สัมภาษณ์ของผู้หญิงธรรมดา "พันซ์ วรกาญจน์"

เจอมาจากหนังสือพิมพ์ข่าวสดค่ะ  เป็นสัมภาษณ์ที่บ่งบอกตัวตนของพันซ์ได้ดีเลยทีเดียว

พั้นช์"มีเป้าหมายชีวิต สุขอยู่รอบตัว-ไม่ไขว่คว้า

จากบทบาทนักร้อง ตอนนี้สาว "พั้นช์" วรกาญจน์ โรจนวัชร เริ่มหันมาเอาดีทางด้านงานแสดงมากขึ้น

หลังประเดิมละครเรื่องแรก "ทัดดาวบุษยา" กับวลีเด็ด "เจ้าฮะ" จนดังเปรี้ยง ตามด้วย "ท่านชายในสายหมอก" และล่าสุด "รักสุดฤทธิ์" ที่จับคู่กับพระเอกฮอต "เจมส์"จิรายุ ตั้งศรีสุข ทางช่อง 3

โอกาสดีที่นักร้องสาวมาเยี่ยม เลยได้จับเข่าพูดคุย

เป็นอย่างไรบ้างกับงานละคร

พั้นช์ - "ก็ค่อยๆ เรียนรู้ไป กับละคร "รักสุดฤทธิ์" เป็นเรื่องที่ 3 แล้ว พอได้เล่นละครไป 2 เรื่อง ก็เริ่มรู้เรื่องบล็อกกิ้งอะไรบ้าง จากที่ไม่รู้อะไรเลย ฉากแรกที่ได้เล่นเรื่องแรก "ทัดดาวบุษยา" แค่ฉากเดียวไม่มีบทพูดใช้เวลา 3 ชั่วโมง เกรงใจ พี่กบ-ปภัสรา ที่มารอ แต่พอสักพักผ่านไปก็เริ่มชินกับการถ่ายละคร และเริ่มเรียนรู้จากพี่ๆ หลายคน ก็เริ่มเข้าที่เข้าทาง"

คิดไหมว่าจะได้มาเป็น นักแสดง

พั้นช์ - "ไม่คิดค่ะ เข้ามาวงการตั้งใจมาร้องเพลงอย่างเดียว แม้แต่ตอนที่ พี่ตู่ (ปิยวดี มาลีนนท์) ติดต่อให้เล่น "ทัดดาวบุษยา" ก็ปฏิเสธไปด้วย ที่ปฏิเสธเพราะตอนนั้นไม่มั่นใจว่าจะเป็น นักแสดงได้ พี่เขาก็หายไปเป็นเดือน จนพั้นช์คิดว่าคงไม่ได้เล่นแล้ว แต่พี่ตู่ก็กลับมาอีกครั้ง บอกว่าอยากได้เราเล่นจริงๆ พั้นช์ก็เริ่มเกรงใจ ทุกคนทั้งแม่ทั้งผู้ใหญ่ที่แกรมมี่ก็บอกว่าให้ลองดูไหม ก็โอเคลองดูก็ได้"

"ก่อนถ่ายจริงก็ไปเรียนแอ๊กติ้ง การเรียนนี่แหละคือสิ่งที่ไม่ชอบ (หัวเราะ) รู้สึกว่าทำไมต้องพูดคนเดียว จินตนาการภาพเอง เรียนเสร็จปวดหัวทุกครั้ง คิดว่าคงไม่ใช่เรา แต่พอผ่านไปก็โอเค เป็นอีกงานที่พั้นช์ได้ทำ"

ละครเรื่องแรก "ทัดดาวบุษยา" ออกอากาศเป็นอย่างไรบ้าง

พั้นช์ - "อาจเพราะคาแร็กเตอร์ไม่ต่างจากตัวพั้นช์ ไม่ต้องสวยด้วยเพราะต้องปลอมเป็นผู้ชาย เลยสบายใจ เพราะการเป็นนางเอกต้องเป็นอะไรที่สวยเพอร์เฟ็กต์ พอมาเป็น "ทัดดาว" ก็ง่ายขึ้นสำหรับเรา ก็ลองเล่นดู แต่ถ้าเกิดตอนนั้นพี่ตู่ติดต่อให้เล่นอะไรที่เป็นผู้หญิงสวยๆ พั้นช์คงไม่ได้เล่นตั้งแต่ตอนนั้นแล้ว และ "ทัดดาว" เป็นการเปิดตัวเล่นละครที่มากสำหรับพั้นช์ ก็มีแฟนคลับเพิ่มขึ้น เวลาไปไหนคนเรียก "เจ้าฮะ" ได้รับคำชมก็ดีใจ"

