(18+) เป็นเรื่องปกติหรือไม่ที่ผู้ชายมีแฟนแล้วแต่ยังไปเที่ยวนวด และผู้หญิงถ้ารู้จะรับได้มั้ย

กระทู้คำถาม

โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ สุขภาพกาย ปัญหาครอบครัว

เมื่อวานเราได้รับรู้ว่าแฟนที่คบหากันอยู่เป็นคนชอบใช้บริการนวด k a p o o ทำมาแล้ว5-6ครั้ง ในช่วงปี 2011-2013 ที่จริงเรามีความรู้สึกว่าเค้าเที่ยวนวดมานานแล้ว แต่เป็นเพียงการสันนิฐาษ คราวนี้จับได้หลักฐานมัดตัวจนดิ้นไม่หลุด รู้สึกรับไม่ได้ รู้สึกว่ามีแฟนแล้วทำไมเธอต้องทำ? ถ้าเธอชอบแบบนั้นทำไมไม่ออกไปหาล่ะ แอร์แบ็คอะไรแบบนั้นเราอาจจะไม่มีเท่านะ มาคบกับเราทำไม? มีอยู่ช่วงหนึ่งที่เรามีความคิดไปศัลยกรรมแต่งเติมส่วนที่บกพร่อง เค้าห้ามไว้บอกว่าชอบแบบนี้ แต่ถ้าชอบจริงทำไมยังต้องไปเที่ยวอีก? ช่วงปี 2012 เป็นช่วงที่เค้า 23-24 ถือว่าเริ่มเข้าสู่วัยผู้ใหญ่ จบใหม่ เริ่มทำงานประจำ อาจจะมีความอยากลองในเรื่องนี้ เราเห็นเพื่อนในกลุ่ม กับเพื่อนที่ออฟฟิศเค้าชอบคุยกัน และตั้งแต่ทำงานและคบกับเพื่อนกลุ่มนี้มีปัญหามาตลอด จะเลือกคบเพื่อน เลือกทำตามแต่เรื่องดีๆ จะนำพากันไปในเรื่องดีๆไม่ได้เลยหรือ? เค้าให้เหตุผลว่าตอนนั้นเค้ายังไม่คิดจริงจังกับเรา เค้าอยากลอง แต่ถ้าอยากลองครั้งเดียวก็น่าจะพอ นี่ทำถึง 6 ครั้ง และยังไปเขียนบรรยายความรู้สึกประทับใจในเว็บบอร์ดอีก ล่าสุดเห็นโพสในเว็บบอร์ดกันเมื่อเดือนที่แล้วว่าจะไปลองน้องคนนั้น ที่นั่น เป็นร้านที่ใกล้บ้านเรามาก ซึ่งเราถามเค้าเค้าบอกว่ายังไม่ได้ไป ไม่รู้จะเชื่อได้แค่ไหน แบบนี้เรียกว่าความชอบที่แก้ไม่หายใช่มั้ยคะ เค้าอธิบายว่าเค้าเป็นผู้ชาย เราไม่รู้ว่าปกติมันยังไงกัน แต่คนที่อยู่รอบตัวเราแต่ละคนไม่มีใครเป็นแบบนี้เลย เพื่อนเราจะออกแนวแก๊ง BB ขับไปเที่ยวเป็นหมู่คณะ จริงจังกับแฟนไม่นอกลู่นอกทางเสียมากกว่า

ต่อหน้าเราเค้าดูเป็นคนจริงใจ ไม่รู้ว่าที่ไปเที่ยวนวด กป. นั้น ปกติเค้าเกินเลยกันถึงขั้นไหน แค่นวด หรือมีการสอดใส่ จูบปากกันด้วย มันสามารถนำพาโรคติดต่อมาหรือไม่คะ และนอกจาก กป. เราก็ไม่รู้ว่าเค้าได้ไปเที่ยวอย่างอื่นที่ฮาร์ดคอร์กว่านั้นหรือไม่ อารมณ์รับผิดแต่รับครึ่งเดียวเรื่องที่เรายังจับไม่ได้เค้าจะไม่สารภาพ ะเดือนหน้าเรากำลังจะเริ่มชีวิตครอบครัวกัน ตอนนี้รู้สึกขยะแขยงและรับไม่ได้มากเหมือนโดนหลอก ใส้หน้ากากกับเรามาตลอด เราเป็นคนค่อนข้างหัวโบราณกับเรื่องไปผิดผีกับคนอื่น และไม่แน่ใจว่าที่คิดจะแต่งงานเป็นครอบครัวเดียวกันนั้นสมควรหรือไม่

