เอามุมมองเราก่อนนะ เราก๊อปมาจาก คนหนึ่งที่นับถือท่านหนึ่ง
เซ็กส์เป็นกิจกรรมหลักที่ช่วยจำแนกให้ความรักแบบแฟนนั้นแตกต่างจากความรักแบบพ่อแม่ เพื่อน พี่น้อง มันน่าจะเป็นเรื่องปกติที่คนเป็นแฟนกันจะอยากมีเซ็กส์ด้วยกัน ถ้าแค่รักกันแต่ไม่สนใจอยากมีเซ็กส์ด้วยก็คบเป็นเพื่อนก็พอ
ถ้าผู้หญิงที่ไม่มีsexกะผู้ชายก่อนแต่คือหวังผลประโยชน์ ผลประโยชน์ที่ว่าคืออะไร
ผลประโยชน์ที่ว่านี้ก็คือ การได้ชื่อว่าเป็นแฟน แต่ตัวเองทำหน้าที่แฟนไม่เต็มที่ ถ้าจะอ้างว่าก็ดูแลแบบอื่นแล้ว เช่นคอยเทคแคร์ ทำกับข้าวให้กิน ไปกินข้าวไปดูหนังด้วย คอยปลอบใจเวลามีปัญหา เว้นเซ็กส์เอาไว้อย่างเดียวไม่ได้หรอ มันแทนกันไม่ได้เพราะการดูแลแบบนี้ก็ใช้กับความรักในแบบครอบครัวหรือเพื่อนได้ การเป็นแฟนแต่ไม่มีเซ็กส์มันก็ทำให้เอกลักษณ์ของคำว่าแฟนหายไปเยอะเลย เหมือนกับมานั่งกินข้าว มีจานชามบนโต๊ะครบทุกอย่างแต่ไม่มีอาหาร เหมือนได้ชื่อว่าเป็นครูแล้วมานั่งหน้าห้องแต่ไม่ลงมือสอน
ที่สำคัญ คุณมีแฟนทั้งทีแต่ไม่ทำหน้าที่แฟนให้เต็มที่ ในขณะที่มีคนอีกหลายคนในโลกที่เค้าอยากมีแฟนและพร้อมจะทำหน้าที่แฟนเต็มที่ เพียงแต่ไม่มีโอกาสเหมือนคุณ
ถ้าผู้หญิงยอมมีsexกับผู้ชายแล้วคือรักแท้ รักบริสุทธ์ เป็นการพิสูจน์ความรักจริงของผู้หญิง แล้วเราจะพิสูจน์ได้อย่างไรว่าผู้ชายคนนั้นมีรักแท้ให้เราเช่นกัน/i]
มันไม่จำเป็นต้องเป็นเซ็กส์เสมอไปค่ะ มันขึ้นอยู่กับว่าคู่ของคุณต้องการอะไรมากกว่า ความต้องการของแต่ละคนก็อาจจะแตกต่างออกไป บังเอิญว่าสิ่งที่ จขกท ต้องการจากแฟนก็คือเซ็กส์ ผู้ชายคนอื่นอาจจะต้องการอย่างอื่นก็ได้
แต่ประเด็นหลักคือ ถ้าแฟนต้องการอะไรสักอย่าง ไม่ว่าสิ่งนั้นจะเป็นอะไร ถ้ามันไม่เหนือบ่ากว่าแรง ผิดกฎหมาย หรือว่าเป็นสิ่งที่อันตรายจริงๆ ถ้าคุณรักแฟนแล้วทำไมเรื่องแค่นี้ถึงทำให้เค้าไม่ได้
ถ้าถามกลับว่าแล้วผู้หญิงจะใช้อะไรมาพิสูจน์ จะใช้อะไรมาเป็นเกณฑ์ ก็สุดแล้วแต่คุณจะคิดสิคะ อยากได้อะไรก็บอกแฟนไปสิ
ที่ตลกมาก คือ ความสองมาตรฐานของหลายๆคน เช่น
ถ้ามีกระทู้บอกว่าผู้หญิงไม่ยอมมีเซ็กส์ก่อนแต่งทั้งๆที่แฟนขอร้อง เพราะเชื่อฟังพ่อแม่ หลายๆคนก็จะมาออกความเห็นว่าทำถูกแล้ว ถึงจะรักแฟนก็ต้องเชื่อพ่อแม่ก่อน