แล้วละครเรื่องที่ 2 ล่ะ

พั้นช์ - "เรื่อง "ท่านชายในสายหมอก" กระแสจะลดลงมา และที่รับเล่นเรื่องนี้อย่างนึงเพราะต้องเล่นเป็นผู้ชายอีกเหมือนกัน (หัวเราะ) เขาคงคิดว่าพั้นช์เคยเล่นเป็นผู้ชายมาแล้ว เรื่องนี้คงไม่ยาก แต่เขาไม่ได้บอกว่าต้องเล่นลิเก พอไปเรียนการแสดง ตกลงรับเล่น กลับมาเรียนลิเก ร้องลิเก ไม่รู้เลยว่าต้องเล่นลิเกด้วย ต้องบอกว่าลิเกยาก แต่ก็สนุกนะ เพราะพั้นช์เป็นคนชอบดูลิเก"

นักร้องกับนักแสดงชอบแบบไหนมากกว่ากัน

พั้นช์ - "พั้นช์ก็ยังรักการร้องเพลงอยู่ดี การเล่นละครเป็นเหมือนการต่อยอด เป็นประสบการณ์ เป็นอีกงานที่ีแฟนคลับอยากเห็น ซึ่งพั้นช์โชคดีที่พี่ตู่ให้โอกาส ละครถามว่าเป็นอาชีพหลักเลยไหม คงไม่ เพราะพั้นช์ต้องดูบทที่พั้นช์รู้สึกว่าพั้นช์สามารถทำได้ แต่ยังไงพั้นช์ก็ยึดอาชีพร้องเพลง เพราะรู้สึกเป็นพั้นช์ที่สุด"

ใน "รักสุดฤทธิ์" ประกบ "เจมส์-จิรายุ" เป็นยังไงบ้าง

พั้นช์ - "พั้นช์เจอเจมส์ตั้งแต่เขายังไม่ดัง ตอนแรกที่บอกว่าต้องมาเจอน้องนักแสดงหน้าใหม่ที่เป็นเด็กใหม่ช่อง 3 พั้นช์ยังไม่เคยเห็นหน้า จนเขาบอกว่าตัวสูง หล่อ น่ารัก แต่อายุ 18 ปี พั้นช์ก็คิดว่าโอ้โห ทำไมเด็กจัง เลยอยากเห็น พอเห็นแล้วเขาก็ได้ เพราะเจมส์ไม่ได้ดูเด็กขนาดนั้น พอได้ร่วมงานกันก็ทำงานง่ายดี เป็นคนง่ายๆ สบายๆ เข้าขากันประมาณนึง เวลาอยู่ด้วยกันในกองทุกคนจะเป็นตัวเองเลยทำให้เวลาทำงานไม่กดดันกัน"

รู้สึกอย่างไรกับฟีดแบ็กที่ว่า "พั้นช์" ไม่เหมาะนางเอก

พั้นช์ - "หลายคนอาจรู้สึกว่าทำไมเอาพั้นช์มาเล่นกับเจมส์ สำหรับพั้นช์มันเป็นความรู้สึกของคนที่เขาจิ้น กับคู่จิ้นแต่ละคู่มากกว่า ก็จะมีแฟนคลับมาปกป้องพั้นช์ แต่อยากบอกว่าจริงๆ พั้นช์ไม่รู้สึกแย่ขนาดนั้น มันเป็นการทำงาน อยากให้ดูผลงาน"

คนมองเป็นนางเอกคู่บุญ "ตู่-ปิยวดี"

