มีใครในนี้เป็นเจ้าของร้านอาหารไหมครับ มีปัญหาเรื่องหาพนักงานกันบ้างไหม ท้อมากครับ

สวัสดีครับ

ผมอยากจะระบายและปรึกษาเพื่อนๆในนี้ที่มีธุรกิจเจ้าของร้านอาหารเป็นของตัวเองครับ
ด้วยความเป็นคนชอบกิน ผมเลยตัดสินใจว่าอยากทำงานเกี่ยวกับธุรกิจอาหาร หรือเปิดร้านอาหาร
ซึ่งตอนแรกๆ พ่อแม่ก็ไม่เห็นด้วย อยากให้ทำงานบริษัทต่อ เพราะไม่เสี่ยง มีความมั่นคงสูงกว่า
แม่ผมเองก็เคยทำร้านอาหารตอนยายยังอยู่ ก็บอกมาตลอดว่ามันเหนื่อยมากๆนะ ไม่ได้สบายอย่างที่คิด
แต่สุดท้ายแล้วก็ดื้อ และเปิดร้านจนได้ เป็นร้านอาหารเล็กๆแห่งนึงในห้างฯในกรุงเทพครับ

หลังจากที่เปิดมาได้สักพักนึง ร้านก็พอไปได้คือ พอมีกำไรบ้าง และมีความสุขกับงานที่ทำดี
แต่ปัญหาที่เกิดขึ้นมาตลอดคือ

1. หาพนักงานยากมากๆ ทั้งพนักงานเสิร์ฟ และพนักงานในครัว
ซึ่งที่หาได้ก็ต้องยอมรับว่ามีทั้งที่ทำงานดี และไม่ดี ซึ่งก็ต้องประคับประคองกันไปเรื่อยๆ
ถ้าไม่ดีจริงๆก็ต้องเอาออก ทั้งๆที่พนักงานก็ไม่ค่อยจะพออยู่แล้ว

2. นอกจากจะหาพนักงานยากแล้ว turnover ก็สูงมาก คนที่ทำงานดีๆ ก็ถูกร้านอื่นซื้อตัวไป ให้เงินเยอะกว่า
หรือบางคนคิดจะออกก็ออกเลย เราก็ไม่มีเวลาตั้งตัวในการหาพนักงานใหม่ และเจอแบบนี้แทบทุกเดือน
เปิดร้านมายังไม่ทันไร พนักงานเสิร์ฟที่เริ่มทำมาตอนเปิดร้าน ตอนนี้ออกไปหมด หน้าใหม่หมดทุกคน

ยิ่งช่วงปีใหม่ที่ผ่านมา บางคนลากลับบ้านไป แล้วก็ไม่กลับมาอีกเลย โดยไม่บอกล่วงหน้าด้วย
(ผมเพิ่งรู้ว่าปัญหา หลายร้านก็โดน เพราะพอกลับบ้านนอก บางทีครอบครัวไม่อยากให้กลับ กทม.
หรือมีงานที่บ้านนอกให้ทำ เช่น สวนผลไม้ ก็เลยไม่กลับเลย)

ส่วนนึงเพราะเราเปิดร้านในห้าง ทางห้างก็จะมีข้อบังคับว่าต้องเปิดทุกวันที่ห้างเปิด
ดังนั้น ไม่ว่าพนักงานจะขาดแค่ไหน เราก็ต้องทำให้ได้ เสิร์ฟเองก็เสิร์ฟ ล้างจานเองก็ล้าง
ซึ่งถ้าเป็นช่วงพนักงานขาดมากๆ เราจะเหนื่อยมากๆ แต่ก็ทำ เพื่อเป็นกำลังใจให้เด็กในร้านด้วย
ว่าถึงเราจะเป็นเจ้าของร้าน เราก็เหนื่อยไปพร้อมๆกับพวกเขา

ทุกวันนี้ผมหาพนักงานผ่านเว็บไซท์หางานทั่วไป ซึ่งก็ได้ผลพอประมาณนะครับ
แต่สำหรับงานครัว ซึ่งต้องมี skill ในการทำอาหารประมาณนึง มันหายากมากจริงๆครับ
ส่วนใหญ่มีพื้นฐานมาแล้วก็ต้องฝึกเพิ่ม บางคนฝึกจนพอได้ ก็ออกอีก เป็นวัฏจักรไปเรื่อยๆ

