประมาณ 90% แต่เจ้าตัวนี้ใส่มามากกว่าถึง 94.5% ซึ่งมากกว่า SK-II แต่มาในราคาที่ถูกกว่ามากกก... สารกาแลคโตมัยเซสหรือพิเทร่านี้เป็นสารในกลุ่มของเปปไตด์ที่มีประสิทธิภาพสูง โดยสารพิเทร่านี้จะช่วยในเรื่องของการกระตุ้นเซลล์ผิวให้เจริญเติบโตและกระตุ้นการแบ่งตัวของเซลล์ ทำให้ผิวดูเต็มและแน่นขึ้น ซึ่งส่งผลมากกับรูขุมขนที่ดูกระชับและเล็กลง และในส่วนที่กระตุ้นการแบ่งตัวของเซลล์นั้นก็ช่วยให้การผลัดเซลล์ผิวทำงานอย่างเป็นปกติ นั่นคือจะมีการผลัดเซลล์ทุกๆ 28 วัน ถ้าร่างกายมีการผลัดเซลล์ผิวช้ากว่านั้นก็จะทำให้ผิวเยี่ยวย่น เกิดริ้วรอย ดังนั้นพิเทร่าจึงมีผลเป็นสาร Anti-Aging โดยตรง แต่การกระตุ้นการแบ่งเซลล์และผลัดเซลล์ผิวนั้นไม่ได้ช่วยเรื่องของสิวโดยตรง แต่เมื่อใช้ไปอย่างต่อเนื่อง สิวก็อาจจะลดลงได้ ในเรื่องของความกระจ่างใส สามารถช่วยได้ เนื่องจากกระบวนการผลัดเซลล์ผิวมีผลให้การสร้างเม็ดสีหรือเมลานินภายใต้ผิวทำอย่างเป็นปกติ ซึ่งโดยปกตินั้นปริมาณเมลานินจะไม่ได้มีจำนวนมากอยู่แล้ว จึงส่งผลในผิวดูกระจ่างใสขึ้น แต่ไม่ได้ช่วยให้ขาวขึ้น! อย่าเข้าในผิด
- PEG/PPG-17/6 Copolymer: เป็นการรวมตัวกันของสารกักเก็บความชื้น 2 ตัวนั่นคือ Polyethylene Glycol (PEG) และ Polypropylene Glycol (PPG)
- Phenoxyethanol: สารกันเสียที่มีความปลอดภัยสูงและเสี่ยงต่อการระคายเคืองน้อย
- Chlorphenesin: สารกันเสียที่ปลอดภัย แต่อาจก่อให้เกิดการระคายเคืองได้เล็กน้อย
- Ethylhexylglycerin: สารกันแบคทีเรียและเชื้อรา
- Caprylyl Glycol: สารให้ความชุ่มชื้นและปรับสภาพผิวให้พร้อมรับการบำรุงขั้นต่อไป
เนื้อผลิตภัณฑ์ (Texture)
ลักษณะเนื้อผลิตภัณฑ์เป็นเหมือนน้ำเปล่าธรรมดา เหลวและใส กลิ่นอ่อนมากจนแทบจะไม่มีกลิ่นเลย เนื้อจะมีความหนืดกว่าน้ำเล็กน้อย
การใช้งาน (Using Process)
ถ้าดูตามหน้าเว็บไซต์ ทางแบรนด์จะในวิธีการเดียวกับ SK-II นั่นคือให้เทใส่สำลีแผ่นๆ ในปริมาณเล็กน้อย แล้วลูบไล้ให้ทั่วใบหน้าและลำคอ แต่ปอไม่ทำแบบนั้นนะ ตั้งแต่ใช้ SK-II แล้วแหละ วิธีของปอคือเทใส่ฝ่ามือในปริมาณเล็กน้อย (ประมาณ 6 หยด) จากนั้นตบเบาๆ ให้ทั่วใบหน้าและลำคอ ตบหรือนวดเบาๆ จนกว่าผลิตภัณฑ์จะซึมซาบหมด
ความรู้สึกและผลการใช้งาน (Feeling & Using Result)
สำหรับความรู้สึกเมื่อใช้งาน ปอรู้สึกว่ามันให้ความชุ่มชื้นพอสมควรเลย ซึ่งต่างจาก SK-II ที่ปอว่ามันไม่ค่อยเน้นเรื่องความชุ่มชื้นมากเท่าไร พอตบลงไปที่ใบหน้าจะรู้สึกถึงความหนึบของเนื้อผลิตภัณฑ์เล็กน้อย ที่ปอบอกว่ามันสามารถนวดได้ด้วย ก็เพราะว่าเจ้าตัวนี้ซึมซาบค่อยข้างช้า มันเหมือนจะมีความมันปนอยู่เล็กน้อย อาจจะเป็นเพราะสารให้ความชุ่มชื้นที่ใส่เข้ามา แต่นวดไปเรื่อยๆ ไม่นานก็ซึบซาบหมด สำหรับปอว่ามันไม่ใช่ข้อเสียนะ แต่กลับเป็นข้อดีอีกต่างหาก เพราะมันจะทำให้เรามีเวลาค่อยๆ นวดบำรุงและกระตุ้นเซลล์ผิวมากขึ้น ตรงนี้จะต่างหาก SK-II อย่างสิ้นเชิง เพราะ SK-II จะซึบซาบไวและไม่ทิ้งความมันอะไรไว้ แนะนำว่ายิ่งแช่ตู้เย็นแล้วเอามาใช้ จะรู้สึกสดชื่นมากขึ้น