พั้นช์ - "ก่อนเล่น พี่ตู่จะมีไปดูดวงด้วยนะ (หัวเราะ) เขาบอกดวงพั้นช์กับดวงบริษัทเกื้อหนุนกัน ต้องขอบคุณพี่ตู่มากที่ทำให้พั้นช์เล่นละครได้ ถ้าพี่ตู่ไม่ติดต่อให้เล่นละครก็คงไม่มีคนมาติด ต่อให้เล่นบท "ทัดดาว" แบบนั้น ซึ่งก่อนหน้านั้นก็มีค่ายอื่นติดต่อมา แต่ก็ปฏิเสธไปเพราะบทไกลตัว"

อยู่ในวงการมานานแค่ไหนแล้ว

พั้นช์ - "8-9 ปีได้ ชีวิตเปลี่ยนไปในทางที่ดีขึ้น พั้นช์สามารถดูแลครอบครัวได้ดีขึ้น มีจุดมุ่งหมาย มีเป้าหมายในชีวิตแล้วว่าต้องการอะไร ทำอะไร พั้นช์มีอะไรที่ มาซัพพอร์ตตัวเองได้แล้วก็รู้สึกดีและสบายใจ ส่วนการทำงานโอเคหลักๆ รู้สึกโชคดีที่ได้มาอยู่ตรงนี้ ทำให้ครอบครัวมีความสุข และต่อไปถึงแม้จะไม่ได้ทำงานตรงนี้ก็ไม่ได้รู้สึกว่าพั้นช์หล่นลงมา เพราะพั้นช์วางแผนไว้ระดับนึงแล้ว ความสุขของพั้นช์ไม่จำเป็นต้องไขว่คว้าอะไรมากมาย ความสุขอยู่ใกล้ตัวพั้นช์"

วางอนาคตในวงการไว้อย่างไร

พั้นช์ - "เรื่อยๆ นะ ตอนนี้หลักๆ คือร้องเพลง อย่างละครนานๆ จะโผล่สักเรื่อง คงร้องเพลงต่อไป หรือไม่ก็แต่งเพลงในสิ่งที่ชอบ แต่ถ้าไม่ได้ทำงานในวงการแล้วก็คงไปทำธุรกิจ ที่เล็งไว้ซื้อที่ดินซึ่งตอนนี้ก็มีบ้าง หรือไม่ก็ทำร้านอาหาร ร้านกาแฟ หรือปลูกหอพักให้เช่าค่ะ"



เล็งงานเบื้องหลัง

เข้าวงการมา 8-9 ปี นักร้องสาว "พั้นช์-วรกาญจน์" ออกงานเพลงมาถึง 7 อัลบั้ม โดยอัลบั้มล่าสุดมีชื่อว่าอัลบั้ม "บทที่ 7" ซึ่งไม่รวมอัลบั้มพิเศษอื่นๆ โดยเจ้าตัวเผยถึงงานเพลงว่า

"พั้นช์ออกอัลบั้มเพลงมา 7 อัลบั้มแล้ว ก็มีขึ้นๆ ลงๆ (หัวเราะ) แต่ก็ทำให้พั้นช์ได้รู้ว่ามีแฟนเพลง แฟนคลับที่ยังอยู่กับพั้นช์ ยังรักกันอยู่ ที่มีอัลบั้มได้เพราะพวกเขาสนับสนุนกันด้วย และคนจะรู้จักพั้นช์เพราะการเป็นนักร้องนี่แหละ อย่างละครก็มาเพิ่มสีสันให้ชีวิตของพั้นช์มากกว่าค่ะ"

ถามว่าคิดไหมว่าจะมีอัลบั้มถึง 7 อัลบั้ม นักร้องสาวหัวเราะ "คิดว่าเป็น นักร้องเข้ามาแกรมมี่ไหม ก็ยังไม่คิด เพราะพั้นช์ก็ร้องเพลงกับครอบครัวอยู่แล้ว ถ้าวันนี้ไม่ได้ออกอัลบั้มกับแกรมมี่ พั้นช์ก็คงวิ่งรอกร้องเพลงของพั้นช์ไปตามประสา พอได้มีโอกาสเป็นนักร้องก็รู้สึกว่าพั้นช์จะทำให้มันดีที่สุด ต่อไปในอนาคตอาจจะไม่ได้ออกอัลบั้ม หรืออาจมีแต่ซิงเกิลก็ได้ พั้นช์ไม่ซีเรียสอยู่แล้ว รวมไปถึงก็มีแต่งเพลงไว้บ้าง พั้นช์ก็รู้สึกว่าถ้าไม่ได้อยู่เบื้องหน้าพั้นช์ก็อยู่เบื้องหลังก็ได้"