แก้ไขข้อความเมื่อ

ถูกใจให้พอยต์

สมาชิกหมายเลข 1182802

สมาชิกหมายเลข 1198879 ซึ้ง, ตัวกินมดมีหนาม ถูกใจ, ConanAndI ถูกใจ, okb ซึ้ง, สมาชิกหมายเลข 701173 ซึ้ง, หมด ซึ้ง

สุดยอดความคิดเห็น

ความคิดเห็นที่ 7

ตอบในฐานะผู้ชายโสดคนหนึ่งที่เคยมีแฟนและทำงานเกี่ยวข้องกับสายจิตวิทยาการให้คำปรึกษานะครับ

1. กรณี มีแฟนแล้ว ก็ไม่ควรเที่ยวแบบนี้ครับ ควรซื่อสัตย์กับแฟน ทั้งต่อหน้าและลับหลัง แต่คำว่า "ไม่ควร" ไม่ได้แปลว่า "ผิดมหันต์ร้ายแรง" อย่าถึงกับเอาไปลบล้างความดีอื่นๆที่เขามีครับ มนุษย์ตราบใด ยังไม่ถึงขั้นบรรลุธรรมเป็นอรหันต์ มันตัดเรื่องนี้ได้ยากครับ

2. คิดในแง่ดี อย่างน้อยคุณก็ได้รู้จักเขาในแง่มุมลับที่คุณไม่เคยรู้ หรือ คิดไม่ถึง

3. คิดในแง่ดีอีก ดีแล้ว ที่ไม่ได้ไปรู้เอาตอนที่แต่งงานแล้ว หรือ มีลูกแล้ว

4. คุณต้องเข้าใจธรรมชาติของผู้ชายโดยพื้นฐานก่อนนะครับ ว่าล้วนแล้วขับเคลื่อนด้วยฮอร์โมนทางเพศ การสืบพันธุ์เป็นสัญชาตญานธรรมชาติอย่างหนึ่ง ที่ควบคุมได้ยาก หากพื้นฐานของกำลังสติ ความยับยั้งชั่งใจมีน้อย หรือไม่ผ่านการฝึกฝนบ่มเพาะ ยิ่งในยุคนี้ สื่อมีบทบาทมากในการกระตุ้นครับ อย่างที่ผมบอกนะ ตราบใดยังไม่ถึงขั้นบรรลุธรรม เรื่องกามทางเพศรสนี่ตัดยากมาก ต้องมหาสติเลย

ข้อมูลทางมนุษยวิทยาบ่งชี้ว่า ระบบผัวเดียวเมียเดียว นี่เราเพิ่งรับจากต่างชาติมาในช่วงยุคร้อยกว่าปีที่ผ่านมา รับจากพวกมิชชั่นนารี ที่มีวัฒนธรรมการเก็บกดทางเพศค่อนข้างเยอะครับ ก่อนหน้านี้ คนเอเชีย ทั้งไทยจีน แทบทั้งหมด มีภรรยาได้หลายคน แต่มีเงื่อนไขว่า ภรรยาทุกคน โดยเฉพาะภรรยาหลวงจะต้องยินยอมอนุญาต และมีการสู่ขอเป็นเรื่องเป็นราว ศีลข้อ 3 "กาเมสุมิฉา...." ไม่ได้แปลว่า มีคนรัก หรือ เมียแค่คนเดียวเท่านั้น แต่หมายถึง การสมรสหรือสมสู่ที่ถูกจารีตศีลธรรม ศีลข้อสามนี้ เป็นกลไกทางจารีตที่ทำให้บ้านเมือง และครัวเรือนต่างก็สุขสงบ