แต่
ถ้ามีกระทู้บอกว่าผู้ชายบอกเลิกแฟนเพราะพ่อแม่ไม่ชอบฝ่ายหญิง พ่อแม่สั่งให้เลิก หลายๆคนก็จะมาออกความเห็นว่าผู้ชายว่าไม่หนักแน่นพอ ถ้ารักแฟนจริงก็ไม่เลิกหรอกมันตลกดีพอผู้หญิงทำให้ผู้ชายเสียใจเพราะต้องเชื่อฟังพ่อแม่ ใครๆก็บอกว่าผู้หญิงทำถูกแล้ว
พอผู้ชายทำให้ผู้หญิงเสียใจเพราะต้องเชื่อฟังพ่อแม่ ใครๆก็บอกว่าผู้ชายผิด สังคมไทยทำหลายๆอย่างไม่ชัดเจนอย่างถ้าเป็นต่างประเทศ เค้าจะตั้ง Age of consent ก็คืออายุที่พร้อมจะมีเซ็กส์อย่างอังกฤษคือ 16 สิงค์โปร์ 16 ญี่ปุ่น 13
คือให้เป็นที่รู้กันทั่วประเทศว่าเมื่อบุคคลอายุถึงเกณฑ์ที่ประเทศนั้นกำหนดไว้ ก็ถือว่ามีวุฒิภาวะพอและสามารถมีเซ็กส์ได้โดยถูกกฎหมายโดยจะไม่มีใครมาตำหนิแต่เมื่อเมืองไทยไม่มีการกำหนดอายุให้เป็นที่ชัดเจนอย่างนี้ ก็ทำให้มีการเถียงกันไม่จบสิ้น สิ่งที่ถูกสำหรับคนนี้กลายเป็นผิดสำหรับอีกคน เพราะคนส่วนมากก็ถือเกณฑ์ของตัวเองเป็นมาตรฐาน ใครไม่ทำตามนี้ก็ตำหนิเค้าไปหมด
ลองคิดเล่นๆ
สมมติว่าเมืองไทยมีกฎหมายเคร่งครัดว่าทุกคนต้องรักเดียวใจเดียว มีสามีหรือภรรยาคนเดียวตลอดชีพ การขายบริการทุกชนิดผิดกฎหมาย
และสมมติว่าหากฝ่าฝืนแล้วบทลงโทษแรงขนาดประหารชีวิตหรือติดคุกตลอดชีพ
คาดว่าผู้ชายหลายๆคนจะเปลี่ยนเป้าหมายจากที่ต้องการเจ้าสาวบริสุทธิ์ มาเป็นต้องการเจ้าสาวที่เก่งกาจเรื่องบนเตียง
เพราะที่เป็นอยู่คือผู้ชายหลายคนโลภมาก อยากได้เจ้าสาวบริสุทธิ์เพราะตัวเองจะได้มีโอกาสฟันเป็นคนแรกสักครั้งในชีวิต แต่ไม่ซีเรียสว่าผู้หญิงจะเก่งเรื่องบนเตียงหรือไม่ เพราะคิดเสมอว่าถ้าไม่เก่งก็สามารถแอบออกไปซื้อบริการได้
แต่ถ้าลองตั้งกฏให้ว่าคู่ชีวิตจะเก่งไม่เก่งยังไงก็ต้องทน ห้ามไปมีใหม่ ห้ามไปซื้อบริการ ผู้ชายหลายคนคงหันมาใช้ความเก่งบนเตียงของผู้หญิงเป็นเกณฑ์การคัดเลือกว่าที่ภรรยา แทนที่จะใช้ความบริสุทธิ์เป็นเกณฑ์ ผู้ชายน้อยคนที่จะทนมีเซ็กส์ห่วยไปตลอดชีวิตได้
ตามหลักแล้วความรักจริงๆมันน่าจะเป็นสิ่งที่อยู่ระหว่างคนสองคน
ถ้ามีความเห็นไม่ตรงกัน รักกันจริงก็น่าจะหาวิธีที่เป็นทางสายกลางระหว่างความต้องการของสองคน ไม่ใช่คาดหวังว่าอีกคนนึงต้องทำตามแบบที่ตัวเองต้องการ