คบ 7 ปีรักไม่หวือหวา-ต่างเป็นตัวเอง

อาจเป็นเพราะอายุไม่ใช่น้อยแล้ว พอถามเรื่องความรัก นักร้องสาว "พั้นช์-วรกาญจน์" เลยตอบแบบไม่มีปิดบังว่า "มีแฟนแล้วค่ะ"

จากนั้นก็ขยายความต่อว่า "แต่อาจจะไม่ค่อยหวือหวา รู้สึกว่าเป็นเหมือนเพื่อนกันด้วย"

อย่างการที่ทำงานในวงการซึ่งไม่ค่อยมีเวลา แฟนหนุ่มเข้าใจไหม พั้นช์กล่าวว่า "ต้องบอกว่าถึงแม้พั้นช์ทำงานในวงการก็จริง แต่พั้นช์ก็มีเวลาให้ครอบครัวของพั้นช์ รวมถึงตัวเขาด้วยค่ะ ซึ่งเรารู้จักกันมาปีนี้เข้าปีที่ 7 แล้ว ก็รู้สึกว่ามันอาจจะไม่ได้หวานเหมือนแรกๆ แต่เป็นความรู้สึกเหมือนเพื่อนที่คุยกันได้รู้เรื่อง ง่ายๆ และพั้นช์ก็เป็นตัวพั้นช์เอง"

"ความที่เป็นตัวพั้นช์เอง เวลาอยู่กับเขาทำให้ รู้สึกคบกันนานดี ไม่วุ่นวาย ไม่งี่เง่า เข้าใจ เหมือนใช้ง่าย (หัวเราะ) เป็นคนดูแล และเป็นอย่างนี้ตั้งแต่แรก ถ้าพั้นช์ต้องการความช่วยเหลืออะไร เขาก็จะสามารถ ไม่ใช่แค่กับพั้นช์ แต่กับครอบครัวพั้นช์ด้วย"

อย่างนี้ที่บ้านก็ค่อนข้างปลื้มกับคนนี้น่ะสิ "ใช่ค่ะ ที่บ้านรับรู้หมดค่ะ"

เขามีอารมณ์หึงไหม เพราะพั้นช์ทำงานในวงการต้องเจอคนเยอะ นักร้องสาวกล่าวว่า "ไม่ค่อยค่ะ เป็นอย่างนี้ดีแล้ว (หัวเราะ) พั้นช์รู้สึกว่าเป็นอย่างนี้ก็สบายดี พั้นช์จะลักษณะเหมือนผู้ชายไง ถ้ามีโอกาสก็ไปกินข้าว ไปเที่ยว ไปหวานกันบ้าง แต่ถ้าไม่มีเวลาพั้นช์ก็มุ่งมั่นทำงานกันไป อย่างเวลาไปไหนด้วยกันเขาก็ไม่เขินนะ บางทีแฟนคลับมาขอถ่ายรูปก็ ทำหน้าที่ถ่ายรูปให้ด้วยซ้ำ เขาชินแล้วค่ะ"

มองอนาคตกันไว้ยังไง พั้นช์ตอบว่า "เคยคิดแต่ก็เลยมาทุกครั้ง (หัวเราะ) คงอีกพักนึง จริงๆ ด้วยวัยก็ได้เพราะพั้นช์อายุ 29 ปีแล้ว เขาอ่อนกว่าพั้นช์ 1 ปี แต่พอจังหวะงานยังไม่ได้ ก็ต้องรอสักพักค่ะ"

"ถามว่ามีช่วงที่ไม่เข้าใจเวลางานเยอะไหม ไม่มีค่ะ พอดีช่วงที่พั้นช์พีกๆ ผ่านไปแล้ว ก็เลยสบายๆ พั้นช์ทำงานนานจะเข้าใจมาตรการในการทำงานแล้วว่า อันนี้ผ่อนหนักเบาได้บ้าง เลยทำให้ชีวิตเข้าที่เข้าทางแล้ว"

