ณ หมู่บ้านแห่งหนึ่ง ตั้งอยู่ในพื้นที่ที่สงบร่มเย็น มีบ้านหลายสิบหลังอยู่กันอย่างปกติสุข
อยู่มาวันหนึ่งบ้านเลขที่ 1 ซื้อกระถางต้นไม้มาใหม่ และอยากจะตั้งไว้หน้าบ้านให้คนผ่านไปมาเห็น จึงตั้งล้ำออกมาบริเวณขอบฟุตบาท
เล็กน้อย พอบ้านเลขที่ 2 เห็น ก็อยากเอาบ้าง แต่ซื้อมาตั้งให้ล้ำออกมามากกว่าที่บ้านแรกตั้ง เพราะอยากให้ของตัวเองดูเด่นกว่า
ณ จุดนี้ คนในหมู่บ้านสังเกตุเห็นกระถางต้นไม้ทั้งสองบ้านแล้ว ว่ามันล้ำออกมาที่ฟุตบาท ซึ่งควรจะเป็นที่สำหรับเดิน แต่คนในหมู่บ้านเห็น
เป็นเรื่องเล็กน้อย คิดว่า "ไม่เป็นไร"
ผ่านไปหลายปีนับจากวันนั้น ทั้งสองบ้านก็แข่งกันซื้อกระถางต้นไม้มาตั้งหน้าบ้านตัวเอง จนกีดขวางฟุตบาท กีดขวางถนน คนในหมู่บ้าน
ก็เริ่มเดือดร้อน
บ้านแรกกับบ้านที่สองเริ่มมองหน้ากันไม่ติด หาทางกำจัดอีกฝ่าย...
บ้านแรกคิดแผนได้ รีบเดินออกไปเก็บกระถางต้นไม้ทั้งหมดเข้ามาในบ้านตัวเอง.... แล้วเดินออกไปบอกคนในหมู่บ้านให้ออกมาประท้วง
ขับไล่บ้านที่สองออกไปจากหมู่บ้าน เพราะทำให้คนในหมู่บ้านเดือดร้อน
ณ จุดนี้ คนในหมู่บ้านเห็นภาพชัดเจนว่า บ้านที่สองทำให้เกิดความเดือดร้อน โดยลืมไปว่าต้นเหตุที่แท้จริงคืออะไร
ก็รวมตัวกันขับไล่บ้านที่สองให้ออกไปจากหมู่บ้าน
ขออนุญาติจบนิทานลงตรงนี้ครับ
ใครคือคนที่ผิดในนิทานนี้ เชิญแสดงคิดเห็นครับ....
ส่วนผมขอแสดงความคิดเห็นดังนี้ครับ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้ นิทานนี้เหมือนกับสถานการณ์ในเมืองไทยตอนนี้ครับ
ฝ่ายปชป. ออกมาประท้วง ทั้งๆที่ตัวเองก็คือส่วนหนึ่งของกระบวนการนี้
ฝ่ายประชาชนทั่วไป ซึ่งแต่ก่อนบอกว่า "ไม่เป็นไร" อยู่ๆก็เกิดสติแตก ออกมาขับไล่รํฐบาลทักษิณ
อยากจะบอกว่าให้คำว่า "ไม่เป็นไร" ที่คนไทยชอบพูดกันเนี่ยแหละ คือสาเหตุที่ทำให้บ้านเมืองเราเป็นแบบนี้
สิ่งที่ผมต้องการจะบอกคือ การคอรัปชั่นมันติดตัวทุกคนมาแต่กำเนิด
เมื่อใดก็ตามที่ คุณเดินผ่านหน้าบ้านคนที่วางกระถางต้นไม้ไว้บนทางเท้า โดยที่คุณไม่โวยวาย ไม่ปกป้องสิทธิ์ของตัวคุณเองที่ว่าทางเท้าเป็นที่สาธารณะ นั่นแสดงว่าคุณเมินเฉยต่อการคอรัปชั่น คุณได้รดน้ำให้เมล็ดพันธ์แห่งการโกงขึ้นแล้ว และเมื่อทุกคนพูดว่าไม่เป็นไร ไม่เป็นไร
นานๆเข้ามันก็เริ่มใหญ่ เริ่มมากขึ้นเรื่อยๆ จนมันถึงจุดที่ทุกคนทนไม่ไหว ก็ระเบิดออกมาแบบนี้แหละ
และผมอยากให้ทุกคนเลิกโทษคนอื่น หันกลับมามองตัวเอง ที่บ้านเมืองเราเป็นอย่างทุกวันนี้ก็เพราะคุณเองนั้นแหละที่สร้างมันขึ้นมา