เช่น ผู้หญิงบอกไม่ต้องการมีเซ็กส์ก่อนแต่ง จะด้วยเหตุผลอะไรก็แล้วแต่
ในขณะที่ฝ่ายชายต้องการมีเซ็กส์ก่อนแต่ง ด้วยเหตุผลอะไรก็แล้วแต่
กรณีนี้มันก็คือความเห็นที่ตรงกันข้ามกัน แต่คนมักจะคาดหวังว่าผู้ชายที่ดีต้องเป็นฝ่าย 'ยอม' ที่จะไม่มีเซ็กส์ตามความประสงค์ของฝ่ายหญิง เพื่อที่จะเป็นการให้เกียรติ
อ้าว! แล้วทำไมฝ่ายหญิงไม่ต้องให้เกียรติฝ่ายชายด้วยการทำตามความประสงค์ของฝ่ายชายบ้างล่ะ
ถ้าจะบอกว่าฝ่ายหญิงก็ให้เกียรติฝ่ายชายด้วยการเก็บความบริสุทธิ์ไว้มอบให้ในคืนวันแต่งงาน
แล้วรู้ได้ยังไงว่านั่นคือสิ่งที่ฝ่ายชายคนนั้นต้องการจริงๆ บางครั้งผู้หญิงคิดไปเองว่าฝ่ายชายอยากได้แบบนั้นแบบนี้โดยไม่ฟังความเห็นจากฝ่ายชายเลยว่าจริงๆแล้วเค้าต้องการอะไร
ผู้ชายบางคนเค้าก็แค่ต้องการมีเซ็กส์กับแฟนที่เค้ารัก ไม่ได้ต้องการความบริสุทธิ์ในคืนวันแต่งนี่นา
ส่วนผู้ชายคนไหนที่เค้ามีเป้าหมายอยากได้ความบริสุทธิ์ของแฟนในคืนแต่งงานจริง เค้าก็คงไม่ขอมีอะไรด้วยก่อนแต่งหรอก
คนเราคบกัน รักกันจริง ก็ต้องคำนึงถึงความต้องการของอีกฝ่ายด้วย ไม่ใช่เอาความต้องการของตัวเองเป็นหลัก หรือมาคิดเองเออเองว่าอีกฝ่ายต้องการอะไร
เมื่อเร็วๆนี้ได้ดูหนังเรื่อง Don Jon
ตอนแรกพระเอกตกหลุมรักผู้หญิงที่สาวและสวยมาก
แต่ระหว่างคบ ฝ่ายหญิงตั้งกฏเกณฑ์ต่างๆให้กับฝ่ายชาย
เช่น สั่งให้ไปเรียนให้จบจะได้ประสบความสำเร็จในอนาคต ไม่ยอมมีเซ็กส์ด้วยจนกระทั่งคบไประยะนึงด้วยเหตุผลว่าฝ่ายชายต้องให้เกียรติ ไม่อนุญาติให้ฝ่ายชายดูหนังโป๊
ระยะแรกๆฝ่ายชายก็ยอมทำตาม แต่ในที่สุดก็ทนไม่ได้ ด้วยเหตุผลว่าฝ่ายหญิงเอาแต่ใจตัวเอง เอาแต่บงการให้ผู้ชายเป็นอย่างที่ตัวเองต้องการ ไม่คำนึงถึงความต้องการของฝ่ายชาย
สุดท้ายฝ่ายชายเลือกไปคบกับผู้หญิงอีกคนที่แก่ ไม่สวย แต่มีความเข้าใจในตัวผุ้ชายและไม่บังคับให้เค้าเป็นแบบโน้นแบบนี้
น่าสนใจตรงที่ว่า ข้อหาที่ผู้หญิงคนแรกโดน คือคบแฟนแบบเอาแต่ใจตัวเอง การกระทำต่างๆของผู้หญิงคนนี้ ก็เหมือนกับการกระทำที่ผู้หญิงหลายๆคนในสังคมไทยทำกับแฟนตัวเอง อย่างนี้ก็อาจจะแปลได้ว่าผู้หญิงไทยหลายคนคบแฟนแบบเอาแต่ใจตัวเองรึเปล่า
