จับผิดเสือไบ

ขอพื้นที่เล็กๆในการระบายความรู้สึกนะคะ

เรื่องราวความรัก ของสาว ที่ถูกมองว่า แรง
ตอน จำเลยสังคม จับผิดเสือไบ

ขอแนะนำตัวก่อนนะคะ เราเป็นผู้หญิงที่รักอิสระ ไม่ได้สวย ไม่ไดัมีดีอะไร
แต่มีคนบอกว่าเรามีเสน่ห์ มีคนเข้ามาขายขนมจีบค่อนข้างเยอะ (หลงตัวเองไปเปล่าหว่า)
ประกอบกับ เป้าหมายชีวิต ไม่ใช่การแต่งงาน มีลูก (รักเด็กๆนะคะ แต่ไม่อยากมีห่วง)
ทำให้มีความรักผ่านเข้ามาในชีวิตค่อนข้างเยอะ หลายแบบหลาย สไตล์ จนถูกมองว่าแรง แต่ไม่มีใครรู้หรอกว่าเราพบเจออะไรมาบ้าง
วันนี้ ขอเล่าเรื่องความรักครั้งหลังสุดที่ทำให้เราเข็ดขยาดผู้ชายมาก

เรื่องเกิดขึ้น จากการที่เราได้ทำงานกับพี่สุ. ซึ่งตอนนั้นพี่สุ. แต่งงานแล้ว และตัวเราเองก็มีแฟนอยู่แล้ว
ด้วยความที่เราเป็นคนอัทยาศัยดี คุยกับทุกคน ได้ทั้งเรื่องที่มีสาระและไร้สาระ และถูกสั่งสอนเรื่องกาละเทศะ มาตั้งแต่เด็ก
ทำให้พี่สุ ซึ่งเป็น ผู้ชายที่เก่งและบ้างาน ชอบเข้ามาคุยงานกับเรา จนเริ่มสนิทกันมากขึ้นๆ จนมีการเล่าถึงชีวิตส่วนตัว
โดยพี่สุ เล่าถึงปัญหาในชีวิตครอบครัวเขา เราก้อเริ่มเอ๊ะๆ ยังไงๆ เพราะเคยเจอประมาณนี้ แต่ตอนนั้นเราเฉยๆเพราะมีแฟนแล้วแต่ก้อรับฟัง อือๆหรอคะๆ แค่นั้น

จนวันหนึ่งเราเลิกกะแฟน เพราะรู้ว่าเขาไม่ได้รักเราเหมือนเดิมแล้ว เลิกตอนที่ยังรักและเป็นเพื่อนกันได้ดีกว่ารอให้มีปัญหามากมาย แล้วจบแบบมองหน้ากันไม่ติด (คอนเซ็ปเราเอง)