ผมยกข้อมูลนี้มาเพื่อแสดงให้เห็นว่า คนโบราณค่อนข้างเปิดและแฟร์กับฮอร์โมนด้านนี้ของคนค่อนข้างมาก ทีนี้ คนในยุคปัจจุบัน บริบทสังคมเปลี่ยนไปมาก ผมเองก็เห็นด้วยกับระบบผัวเดียวเมียเดียว เพราะถ้าจะให้มีเยอะแบบคนในสมัยก่อน ปัญหาจะมากกว่าปัญญาและความสงบเป็นแน่ แต่ทีนี้ ไอ้เจ้าฮอร์โมนทางเพศของคนมันไม่ได้พัฒนาตามไปด้วยนี่น่ะสิจึงเป็นปัญหา

ระบบธุรกิจนวด ก.ป. หรือ อาบอบนวด หรือ อื่นๆ พวกนี้ มันอยู่ได้ เจริญเติบโตได้ ก็เพราะแรงขับทางเพศพวกนี้ล่ะครับ

5. ถามตนเองว่า รักเขาหรือไม่ ถ้ารักเขา ให้ความเข้าใจ ความเมตตา การให้อภัย การให้โอกาสเขาหน่อย ถ้าความดี ความงามด้านอื่นๆเขามีอยู่ ใช้ใจคุยกัน อย่าใช้สมองส่วนอัตตาคุยกัน เพราะถ้าใช้ส่วนนี้คุย มันจะมีแต่คำว่า "ฉันถูก" ปรากฏเสมอ

6. การใช้บริการนวดก.ป. นั้น ค่อนข้างปลอดภัยและสะอาด กว่าอย่างอื่นมากครับ เด็กที่ทำงานร้านพวกนี้ คือ กลุ่มเด็กที่เลือกหนีจากระบบไซด์ไลน์ อ.อ.น. หรือ อย่างอื่น ที่จะต้องมีการร่วมเพศ สอดใส่ การจูบ การล่วงล้ำ ฯลฯ ที่เสี่ยงต่อการติดเชื้อครับ

แต่อย่างไรก็ตาม อะไรก็เกิดขึ้นได้ในห้องๆหนึ่ง และบางร้านก็อาจมีบริการเสริมอื่นๆก็เป็นได้ เพื่อการแข่งขันทางธุรกิจและการสร้างความแตกต่าง

แต่อย่างไรก็ตาม (อีกแล้ว) คุณต้องแยกให้ออกนะ ระหว่าง "รัก" กับ "ความใคร่" การที่แฟนคุณไปเที่ยวที่แบบนี้ มันเป็นเรื่องความใคร่ ที่ชวนลิ้มลอง แต่กับคุณ เขามีความรักล้นๆล้วนๆให้คุณหรือเปล่า อย่างไร

7. ผมแนะนำให้คุณให้ลองให้อภัย ให้โอกาสเขา ถ้าผู้ชายคนนี้เป็นคนดีจริงๆ เขาจะละอายใจเอง และ "ลด" หรือ "เลิก" เที่ยวเอง แต่ถ้าคุณเอาความแรงไปต้าน ไปผลักเขาเยอะ ธรรมชาติผู้ชายเขาอยากเอาชนะครับ ยังไงก็แอบเที่ยวอยู่ดีแบบนี้ ซ้ำจะยิ่งหากลอุบายเที่ยวอย่างไรไม่ใหัคุณจับได้ให้ซับซ้อนไปอีก ก็ไม่ดีนะ

8. ลองนึกดู ว่าถ้าเปลี่ยนจากแฟน เป็น "ลูกชาย" ของคุณ คือ ถ้าวันหนึ่งคุณมีลูกชาย แล้วคุณจับได้ว่าลูกชายของคุณซึ่งมีแฟนแล้ว ไปเที่ยวแบบนี้ คุณอยากจะคุยกับเขาอย่างไร แบบที่เขาไม่ช้ำ ไม่หนี ปรองดอง สันติทุกๆฝ่ายได้