สาเหตุจริงๆของผู้หญิงที่ไม่อยากมีsexก่อนแต่งคืออะไร
เซ็กส์เป็นกิจกรรมหลักที่ช่วยจำแนกให้ความรักแบบแฟนนั้นแตกต่างจากความรักแบบพ่อแม่ เพื่อน พี่น้อง มันน่าจะเป็นเรื่องปกติที่คนเป็นแฟนกันจะอยากมีเซ็กส์ด้วยกัน ถ้าแค่รักกันแต่ไม่สนใจอยากมีเซ็กส์ด้วยก็คบเป็นเพื่อนก็พอ
ถ้าผู้หญิงที่ไม่มีsexกะผู้ชายก่อนแต่คือหวังผลประโยชน์ ผลประโยชน์ที่ว่าคืออะไร
ผลประโยชน์ที่ว่านี้ก็คือ การได้ชื่อว่าเป็นแฟน แต่ตัวเองทำหน้าที่แฟนไม่เต็มที่ ถ้าจะอ้างว่าก็ดูแลแบบอื่นแล้ว เช่นคอยเทคแคร์ ทำกับข้าวให้กิน ไปกินข้าวไปดูหนังด้วย คอยปลอบใจเวลามีปัญหา เว้นเซ็กส์เอาไว้อย่างเดียวไม่ได้หรอ มันแทนกันไม่ได้เพราะการดูแลแบบนี้ก็ใช้กับความรักในแบบครอบครัวหรือเพื่อนได้ การเป็นแฟนแต่ไม่มีเซ็กส์มันก็ทำให้เอกลักษณ์ของคำว่าแฟนหายไปเยอะเลย เหมือนกับมานั่งกินข้าว มีจานชามบนโต๊ะครบทุกอย่างแต่ไม่มีอาหาร เหมือนได้ชื่อว่าเป็นครูแล้วมานั่งหน้าห้องแต่ไม่ลงมือสอน
ที่สำคัญ คุณมีแฟนทั้งทีแต่ไม่ทำหน้าที่แฟนให้เต็มที่ ในขณะที่มีคนอีกหลายคนในโลกที่เค้าอยากมีแฟนและพร้อมจะทำหน้าที่แฟนเต็มที่ เพียงแต่ไม่มีโอกาสเหมือนคุณ
ถ้าผู้หญิงยอมมีsexกับผู้ชายแล้วคือรักแท้ รักบริสุทธ์ เป็นการพิสูจน์ความรักจริงของผู้หญิง แล้วเราจะพิสูจน์ได้อย่างไรว่าผู้ชายคนนั้นมีรักแท้ให้เราเช่นกัน/i]
มันไม่จำเป็นต้องเป็นเซ็กส์เสมอไปค่ะ มันขึ้นอยู่กับว่าคู่ของคุณต้องการอะไรมากกว่า ความต้องการของแต่ละคนก็อาจจะแตกต่างออกไป บังเอิญว่าสิ่งที่ จขกท ต้องการจากแฟนก็คือเซ็กส์ ผู้ชายคนอื่นอาจจะต้องการอย่างอื่นก็ได้
แต่ประเด็นหลักคือ ถ้าแฟนต้องการอะไรสักอย่าง ไม่ว่าสิ่งนั้นจะเป็นอะไร ถ้ามันไม่เหนือบ่ากว่าแรง ผิดกฎหมาย หรือว่าเป็นสิ่งที่อันตรายจริงๆ ถ้าคุณรักแฟนแล้วทำไมเรื่องแค่นี้ถึงทำให้เค้าไม่ได้
ถ้าถามกลับว่าแล้วผู้หญิงจะใช้อะไรมาพิสูจน์ จะใช้อะไรมาเป็นเกณฑ์ ก็สุดแล้วแต่คุณจะคิดสิคะ อยากได้อะไรก็บอกแฟนไปสิ
ที่ตลกมาก คือ ความสองมาตรฐานของหลายๆคน เช่น
ถ้ามีกระทู้บอกว่าผู้หญิงไม่ยอมมีเซ็กส์ก่อนแต่งทั้งๆที่แฟนขอร้อง เพราะเชื่อฟังพ่อแม่ หลายๆคนก็จะมาออกความเห็นว่าทำถูกแล้ว ถึงจะรักแฟนก็ต้องเชื่อพ่อแม่ก่อน
