*~.ตำนานดอกสะเลเต.~*
๏ กาลครั้งหนึ่งนั้น............. นานมา
สองคู่ผัวภรรยา................. เพื่อนแท้
แสนรักสนิทอุรา................ เป็นยิ่ง
ถึงกับตั้งหวังแม้................. ลูกได้เกี่ยวดอง ฯ
๏ สองเราใครหากได้.......... บุตรา
อีกฝ่ายมีธิดา..................... เมื่อนั้น
จักให้แต่งกันหนา............... เพื่อนยาก
อย่าพรากอย่าปิดกั้น........... เกี่ยวร้อยสมัครสมาน ฯ
๏ กาลต่อมาต่างได้............ มีครรภ์
ฝ่ายหนึ่งแพ้ท้องพลัน......... อยากส้ม
เห็นมีที่เพื่อนกัน................ มีอยู่
เดินบ่ายไม่กลัวล้ม............ เพื่อส้มเขียวหวาน ฯ
๏ ถึงชานเรือนเพื่อนแล้ว.... เอ่ยขอ ส้มแฮ
ขอแบ่งส้มแค่พอ.............. อยากลิ้น
หน้าเพื่อนกลับบึ้งงอ......... เข้าใส่
ปฏิเสธมิตรสิ้น................. ไป่ให้ดังขอ ฯ
๏ พอเหตุการณ์เช่นนี้........ ปรากฏ
มิตรภาพหายหด............... แหลกร้าว
แถมสิ่งน่ารันทด............... มาสู่
ทั้งคู่ประกาศกร้าว............. ไม่ล้อมเผาผี ฯ
๏ ฝ่ายที่แพ้ท้องอยาก....... ส้มหวาน
ได้ลูกดั่งกิ่งกาญจน์........... นิ่มเนื้อ
งามหมดจดสคราญ........... เบญจ- กัลยา
ตั้งชื่อ "อั้ว" อะเคื้อ............ จากนั้นนานมา ฯ
๏ ภรรยาอีกฝ่ายได้............ บุตรา
เป็นหนุ่มหล่อกายา............ หนึ่งนั้น
"ขูลู" นั่นฉายา................... ชายชาติ
ประหนึ่งกรรมบีบคั้น........... ก่อให้รักกัน ฯ
๏ ผูกพันโดยปิดป้อง.......... แอบคบ
จะรักต้องหลีกหลบ............ บ่อยครั้ง
จวบพ่อแม่รู้คบ.................. กันอยู่
ห้ามเด็ดขาดยับยั้ง............. อย่าได้ไปหา ฯ
๏ ต่อมาเจ้าหนี้ฝ่าย............ อั้วนาง
ได้เอ่ยทวงสตางค์.............. เก่ากู้
แต่พ่อแม่ทรัพย์จาง............ จนกรอบ
ทางฝ่ายเจ้าหนี้รู้................ จึ่งได้พาที ฯ
๏ ขอบุตรีชื่ออั้ว................ เอามา
ขอแต่งเป็นภรรยา............. ร่วมห้อง
ทั้งขัดดอกเงินตรา............. หนี้เก่า
พ่อแม่ต่างเห็นพ้อง............ ร่วมปลื้มยินดี ฯ
๏ ก่อนพิธีแต่งนั้น............. หนึ่งวัน
สองหนุ่มสาวพบกัน........... อีกครั้ง
ต่างมอบรักสัมพันธ์............ พิศวาส
มิอาจเคียงคู่รั้ง................. ร่วมห้องเคหา ฯ
๏ วันต่อมาก่อนเข้า........... พิธี
อั้วหนึ่งยอดนารี................ จากแล้ว
ผูกคอจบชีวี..................... ใจเด็ด
พ่อแม่ต่างใจแป้ว.............. ร่ำไห้รำพัน ฯ
๏ นางตั้งมั่นจิตแล้ว........... อธิษฐาน
ขออยู่ร่วมชายชาญ............ ชาติหน้า
ขูลูทราบเหตุการณ์............. ตั้งจิต
ดับชีพตนอ้างฟ้า................ และพื้นเป็นพยาน ฯ
๏ ท่ามกาลกัล์ปบทเบื้อง...... ดำเนิน
วงวัฏฏ์พลัดเผชิญ............... กี่สร้าง
ขอจงอย่าห่างเหิน............... พลัดพราก อีกนา
แล้วฆ่าตัวตายบ้าง.............. เสียบด้วยมีดตน ฯ
๏ ผลพวงจากลูกสิ้น............ ทั้งสอง
พ่อแม่ต่างปรองดอง............ สนิทล้น
และคำอธิษฐานของ............ สาวหนุ่ม
ปรากฏเกิดเป็นต้น............... ดอกไม้สีขาว ฯ
๏ ชาวบ้านทางถิ่นโน้น........ อีสาน
เรียก "สะเลเต" ขาน........... ชื่อเจ้า
กลีบดอกดุจผ้ายาน............ ชายพัสตร์
และดั่งมีดยื่นเฝ้า............... อยู่ใกล้กลีบงาม ฯ
๏ บางภาคเรียกชื่อนั้น........ "มหาหงส์"
"ตาห่าน" เหนือเจาะจง........ ชื่อนี้
"หางหงส์" ถูกต้องตรง........ ก็ว่า
ตามแต่จะเรียกชี้................ ชื่อนั้นสืบมา ๚ะ๛
...ภาพจากเน็ต