ลองพิจารณาดูนะครับ

ถูกใจให้พอยต์

CHM

สมาชิกหมายเลข 2787473 ทึ่ง, lalanlaKAMINA ถูกใจ, สมาชิกหมายเลข 1091522 ถูกใจ, สมาชิกหมายเลข 987752 ถูกใจ, สมาชิกหมายเลข 1198879 ถูกใจ, Mr.Cellophane ถูกใจ, entique ถูกใจ, Stargarden ถูกใจ, p_forester ถูกใจ, bootsarin ถูกใจรวมถึงอีก 33 คน ร่วมแสดงความรู้สึก

ความคิดเห็นที่ 13

ผมว่าเค้าติดใจไปแล้วล่ะครับ ยิ่งถ้าเค้ามีแฟนและกำลังจะแต่งงานด้วยแล้วแต่ยังไปเที่ยวแบบนี้นี่แปลว่าเค้าไม่ได้ให้เกียรติคุณและเห็นแก่ตัวมาก ๆ ไม่ได้แคร์ความรู้สึกคุณ ไม่ได้กลัวเลยว่าจะเสี่ยงเอาโรคมาติดคุณหรือลูกคุณรึเปล่า คิดถึงแต่ความสนุกของตัวเอง เป็นปัญหาที่ทัศนคติของเค้าที่มองเรื่องแบบนี้เป็นเรื่องธรรมดาครับ

ผู้ชายที่แต่งงานแล้วแต่ยังแอบหนีเมียมาเที่ยวแบบนี้นี่มีไม่น้อยนะครับ ถามว่าเค้ารู้มั๊ยว่าผิด เค้ารู้ครับ ไม่งั้นจะแอบทำไม แต่ถามว่ารู้สึกผิดมั๊ย ไม่ครับ เพราะความสนุกมันนำหน้าจิตสำนึกไปแล้ว ยิ่งคุณจับไม่ได้ก็ยิ่งฮึกเหิม ยิ่งเลยเถิดไปใหญ่

ถามว่าอนาคตเค้าจะสำนึกได้เอง กลับตัวกลับใจได้เองมั๊ย พูดยากครับ เพราะอย่างที่บอกว่ามันเป็นปัญหาที่ทัศนคติของเค้า ถ้าเค้าเปลี่ยนทัศนคติตัวเองได้ เอาชนะความสนุกได้ คิดถึงคุณและอนาคตของครอบครัวเป็นเรื่องหลักในชีวิต เค้าก็จะเปลี่ยนได้ครับ (แต่เท่าที่เห็นคือเอาชนะความสนุกไม่ได้ครับ เด็กมันยั่ว) คล้ายๆ บุหรี่น่ะครับ ถ้าคนไม่สูบก็มองว่าอันตราย เป็นเรื่องไม่ดี แต่พอได้สูบแล้ว ก้าวผ่านเส้นนั้นมาแล้ว ก็จะมองว่าสูบบุหรี่เป็นเรื่องปกติ ทั้งที่ก็รู้ว่ามันอันตรายและไม่ดี พอจะเลิกก็เลิกยากเพราะติดใจความสุขเวลาที่ได้สูบ และทัศนคติที่มองว่าสูบบุหรี่เป็นเรื่องธรรมดาไปซะแล้ว ต้องเปลี่ยนทัศนคติถึงจะเลิกได้