พอเลิกกะคนนี้ เราก้อเป็น ทอล์คออฟเดอะทาวน์ เหมือนทุกๆครั้ง ทำไงได้ชีวิตเซเลปก้อแบบนี้แหละ -_-"
พี่สุ.ก้อรู้ เขาก้อมาคะยั้ยคะยอให้เราเล่า โดยปรกติเราจะไม่ค่อยเล่าหรือพูดอะไรให้คนที่ทำงานด้วยกันฟัง
ก้อพูดได้แค่เข้ากันไม่ได้ จูนไม่ติด แล้วอยู่ดีๆพี่สุ.ก้อเล่าเรื่องน่าตกใจของภรรยาเขาให้เราฟัง
ว่า แฟนเขา เป็นโรคจิตเพศ ไม่สามารถมีเพศสัมพันธ์ได้ คือแค่เริ่มก้อช๊อคหมดสติแล้ว
เขาไม่เคยมีอะไรกับแฟนเขาเลยในการแต่งงานกัน 12 ปี พยายามรักษาแล้วแต่ไม่ช่วยอะไรเลย
แล้วค่อนขอดแฟนตัวเองเชิงติเตียนมากมาย ตอนนั้นเราฟังๆแล้วเขาน่าสงสารน่าเห็นใจมาก
แล้วพอผ่านไปประมาณ 1 อาทิตย์ พี่สุ.ก้อมาบอกเราว่า พี่คุยกะแฟนแล้ว ว่าจะเลิกกัน เพราะพี่สุอยากมีลูก แต่แฟนมีไม่ได้
และแฟนเขาก้อโอเค เข้าใจ และถามเราว่า เราจะคบเขาได้ไหมถ้าเขาจะหย่ากับภรรยา
เราก้ออึ้งๆ งงๆ แต่ก้อไม่ได้ปิดตัวเองคือบอกไปว่า ก้อดูๆไป
เรื่องเหมือนจะจบลงด้วยดี แต่ในระหว่างนี้ เราก้อคุยกันทุกวัน เจอกันบ่อยขึ้น แต่พี่เขาอยู่ ตจว ไกล เลยไม่ค่อยบ่อยมาก
จนผ่านไปเกือบเดือนเรารู้สึกว่าพี่สุ.เขาไม่ได้จะเลิกกับแฟนนี่หน่า ซึ่งเราคิดมาตลอดว่า เขามีปัญหากันมากมายทำให้ต้องตัดสินใจเลิกกัน
แต่ถึงเวลานั้นเราคิดใหม่และ เราเลยขอลดความสัมพันธ์ลง เพราะมันมีแต่เสียกับเสีย เราไม่อยากเป็นตัวการทำให้ใครเลิกกัน
ซึ่งช่วงนั้น พี่สุ.ก้อเสียใจ โทรมาหาเราบ่อยๆๆๆ จนแฟนเขารู้เรื่องเรา + ไปเจอโปสการ์ด ที่พี่สุ.เขียนให้เราบรรยายความรู้สึกดีๆ
จนเขามีปัญหากัน เรารู้สึกแย่มาก โดนหลายด้านเลย ทั้งแฟนเขาโทรมาต่อว่าเรา และโทรไปที่ทำงานเรา
จนทำให้หลายๆคนมองว่าเราไปแย่งเขา ด่าทอเหน็บแนมมากมาย เรากลายเป็นจำเลยสังคม
และพี่สุ.เองก้อกดดันเราว่า เรื่องมาถึงขนาดนี้แล้ว เราห้ามทิ้งเขาไป เราทำอะไรไม่ถูก ได้แต่นิ่งๆ จนสุดท้ายเขาหย่ากัน
แล้วเรื่องที่น่ากลัวยิ่งกว่าก้อเริ่มต้นขึ้น