*~.ตำนานดอกสะเลเต.~*
๏ กาลครั้งหนึ่งนั้น............. นานมา
สองคู่ผัวภรรยา................. เพื่อนแท้
แสนรักสนิทอุรา................ เป็นยิ่ง
ถึงกับตั้งหวังแม้................. ลูกได้เกี่ยวดอง ฯ
๏ สองเราใครหากได้.......... บุตรา
อีกฝ่ายมีธิดา..................... เมื่อนั้น
จักให้แต่งกันหนา............... เพื่อนยาก
อย่าพรากอย่าปิดกั้น........... เกี่ยวร้อยสมัครสมาน ฯ
๏ กาลต่อมาต่างได้............ มีครรภ์
ฝ่ายหนึ่งแพ้ท้องพลัน......... อยากส้ม
เห็นมีที่เพื่อนกัน................ มีอยู่
เดินบ่ายไม่กลัวล้ม............ เพื่อส้มเขียวหวาน ฯ
๏ ถึงชานเรือนเพื่อนแล้ว.... เอ่ยขอ ส้มแฮ
ขอแบ่งส้มแค่พอ.............. อยากลิ้น
หน้าเพื่อนกลับบึ้งงอ......... เข้าใส่
ปฏิเสธมิตรสิ้น................. ไป่ให้ดังขอ ฯ
๏ พอเหตุการณ์เช่นนี้........ ปรากฏ
มิตรภาพหายหด............... แหลกร้าว
แถมสิ่งน่ารันทด............... มาสู่
ทั้งคู่ประกาศกร้าว............. ไม่ล้อมเผาผี ฯ
๏ ฝ่ายที่แพ้ท้องอยาก....... ส้มหวาน
ได้ลูกดั่งกิ่งกาญจน์........... นิ่มเนื้อ
งามหมดจดสคราญ........... เบญจ- กัลยา
ตั้งชื่อ "อั้ว" อะเคื้อ............ จากนั้นนานมา ฯ
๏ ภรรยาอีกฝ่ายได้............ บุตรา
เป็นหนุ่มหล่อกายา............ หนึ่งนั้น
"ขูลู" นั่นฉายา................... ชายชาติ
ประหนึ่งกรรมบีบคั้น........... ก่อให้รักกัน ฯ
๏ ผูกพันโดยปิดป้อง.......... แอบคบ
จะรักต้องหลีกหลบ............ บ่อยครั้ง
จวบพ่อแม่รู้คบ.................. กันอยู่
ห้ามเด็ดขาดยับยั้ง............. อย่าได้ไปหา ฯ
๏ ต่อมาเจ้าหนี้ฝ่าย............ อั้วนาง
ได้เอ่ยทวงสตางค์.............. เก่ากู้
แต่พ่อแม่ทรัพย์จาง............ จนกรอบ
ทางฝ่ายเจ้าหนี้รู้................ จึ่งได้พาที ฯ
๏ ขอบุตรีชื่ออั้ว................ เอามา
ขอแต่งเป็นภรรยา............. ร่วมห้อง
ทั้งขัดดอกเงินตรา............. หนี้เก่า
พ่อแม่ต่างเห็นพ้อง............ ร่วมปลื้มยินดี ฯ
๏ ก่อนพิธีแต่งนั้น............. หนึ่งวัน
สองหนุ่มสาวพบกัน........... อีกครั้ง
ต่างมอบรักสัมพันธ์............ พิศวาส
มิอาจเคียงคู่รั้ง................. ร่วมห้องเคหา ฯ
๏ วันต่อมาก่อนเข้า........... พิธี
อั้วหนึ่งยอดนารี................ จากแล้ว
ผูกคอจบชีวี..................... ใจเด็ด
พ่อแม่ต่างใจแป้ว.............. ร่ำไห้รำพัน ฯ
๏ นางตั้งมั่นจิตแล้ว........... อธิษฐาน
ขออยู่ร่วมชายชาญ............ ชาติหน้า
ขูลูทราบเหตุการณ์............. ตั้งจิต
ดับชีพตนอ้างฟ้า................ และพื้นเป็นพยาน ฯ
๏ ท่ามกาลกัล์ปบทเบื้อง...... ดำเนิน
วงวัฏฏ์พลัดเผชิญ............... กี่สร้าง
ขอจงอย่าห่างเหิน............... พลัดพราก อีกนา
แล้วฆ่าตัวตายบ้าง.............. เสียบด้วยมีดตน ฯ
๏ ผลพวงจากลูกสิ้น............ ทั้งสอง
พ่อแม่ต่างปรองดอง............ สนิทล้น
และคำอธิษฐานของ............ สาวหนุ่ม
ปรากฏเกิดเป็นต้น............... ดอกไม้สีขาว ฯ
๏ ชาวบ้านทางถิ่นโน้น........ อีสาน
เรียก "สะเลเต" ขาน........... ชื่อเจ้า
กลีบดอกดุจผ้ายาน............ ชายพัสตร์
และดั่งมีดยื่นเฝ้า............... อยู่ใกล้กลีบงาม ฯ
๏ บางภาคเรียกชื่อนั้น........ "มหาหงส์"
"ตาห่าน" เหนือเจาะจง........ ชื่อนี้
"หางหงส์" ถูกต้องตรง........ ก็ว่า
ตามแต่จะเรียกชี้................ ชื่อนั้นสืบมา ๚ะ๛
...ภาพจากเน็ต