เวลาเดินไปเห็นบอร์ด bulletin ในห้าง ก็เห็นว่าทุกร้านเปิดรับสมัครพนักงานจำนวนมากกันหมด
ถามเพื่อน หรือคนอื่นที่อยู่ในธุรกิจก็บอกให้ทำใจ ว่านี่เป็นปัญหาปกติ เจอกันทุกคน
แต่เวลาเห็นพวกร้านอาหารเชนดังๆ ร้านใหญ่ๆ จำนวนโต๊ะมากๆ เราก็เห็นพนักงานเต็มร้าน
ทั้งๆที่งานร้านเขาน่าจะหนักไม่แพ้ร้านผมเหมือนกัน ผมก็ไม่รู้ว่าเขาไปหาพนักงานมาจากไหนกันได้

บอกตรงๆว่าเหนื่อยครับ แล้วก็เริ่มท้อ เพราะเชื่อว่าร้านคงไปได้ดีกว่านี้ ถ้าเรามีคนพร้อม
เราจะได้มีเวลาไปคิดไปทำงานเชิงโครงสร้างของร้านด้วย กลัวว่าสักวันนึงถ้าเราเหนื่อยจนไม่ไหวจริงๆ
เพราะหาคนมาทำงานไม่ได้จริงๆ มันคงน่าเสียดายมากๆ

เลยอยากถามเพื่อนๆ พี่ๆทุกคนที่มีร้านอาหาร เป็นของตัวเองครับว่ามีปัญหาเรื่องพนักงานกันไหม
รับสมัครกันจากที่ไหน ช่องทางไหนกันบ้าง (โดยเฉพาะ พนง.ในครัว เอาแค่ทำอาหารพอเป็น ชงกาแฟเป็นก็ได้)
และมีวิธีดูแลพนักงานกันยังไงบ้างครับ

ขอบคุณมากครับ
คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 25
คนมาตอบเยอะแล้ว ตอบยาวๆด้วย แต่ในฐานะพ่อค้าอาหารเหมือนกัน ขอเข้ามาแชร์ความคิด ประสบการณ์เพิ่มอีกแรงนะครับ

ผมช่วยครอบครัวขายก๋วยเตี๋ยวมาสิบกว่าปีแล้ว ทั้งคุณอา คุณพ่อ

จริงๆก็เคยถูกวางตัวมาสืบทอด เวลาที่ผ่านมาถึงไปอบรม เรียน โครงการนู่นนี่บ่อยๆ ทั้งจากอ่าน และคุยกับผู้มีประสบการณ์ก็ไม่น้อย

ปัญหาเรื่องแรงงานในปัจจุบัน (อันนี้มองกว้างๆได้เลยนะครับ ว่าเจอแทบทุกสาขาอาชีพ) ให้เข้าใจก่อนว่ายุคนี้เป็นเจเนอเรอชั่น Y ที่มีแนวความคิด การใช้ชีวิต ไม่เหมือนคนในยุครุ่นคุณพ่อ (ยุคที่ปู่ย่ามีลูกเยอะ หรือเบบี้บูมเมอร์) รุ่นเราที่เป็นเจนเอ็กซ์ ซึ่งเจนวายนี่ โดยส่วนใหญ่ จะชอบที่จะทำธุรกิจเองแม้จะเป็นอะไรเล็กน้อย ไม่ชอบทำงานใต้อาณัติใครมาก ชอบอิสระว่างั้ันเถอะ (เทคโนโลยีปัจจุบันก็ช่วยให้พวกเขาทำเช่นนั้นได้จริงๆ เช่น อินสตราแกรมก็ช่วยขายของได้เล็กๆน้อย) สรุปได้ข้อนึงละ คนยุคนี้ ไม่สู้งาน ไม่ค่อยอยากเป็นลูกจ้าง