พอคบกันจริงๆด้วยความรู้สึกที่ถูกกดดันว่าเราต้องรับผิดชอบ(ทำไมต้องรับผิดชอบเนี่ย)
สิ่งแรกที่เราขอให้เขาทำคือ ไปตรวจเลือดเพราะเขาเคยเที่ยวผู้หญิง และมีผู้หญิงไว้ทดแทนสิ่งที่ขาดมาก่อน ซึ่งผลออกมาโอเค
การคบกันเหมือนจะดี และนิสัยที่แท้จริงก้อเริ่มเผยออกมา
การคุยกัน เขาจะบอกเสมอว่า ให้ไปบอกนายเราว่าให้โปรโมทเขาหน่อย ช่วยสนับสนุนเขาหน่อย
คุยกันเรื่องเงิน ถามเรื่องทรัพย์สินเรา ทรัพย์สินที่บ้าน
ด่าทอเรารุนแรงตอนที่บอกว่ายังโปรโมทไม่ได้
คุยกันก้อเริ่มมีแต่เรื่องผลประโยชน์ที่เขาควรจะได้รับ
เราก้อเริ่มรู้สึกแล้วว่าคนนี้ไม่ใช่แล้ว จนกระทั่งเราได้รู้ความลับของพี่สุ
คือ บ่อยครั้งในเวลาที่เขาอยู่บ้านที่ ตจว เขาจะบอกเราว่า ไปซื้อของไปดูหนัง ไปนอนค้างบ้านพี่เปี๊ยก
ซึ่งเรารู้จักแค่คร่าวๆ ว่าเป็นเพื่อนเขา
แต่ก้อเอะใจนิดนึง ว่าเฮ้ย ผช ปรกติเขามีกิจกรรมกุ๊กกิ๊กกันแบบนี้ด้วยหรอ
แล้ววันหนึ่งเราเข้าไปดู fb พี่เปี๊ยก ตกใจมากว่า เฮ้ย เขาเป็นเกย์สาวนี่หน่า(เราไม่ได้ต่อต้านเกย์นะ แต่ว่าไม่ใช่กะกรณีนี้....)
ในหัวเริ่มสับสนมากมาย อะไรกันเนี่ย คิด คิด คิด อย่างแรกที่ต้องทำคือ
หาความจริง.... เอาไงดีหว่าเรา
เราก้อวางแผนทำตัวเป็น ผู้หญิงเข้าใจโลก รับได้ทุกอย่าง(หรออออออ)
ค่อยๆถามแบบชิลๆเรื่อยๆ จนได้คำตอบมาว่า ก้อไม่ได้มีอะไร ก้อเหมือนกับตอนที่พี่อยู่เกาะใหญ่สุดของประเทศ พี่ก้ออยู่กะ ผู้ชายแบบนี้เหมือนกัน (บร๊ะเจ้าไม่ใช่คนเดียวหรือนี่)
เราก้อสืบต่อ (เชอร์ล๊อคโฮมเข้าสิง) คนที่นั้นก้อบอกเป็นเสียงเดียวกันว่า คนๆนี้เป็น เกย์ ไปอาศัยอยู่บ้านของคู่เกย์และนอนห้องเดียวกัน ตลอด
OMG สิ่งที่คิดได้ตอนนั้นคือ ดีนะจับตรวจเลือดมาก่อนแล้ว เพื่อให้แน่ใจ เราเองก้อต้องตรวจ หลายๆรอบซ้ำๆ
แต่ความอยากรู้ความจริงยังไม่สิ้นสุด
เรายังคงปลอมตัวเป็นผู้หญิงเข้าใจโลกอยู่ คุยและถามเรื่องความสัมพันธ์ จนเขาหลุดมาว่า
ก้อไม่ได้มีอะไรมาก แค่ปาก OMG จริงๆเราก้อไม่เชื่อหรอกว่าจะหยุดแค่นี้ แต่เรารับไม่ได้ล่ะ ต่อมอยากรู้ความจริงหยุดการทำงาน
วิญญาณของสาวเข้าใจโลกออกจากร่างทันที เราเลิกทันที

แต่พวกคนที่ชอบยุ่งชอบจินตนาการ เรื่องของคนอื่นยังไม่หยุดทำงาน
พอเราเลิก การจินตนาการเริ่มเกิดขึ้น ฉันถูกทิ้ง เขากลับไปคืนดีกับแฟนแล้วทิ้งฉันบ้าง
หรือมีถึงขั้น ฉันใช้ไสยศาสตร์ แต่ตอนนี้มนต์เสื่อมแล้ว และอื่นๆอีกมากมาย เฮ้อๆ จินตนาการพวกแกรนี้ ตลกจิง
แต่ตอนนี้ ผ่านไป 1 ปี พี่สุ.ก้อกลับไปอยู่กะแฟนเขาจริงๆ ทำให้เรารู้ว่า โลกนี้จริงๆแล้วมันมีความสมดุลอยู่ในตัวเองเสมอ และเราก้อยังคงถูกคนบางกลุ่มมองแย่ๆอยู่ ขอบใจนะพวกจินตนาการสูงส่ง ที่ทำให้ฉันแข็งแกร่งขึ้นมาก แม้ว่าฉันจะรำคาญพวกแกมากก้อตาม แต่บางที่ฉันก้อสนุกกะการฟังจินตนาการขำๆของพวกแก
แต่เีรื่องนี้ทำให้เรามอง ผู้ชาย แบบไม่ค่อยน่าไว้ใจเอาซะเลย

ไม่มาลองอยู่ในสถานะการณ์เดียวกะฉัน พวกเธอไม่มีวันเข้าใจหรอก

สบายใจแล้วค่ะได้ระบาย
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่