อย่างผมเมื่อก่อนตอนเริ่มทำงานใหม่ๆ ตอนนั้นยังไม่มีแฟน ก็เที่ยวแบบนี้บ่อยพอสมควรครับ กับรุ่นพี่ที่ทำงานบ้าง กับรุ่นพี่สมัยเรียนบ้าง (ตัวอย่างที่ผมเล่าให้ฟังข้างบนก็เห็นมาจากพี่ๆ เค้าแหละครับ) คือเค้าเลี้ยงครับ เหนี่ยวฟรี ผมเลยไม่ลังเล ไปมันทุกงาน บอกตรงๆ ว่าติดใจครับ สนุก มันส์ จนบางครั้งยอมเสียตังไปเที่ยวเอง (ปกติผมขี้เหนียวมากครับ จะใช้ตังทีคิดแล้วคิดอีก แต่นี่สมองหายลงไข่หมด ทีละ 2-3 พันเพื่อความสนุกชั่วแว๊บเดียวก็จ่ายได้) ก็เป็นอยู่อย่างนั้นซัก 2-3 ปี ก็มีแฟนครับ แฟนก็ทำงานที่เดียวกันล่ะครับ เค้าก็พอรู้ล่ะครับว่าผมก็ไปเที่ยวแบบนั้นกับพี่ที่ทำงาน แต่ผมก็ไม่ปิดนะครับ ตั้งแต่ตอนจีบใหม่ๆ ผมก็เล่าให้ฟังครับ ก็บอกไปตรงๆ ว่าเราเคยเที่ยวอย่างนั้นอย่างนี้มา ถ้ารับไม่ได้จะได้รู้ไปเลย ไม่ต้องมาเซอร์ไพรส์ทีหลัง แต่ตั้งแต่เริ่มจีบคนนี้ผมก็หยุดเที่ยวแล้วครับ ใครมาชวนก็จะปฏิเสธ แรกๆ พี่ๆ เค้าก็จะแซว หาว่าหงอบ้าง ยังไม่ทันเป็นเมียก็กลัวซะแล้ว แต่ผมก็ไม่แคร์ครับ จนหลังๆ พี่เค้าก็เลิกแซวไปเอง (แต่ก็ยังชวนอยู่เรื่อยๆ 555) คือผมก็รู้สึกครับว่าถ้าผมยังไปเที่ยวแบบนี้อยู่ ถ้าแฟนผมรู้เค้าคงเสียใจ ผมไม่อยากทำให้เค้าเสียใจ แรกๆ ก็ยอมรับครับว่ายังคิดถึงความสนุก แต่พอคิดถึงแฟนแล้วความรู้สึกผิดมันนำหน้าความสนุกครับ อีกอย่าง ผมคิดกลับกันว่าถ้าแฟนผมไปเที่ยวแบบนี้บ้าง ผมก็คงรับไม่ได้เหมือนกัน ก็แฟร์ๆ ครับ เอาใจเขามาใส่ใจเรา

ถามว่าคุณควรแต่งงานกับผู้ชายคนนี้มั๊ย ตอนนี้บอกได้เลยว่าอย่าเพิ่ง ต้องให้เค้าพิสูจน์ตัวเองให้ได้ก่อนว่าต่อไปนี้ชีวิตเค้าจะมีคุณและครอบครัวเป็น priority ถ้าทำไม่ได้ ถึงแต่งงานไปเค้าก็จะเป็นแบบเดิม หรืออาจจะหนักขึ้นกว่าเดิมอีก ยิ่งแต่งงานไปแล้วมีลูกด้วยกัน คุณจะยิ่งถูกผูกมัดมากขึ้นไปอีก ตัดสินใจให้กับอนาคตของตัวเองดีๆ นะครับ ขอให้โชคดี

ถูกใจให้พอยต์

lullullah

เขาเรียกหนูว่าหน้าซาลาเปา ถูกใจ, มาสเตอร์หง่าว ถูกใจ, สมาชิกหมายเลข 1198879 ถูกใจ, entique ถูกใจ, สมาชิกหมายเลข 874304 ถูกใจ, jilvalntine ถูกใจ, สมาชิกหมายเลข 716225 ถูกใจ, ตัวกินมดมีหนาม ถูกใจ, Marqariitaln DS ถูกใจ, สมาชิกหมายเลข 1091387 ถูกใจรวมถึงอีก 18 คน ร่วมแสดงความรู้สึก

ความคิดเห็นที่ 3

มันเป็นสันดานผู้ชายบางคนครับ (ไม่ใช่ทุกคน) ตัวเค้าเองจะมองว่ามันเป็นเรื่องปกติ
ส่วนผู้ชายที่ไม่เที่ยว ยังไงก็คือไม่เที่ยว จะมองเรื่องนี้ว่า ไม่ปกติ เป็นเรื่องที่ผิด

คบกับผู้ชายแบบนี้มีโอกาสติดเชื้อทางเพศสัมพันธ์สูง ไม่ใช่แค่หมอนวดเท่านั้นที่เค้าจะแอบกิน
กับผู้หญิงทั่วไปเค้าก็จะแอบกิน หากมีโอกาส