แต่
ถ้ามีกระทู้บอกว่าผู้ชายบอกเลิกแฟนเพราะพ่อแม่ไม่ชอบฝ่ายหญิง พ่อแม่สั่งให้เลิก หลายๆคนก็จะมาออกความเห็นว่าผู้ชายว่าไม่หนักแน่นพอ ถ้ารักแฟนจริงก็ไม่เลิกหรอกมันตลกดีพอผู้หญิงทำให้ผู้ชายเสียใจเพราะต้องเชื่อฟังพ่อแม่ ใครๆก็บอกว่าผู้หญิงทำถูกแล้ว
พอผู้ชายทำให้ผู้หญิงเสียใจเพราะต้องเชื่อฟังพ่อแม่ ใครๆก็บอกว่าผู้ชายผิด สังคมไทยทำหลายๆอย่างไม่ชัดเจนอย่างถ้าเป็นต่างประเทศ เค้าจะตั้ง Age of consent ก็คืออายุที่พร้อมจะมีเซ็กส์อย่างอังกฤษคือ 16 สิงค์โปร์ 16 ญี่ปุ่น 13
คือให้เป็นที่รู้กันทั่วประเทศว่าเมื่อบุคคลอายุถึงเกณฑ์ที่ประเทศนั้นกำหนดไว้ ก็ถือว่ามีวุฒิภาวะพอและสามารถมีเซ็กส์ได้โดยถูกกฎหมายโดยจะไม่มีใครมาตำหนิแต่เมื่อเมืองไทยไม่มีการกำหนดอายุให้เป็นที่ชัดเจนอย่างนี้ ก็ทำให้มีการเถียงกันไม่จบสิ้น สิ่งที่ถูกสำหรับคนนี้กลายเป็นผิดสำหรับอีกคน เพราะคนส่วนมากก็ถือเกณฑ์ของตัวเองเป็นมาตรฐาน ใครไม่ทำตามนี้ก็ตำหนิเค้าไปหมด
ลองคิดเล่นๆ
สมมติว่าเมืองไทยมีกฎหมายเคร่งครัดว่าทุกคนต้องรักเดียวใจเดียว มีสามีหรือภรรยาคนเดียวตลอดชีพ การขายบริการทุกชนิดผิดกฎหมาย
และสมมติว่าหากฝ่าฝืนแล้วบทลงโทษแรงขนาดประหารชีวิตหรือติดคุกตลอดชีพ
คาดว่าผู้ชายหลายๆคนจะเปลี่ยนเป้าหมายจากที่ต้องการเจ้าสาวบริสุทธิ์ มาเป็นต้องการเจ้าสาวที่เก่งกาจเรื่องบนเตียง
เพราะที่เป็นอยู่คือผู้ชายหลายคนโลภมาก อยากได้เจ้าสาวบริสุทธิ์เพราะตัวเองจะได้มีโอกาสฟันเป็นคนแรกสักครั้งในชีวิต แต่ไม่ซีเรียสว่าผู้หญิงจะเก่งเรื่องบนเตียงหรือไม่ เพราะคิดเสมอว่าถ้าไม่เก่งก็สามารถแอบออกไปซื้อบริการได้
แต่ถ้าลองตั้งกฏให้ว่าคู่ชีวิตจะเก่งไม่เก่งยังไงก็ต้องทน ห้ามไปมีใหม่ ห้ามไปซื้อบริการ ผู้ชายหลายคนคงหันมาใช้ความเก่งบนเตียงของผู้หญิงเป็นเกณฑ์การคัดเลือกว่าที่ภรรยา แทนที่จะใช้ความบริสุทธิ์เป็นเกณฑ์ ผู้ชายน้อยคนที่จะทนมีเซ็กส์ห่วยไปตลอดชีวิตได้
ตามหลักแล้วความรักจริงๆมันน่าจะเป็นสิ่งที่อยู่ระหว่างคนสองคน
ถ้ามีความเห็นไม่ตรงกัน รักกันจริงก็น่าจะหาวิธีที่เป็นทางสายกลางระหว่างความต้องการของสองคน ไม่ใช่คาดหวังว่าอีกคนนึงต้องทำตามแบบที่ตัวเองต้องการ