เขามาพูดไหมว่าอยากแต่ง นักร้องสาวยิ้มเขิน "ยังค่ะ แต่ถ้าพั้นช์รู้สึกว่าโอเคแล้ว แม่กับพ่อก็คงเห็นด้วย เพราะเห็นคู่พั้นช์มานานแล้วค่ะ"

อย่างนี้ก็ทางสะดวก

เด็กกิจกรรม

"แม่บอกเลี้ยงง่าย จับ นั่งตรงไหนก็นั่งตรง นั้น" สาว "พั้นช์-วรกาญจน์" เล่าถึงวัยเด็กตัวเอง

และกล่าวต่อว่า "พั้นช์เป็นลูกคนเดียว แต่มีลูกพี่ลูกน้องเยอะมาก ด้วยความที่เป็นครอบครัวใหญ่ และละแวกบ้านจะมีเพื่อนเยอะ เพราะตอนนั้นบ้าน จะเป็นป่าเป็นท้องร่อง พั้นช์จะเล่นแบบผู้ชายตั้งแต่เด็กทำให้บุคลิกพั้นช์แมนๆ หน่อย (หัวเราะ) แม่บอกเลี้ยงง่ายแต่ดื้อเงียบ"

ถามถึงวีรกรรม วัยเด็ก พั้นช์ตอบว่า "ตอนเด็กๆ จะซน จะเล่นปีนต้นไม้ เล่นลูกข่าง ดีดลูกแก้ว ปาดินน้ำมัน จะเล่นเหมือนเด็กผู้ชายเพราะเพื่อนผู้ชายเยอะ ก็จะได้แผลกลับบ้านตลอด"

"แล้วตอนเด็กๆ ก็ไม่ได้เป็นเด็กเรียนซะทีเดียว เป็นเด็กเรียนปานกลาง เอาตัวรอดได้ เรียนไม่ตก รวมถึงเป็นเด็กกิจกรรมประมาณนึง เพราะพั้นช์ทำงานตั้งแต่เด็กๆ อยู่โรงเรียนก็จะร้องเพลง เพราะอาจารย์จะรู้ว่าครอบครัวพั้นช์เป็นครอบครัวดนตรี ก็จะถูกเรียกไปร้องประจำ"

เรียกว่าเป็นเด็กกิจกรรม "ใช่ค่ะ ชอบร้องเพลงตั้งแต่เด็กๆ ปู่มีเครื่องดนตรีครบหมด ปู่เห็นว่าพั้นช์ชอบร้องเพลงเพราะพ่อสอนมาตั้งแต่เด็กๆ พอตอน 9 ขวบ ปู่ก็พาไปร้องเพลงตามงานต่างๆ ตอนแรกก็เพี้ยนนะ ร้องเพลงไปร้องไห้ไป แต่ปู่ก็บอกว่าไม่เป็นไร พอหลายๆ งานเริ่มชินแล้วแถมยังได้ค่าขนมด้วยพั้นช์ยิ่งชอบ"

คิดไหมว่าจะมาไกล ถึงการเป็นนักร้องอาชีพ พั้นช์กล่าวว่า "ตอนเด็กชอบร้องเพลง แต่ถ้าก้าวไกลมาถึงแกรมมี่ ไม่ได้ ฝันไม่ได้คิดถึงเลย เพราะตอนนั้นการประกวดไม่ ได้มีเยอะเหมือนตอนนี้ มันค่อนข้างห่างไกลและโซเชี่ยลมีเดียก็ไม่ได้มีเหมือนตอนนี้เลย การที่พั้นช์จะมีโอกาสมาถึงตรงนี้ได้ค่อนข้างมืดพอสมควร"

"และพั้นช์ไม่ได้มีครอบครัวที่มีรากฐานมั่นคง ร่ำรวย จะไม่มีการ เรียนร้องเพลงใดๆ ทั้งสิ้น อาศัยฝึกจากประสบการณ์พั้นช์เองค่ะ"

[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่