นับเป็นเวลาที่ยาวนานกว่า 3 เดือน หรือ 1 ไตรมาสเต็มๆ นับตั้งแต่ ซัมซุง ประเทศไทย ตัดสินใจนำเข้า และเปิดให้จอง Samsung Galaxy Note 3 รุ่น 3G (โมเดล N9000) ล่วงหน้าไปตั้งแต่ช่วงวันที่ 18-24 กันยายน 2013 และรับเครื่องได้ในช่วงวันที่ 25-28 กันยายน 2013 ซึ่งก็มีผู้ที่ให้ความสนใจจับจองกันอย่างอย่างล้นหลาม แต่ในขณะเดียวกัน คำถามที่คาใจผู้ซื้อมาตลอดก็คือเพราะเหตุใด ซัมซุง ประเทศไทย จึงไม่นำ Samsung Galaxy Note 3 รุ่น 4G LTE (โมเดล N9005) ซึ่งดูน่าจะมีคุณสมบัติโดยรวมที่เหนือกว่า เข้ามาจำหน่ายด้วยตั้งแต่แรก
สุดท้ายแล้ว จะด้วยกระแสความต้องการของผู้ซื้อ หรืออะไรก็แล้วแต่ มาวันนี้ทาง ซัมซุง ประเทศไทย ก็ได้ตัดสินใจนำ Samsung Galaxy Note 3 รุ่น 4G LTE (โมเดล N9005) มาวางจำหน่ายในประเทศไทยอย่างเป็นทางการเรียบร้อยแล้ว ด้วยราคาเปิดตัวที่ 24,900 บาท ซึ่งเป็นราคาที่สูงกว่า Samsung Galaxy Note 3 รุ่น 3G (โมเดล N9000) ที่มีราคาเปิดตัวอยู่ที่ 23,500 บาท กว่า 1,400 บาท ดังนั้น ด้วยราคาตั้งที่สูงกว่าของรุ่น 4G LTE ก็คงจะพอให้ภาพที่ชัดเจนมากขึ้นว่า Samsung Galaxy Note 3 รุ่น 4G LTE (โมเดล N9005) นั้นมีคุณสมบัติบางอย่างที่เหนือกว่า Samsung Galaxy Note 3 รุ่น 3G (โมเดล N9000) เพราะฉะนั้น เราจะมาดูกันว่า Samsung Galaxy Note 3 ทั้ง 2 รุ่นนี้นั้นมีคุณสมบัติที่แตกต่างกันอย่างไร ควรจะเลือกซื้อรุ่นไหนมากกว่ากัน?
เปรียบเทียบ Samsung Galaxy Note 3 รุ่น 4G LTE และ 3G แตกต่างกันอย่างไร และควรเลือกซื้อรุ่นไหนดี?
สุดท้ายแล้ว จะด้วยกระแสความต้องการของผู้ซื้อ หรืออะไรก็แล้วแต่ มาวันนี้ทาง ซัมซุง ประเทศไทย ก็ได้ตัดสินใจนำ Samsung Galaxy Note 3 รุ่น 4G LTE (โมเดล N9005) มาวางจำหน่ายในประเทศไทยอย่างเป็นทางการเรียบร้อยแล้ว ด้วยราคาเปิดตัวที่ 24,900 บาท ซึ่งเป็นราคาที่สูงกว่า Samsung Galaxy Note 3 รุ่น 3G (โมเดล N9000) ที่มีราคาเปิดตัวอยู่ที่ 23,500 บาท กว่า 1,400 บาท ดังนั้น ด้วยราคาตั้งที่สูงกว่าของรุ่น 4G LTE ก็คงจะพอให้ภาพที่ชัดเจนมากขึ้นว่า Samsung Galaxy Note 3 รุ่น 4G LTE (โมเดล N9005) นั้นมีคุณสมบัติบางอย่างที่เหนือกว่า Samsung Galaxy Note 3 รุ่น 3G (โมเดล N9000) เพราะฉะนั้น เราจะมาดูกันว่า Samsung Galaxy Note 3 ทั้ง 2 รุ่นนี้นั้นมีคุณสมบัติที่แตกต่างกันอย่างไร ควรจะเลือกซื้อรุ่นไหนมากกว่ากัน?