ก่อนจะไปดูในเรื่องของผลลัพธ์ ปอต้องให้ดูสกินแคร์ตัวอื่นๆ ที่ใช้ควบคู่กันไปด้วย
ในเรื่องของผลลัพธ์ ในระยะแรกที่ใช้ไม่ค่อยเห็นผลอะไรมากเท่าไร จะรู้สึกแค่ว่าผิวนุ่มและดูแน่น ดูเต็มอิ่มขึ้น แต่เมื่อใช้งานไปเรื่อยๆ จะเริ่มเห็นผลที่ชัดมากขึ้น ผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นชัดเจนที่สุดสำหรับปอคือเรื่องของรูขุมขน มันกระชับและเล็กลงมากถ้าเทียบกับก่อนใช้ ผิวไม่ขาวขึ้นนะ แต่มันจะดูใสและเป็นประกายมาจากด้านในมากขึ้น ส่วนเรื่องสิวอักเสบที่มันจะมีขึ้นบ้างบางครั้งและสิวอุดตันมันไม่ได้ช่วยอะไรเท่าไร เรื่องรอยด่างดำก็เหมือนจะไม่ค่อยได้ช่วยเท่าไรนะ ถ้าใครมีจุดด่างดำเยอะหน่อย ควรหาผลิตภัณฑ์ตัวอื่นมาช่วยเสริมในเรื่องนั้นๆ ส่วนเรื่องริ้วรอย เนื่องจากอายุและผิวปอยังไม่มีริ้วรอยที่เห็นได้อย่างชัดเจน จึงไม่สามารถบอกเรื่องนี้ได้ แต่โดยรวมแล้วถือว่าเป็นผลิตภัณฑ์ที่น่าลงทุนนะ สำหรับใครที่อาจจะตัดใจซื้อ SK-II ตลอดไม่ได้ แน่นอนว่าปอก็เลือกที่จะซื้อตัวนี้เช่นกัน แต่ต้องย้ำด้วยว่าผลิตภัณฑ์ตัวนี้เป็นสิ่งที่ค่อนข้างต้องใช้ระยะเวลาพอสมควรและต้องหมั่นใช้งานอย่างต่อเนื่องไม่ได้เห็นผลปุ๊บปั๊บแบบชั่วข้ามคืน
**รูปทั้ง 2 รูปไม่มีการแต่งแสงหรือใช้เทคนิคแต่งรูปเพิ่มเติมใดๆ ทั้งสิ้น** ดูจากรูปสังเกตได้ชัดเจนว่ารูขุมขนปอกระชับและดูเล็กลงมาก ผิวก็ดูกระจ่างใสขึ้นด้วยเล็กน้อย
ระยะเวลาประมาณ 3 เดือนปอใช้ผลิตภัณฑ์หมดไปค่อยข้างเยอะนะ
สรุป (Conclusion)
จริงๆ ก็บอกไปข้างต้นแล้วแหละว่ามันเป็นยังไง เอาเป็นว่าสำหรับตัวปอน่ะชอบ และรู้สึกว่ามันโอเคกว่า SK-II ด้วย (ความรู้สึกส่วนตัวนะ) ทั้งนี้ทั้งนั้นขึ้นอยู่กับความชอบของแต่ละบุคคล ถ้าใครชอบแบบซึบซาบไว ไม่รู้สึกเหนอะหน้า (บวกความไฮโซของตัวแบรนด์) แนะนำ SK-II แต่ถ้าชอบนวดเรื่อยๆ ให้ความชุ่มชื้นที่มากกว่าก็ TONY MOLY ตัวนี้ แต่ก่อนอื่นต้องมั่นใจนะว่าไม่แพ้สารพิเทร่า ไม่งั้นก็จบทุกอย่าง...
ข้อดี
- แพกเกจหรูหรา แข็งแรง และสะอาด
- ความเข้มข้นของสารหลักอย่าง Galactomyces Ferment Filtrate มาก
- ให้ความชุ่มชื้นดี
- ปราศจากสารกันเสียที่เสี่ยงต่อการระคายเคืองอย่าง Paraben, แอลกอฮอล์, น้ำหอม และน้ำมันสกัดต่างๆ
- ราคาถูกมากเมื่อเทียบกับปริมาณและแบรนด์ที่ใกล้เคียง
ข้อเสีย
- หาซื้อยาก เมื่อนำเข้าไทยราคาค่อนข้างสูง
- แอบมีความเหนอะหนะและทิ้งความมันไว้เล็กน้อย ต้องใช้เวลานวดสักพักถึงจะซึบซาบหมด
Porsche Por