การที่คุณจะไล่คนในระบอบทักษิณออกไปจากประเทศมันก็ไม่ได้ช่วยแก้ปัญหา เพราะปัญหามันเกิดจากพวกคุณทุกคน
คุณไล่คนเก่าออกไปคนใหม่มันก็มาโกงอยู่ดี
และสิ่งเดียวที่จะแก้ปัญหานี้ได้คือ เวลาและอุดมการณ์
ต้องเลิกนิสัย "ไม่เป็นไร" ต้องไม่โกงแม้เรื่องเล็กน้อย
คุณต้องเริ่มที่ตัวเอง จากนั้นคนรอบข้าง ลูกหลานคุณต้องสอน
แล้วอีกยี่สิบปีมาดูกันว่าบ้านเมืองจะเป็นอย่างไร
ถ้าคุณบอกว่าคุณรอไม่ได้ ประเทศชาติจะชริหายก่อน
ผมบอกเลยว่าไม่จริงครับ ประเทศอื่นๆ เช่น อเมริกา อังกฤษ ก็มีการคอรัปชั่น แต่เค้าทำได้แนบเนียนกว่าของเราเยอะ และงบประมาณเขาเยอะ
กว่าของเราเป็นร้อยเป็นพันเท่าครับ แต่เค้าอยู่ได้เพราะเค้าทำให้ประชาชนมีความสุขได้
ถ้าคุณบอกว่าการกู้เงิน 2.2 ล้านล้านจะทำให้ลูกหลานเราเป็นหนี้
ผมบอกเลยว่าไม่จริงครับ ประเทศมหาอำนาจอย่าง อเมริกามีหนี้สินมากที่สุดในโลกแต่เค้าก็ยังเป็นมหาอำนาจได้
สุดท้ายนี้ นี่คือความคิดเห็นของผมที่อยากจะแสดงออก ขอให้เคารพในสิทธิของผมด้วยครับ
นิทานเรื่อง "กระถางต้นไม้ของฉัน"
อยู่มาวันหนึ่งบ้านเลขที่ 1 ซื้อกระถางต้นไม้มาใหม่ และอยากจะตั้งไว้หน้าบ้านให้คนผ่านไปมาเห็น จึงตั้งล้ำออกมาบริเวณขอบฟุตบาท
เล็กน้อย พอบ้านเลขที่ 2 เห็น ก็อยากเอาบ้าง แต่ซื้อมาตั้งให้ล้ำออกมามากกว่าที่บ้านแรกตั้ง เพราะอยากให้ของตัวเองดูเด่นกว่า
ณ จุดนี้ คนในหมู่บ้านสังเกตุเห็นกระถางต้นไม้ทั้งสองบ้านแล้ว ว่ามันล้ำออกมาที่ฟุตบาท ซึ่งควรจะเป็นที่สำหรับเดิน แต่คนในหมู่บ้านเห็น
เป็นเรื่องเล็กน้อย คิดว่า "ไม่เป็นไร"
ผ่านไปหลายปีนับจากวันนั้น ทั้งสองบ้านก็แข่งกันซื้อกระถางต้นไม้มาตั้งหน้าบ้านตัวเอง จนกีดขวางฟุตบาท กีดขวางถนน คนในหมู่บ้าน
ก็เริ่มเดือดร้อน
บ้านแรกกับบ้านที่สองเริ่มมองหน้ากันไม่ติด หาทางกำจัดอีกฝ่าย...
บ้านแรกคิดแผนได้ รีบเดินออกไปเก็บกระถางต้นไม้ทั้งหมดเข้ามาในบ้านตัวเอง.... แล้วเดินออกไปบอกคนในหมู่บ้านให้ออกมาประท้วง
ขับไล่บ้านที่สองออกไปจากหมู่บ้าน เพราะทำให้คนในหมู่บ้านเดือดร้อน
ณ จุดนี้ คนในหมู่บ้านเห็นภาพชัดเจนว่า บ้านที่สองทำให้เกิดความเดือดร้อน โดยลืมไปว่าต้นเหตุที่แท้จริงคืออะไร
ก็รวมตัวกันขับไล่บ้านที่สองให้ออกไปจากหมู่บ้าน
ขออนุญาติจบนิทานลงตรงนี้ครับ
ใครคือคนที่ผิดในนิทานนี้ เชิญแสดงคิดเห็นครับ....
ส่วนผมขอแสดงความคิดเห็นดังนี้ครับ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้