เช่น ผู้หญิงบอกไม่ต้องการมีเซ็กส์ก่อนแต่ง จะด้วยเหตุผลอะไรก็แล้วแต่
ในขณะที่ฝ่ายชายต้องการมีเซ็กส์ก่อนแต่ง ด้วยเหตุผลอะไรก็แล้วแต่
กรณีนี้มันก็คือความเห็นที่ตรงกันข้ามกัน แต่คนมักจะคาดหวังว่าผู้ชายที่ดีต้องเป็นฝ่าย 'ยอม' ที่จะไม่มีเซ็กส์ตามความประสงค์ของฝ่ายหญิง เพื่อที่จะเป็นการให้เกียรติ
อ้าว! แล้วทำไมฝ่ายหญิงไม่ต้องให้เกียรติฝ่ายชายด้วยการทำตามความประสงค์ของฝ่ายชายบ้างล่ะ
ถ้าจะบอกว่าฝ่ายหญิงก็ให้เกียรติฝ่ายชายด้วยการเก็บความบริสุทธิ์ไว้มอบให้ในคืนวันแต่งงาน
แล้วรู้ได้ยังไงว่านั่นคือสิ่งที่ฝ่ายชายคนนั้นต้องการจริงๆ บางครั้งผู้หญิงคิดไปเองว่าฝ่ายชายอยากได้แบบนั้นแบบนี้โดยไม่ฟังความเห็นจากฝ่ายชายเลยว่าจริงๆแล้วเค้าต้องการอะไร
ผู้ชายบางคนเค้าก็แค่ต้องการมีเซ็กส์กับแฟนที่เค้ารัก ไม่ได้ต้องการความบริสุทธิ์ในคืนวันแต่งนี่นา
ส่วนผู้ชายคนไหนที่เค้ามีเป้าหมายอยากได้ความบริสุทธิ์ของแฟนในคืนแต่งงานจริง เค้าก็คงไม่ขอมีอะไรด้วยก่อนแต่งหรอก
คนเราคบกัน รักกันจริง ก็ต้องคำนึงถึงความต้องการของอีกฝ่ายด้วย ไม่ใช่เอาความต้องการของตัวเองเป็นหลัก หรือมาคิดเองเออเองว่าอีกฝ่ายต้องการอะไร
เมื่อเร็วๆนี้ได้ดูหนังเรื่อง Don Jon
ตอนแรกพระเอกตกหลุมรักผู้หญิงที่สาวและสวยมาก
แต่ระหว่างคบ ฝ่ายหญิงตั้งกฏเกณฑ์ต่างๆให้กับฝ่ายชาย
เช่น สั่งให้ไปเรียนให้จบจะได้ประสบความสำเร็จในอนาคต ไม่ยอมมีเซ็กส์ด้วยจนกระทั่งคบไประยะนึงด้วยเหตุผลว่าฝ่ายชายต้องให้เกียรติ ไม่อนุญาติให้ฝ่ายชายดูหนังโป๊
ระยะแรกๆฝ่ายชายก็ยอมทำตาม แต่ในที่สุดก็ทนไม่ได้ ด้วยเหตุผลว่าฝ่ายหญิงเอาแต่ใจตัวเอง เอาแต่บงการให้ผู้ชายเป็นอย่างที่ตัวเองต้องการ ไม่คำนึงถึงความต้องการของฝ่ายชาย
สุดท้ายฝ่ายชายเลือกไปคบกับผู้หญิงอีกคนที่แก่ ไม่สวย แต่มีความเข้าใจในตัวผุ้ชายและไม่บังคับให้เค้าเป็นแบบโน้นแบบนี้
น่าสนใจตรงที่ว่า ข้อหาที่ผู้หญิงคนแรกโดน คือคบแฟนแบบเอาแต่ใจตัวเอง การกระทำต่างๆของผู้หญิงคนนี้ ก็เหมือนกับการกระทำที่ผู้หญิงหลายๆคนในสังคมไทยทำกับแฟนตัวเอง อย่างนี้ก็อาจจะแปลได้ว่าผู้หญิงไทยหลายคนคบแฟนแบบเอาแต่ใจตัวเองรึเปล่า