ค่าแรงในป้จจุบัน ตอนนี้ขั้นต่ำ สามร้อยบาท ทั่วประเทศ ผมพึ่งกลับจากภาคเหนือมา ญาติผมที่อยูจังหวัดแม่ฮ่องสอน จ้างพนักงานค่าแรงสามร้อยบาทต่อวัน ผมไปเชียงรายคุยกับเด็กบางคน เขาทำงานเซเว่นฯ ค่าแรงก็เริ่มที่สามร้อยบาท... คุณเห็นอะไรไหม ตอนนี้ต่างจังหวัดค่าแรงเท่าเมืองหลวงอย่างกรุงเทพฯ ดังนั้น เขาไม่จำเป็นต้องมาทำงานในเมืองก็ได้ เพราะว่าค่าแรงเท่ากัน แต่ตจว.อยู่ใกล้ครอบครัว ค่าครองชีพก็ถูกกว่า ไปทำงานก็ใช้รถมอเตอร์ไซด์คันเดียวก็ไหว ดังนั้นสรุป ถ้ากิจการในกรุงเทพฯ ควรจะให้ค่าแรงมากกว่าค่าแรงขั้นต่ำเสียแล้ว

ร้านผมก็มีปัญหาพนง.เข้าออกสูงมาก ผมเคยอ่านเจอผู้บริหารปูนซีเมนต์ไทยสอนว่า องค์กรมีคนเข้าออกเป็นเรื่องปกติ แต่ถ้าเริ่มมากกว่าปกติเท่ากับองค์กรมีปัญหา พนักงานอาจต้องการอะไร ส่วนปูนซีเมนต์ไทยให้สวัสดิการมากกว่าที่เขาคิดเสมอ ทำให้ไม่ค่อยมีคนออก เวลาลูกค้ามาผมก็ชอบคุย บางท่านเป็นผจก.แมคฯ บางท่านก็โรงงานใหญ่ เท่าที่คุย เขาให้ค่าแรงไม่น้อยนะครับ มากกว่าค่าแรงขั้นต่ำ ผมไปดื่มกาแฟที่แมค หลายครั้งเห็นพนักงานไม่พอ ผจก.ก็บ่นว่าค่าแรงก็ไม่น้อย เด็กไม่อยากมาก็ไม่มา เคยดูรายการทีวีสัมภาษณ์ร้านหัวปลาชื่อดังที่รุ่นลูกพาเข้าห้างแล้ว เขาก็พูดถึงปัญหาพนักงานว่า เขาก็ให้เยอะแล้ว แต่เด็กไม่อยู่ เป็นไปได้ไหมครับว่า บริษัทใหญ่ให้ค่าแรงดี สวัสดิการดี ก็ยังแก้ปัญหานี้ไม่ค่อยได้ แสดงว่าเงินไม่ใข่ปัญหาใหญ่ที่สุดเพียงอย่างเดียว (นิสัยเจนวายเลย)

วันนึงผมไปห้างเปิดใหม่แถวบางแค เข้าร้านสตาร์บัคส์ดูแก้ว น้องพนง.ก็มาคุยด้วย (ที่นี่เรียกว่าพาร์ทเนอร์) ชวนคุยกาแฟและชวนผมทำคอฟฟี่เทสติ้ง ผมสังเกตุว่า น้องเขามีความสุขที่เล่าเรื่องกาแฟ และสอนผมดื่มกาแฟ ผมเลยถึงบางอ้อว่า องค์กรนอกจากมีสวัสดิการดีแล้ว พนักงานควรจะมีความภาคภูมิใจในงานที่ทำ ในองค์กรที่อยู่ด้วย

เล่ามาซะยาว สรุปอีกทีว่า ผมเชื่อว่า การปกครองคนยุคนี้ ต้องให้เขาโตไปกับเรา มีเงินเดือนที่ดี วันหยุดต้องมีอย่างน้อยสัปดาห์ละวัน ร้านต้องตั้งยอดขายไว้หากขายถึงเป้าก็แบ่งเงินพิเศษให้เด็ก ผู้บริหารต้องคิดพัฒนากิจการและมีส่วนพัฒนาเกื้อกูลสังคมด้วย เพื่อให้เขานอกจากได้เงินเลี้ยงกายแล้ว ยังได้ทำอะไรเลี้ยงใจไปด้วย

หลังไมค์มาคุยกันเป็นเพื่อนแลกเปลี่ยนกันได้ครับ ยินดีมีเพื่อนรุ่นพี่รุ่นน้องไว้ปรึกษากันนะครับ

ปล.ผมอายุสามสิบสองครับ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่