สวัสดีครับ ผมรบกวนปรึกษาเกี่ยวกับปัญหาครอบครัวของผมครับ ต้องขอโทษด้วยนะครับที่ข้อความอาจจะยาวเกินไป
ครอบครัวของผมทำธุรกิจขนาดปานกลางครับ ความสุขในครอบครัวสำหรับตัวผมและน้องๆแล้วจะมีความสุขเสมอเมื่ออยู่กับแม่ผู้ซึ่งอาจเรียกได้ว่าเป็นหัวหน้าครอบครัว แต่ไม่ใช่ว่าอยู่กับพ่อพวกผมจะไม่มีความสุขนะครับ พวกเราก็มีความสุขดี แต่ในหลายๆครังที่ผมและน้องๆมานั่งคุยกันว่าพ่อของพวกเราเหมือนไม่ค่อยรักแม่ของเราเลย เพราะว่าพ่อมักจะเอาแม่มาว่าให้พวกผม พนักงาน หรือ เพื่อนของพ่อฟัง ประมาณ90% ของเรื่องเหล่านี้คือเรื่อง เงิน ครับ
ตลอดช่วงเวลาที่ผมจำความได้แม่ของผมไม่ได้ให้เงินพ่อเป็นรายเดือนครับ แต่จะให้ 3-4 วันครั้ง เนื่องจากที่บ้านทำธุรกิจและแม่เป็นเสมือนหัวหน้าครอบครัว แต่พ่อเป็นคนที่คอยช่วยดูงานในบางวันครับ เหมือนกับว่าพ่อผมจะมีเงินเก็บ แต่ในความจริงแล้ว พ่อผมไม่มีเงินเก็บครับ เงินส่วนใหญ่หมดไปกับการซื้อของที่เขาชอบมาเก็บไว้ ในหลายๆครั้งแม่ผมก็พูดกับพ่อผมว่าของบางอย่างเราไม่มีความจำเป็นต้องใช้ การที่ซื้อมาเก็บไว้หลายๆชิ้นมันเป็นการเสียเงินโดยเปล่าประโยชน์ แต่พ่อผมมักจะอารมณ์เสียในเรื่องแบบนี้ครับ
อย่างที่ผมบอกไว้ครับว่าบ่อยครั้งที่พ่อผมมักจะเอาแม่ผมไปพูดให้คนอื่นฟังในแง่ที่ไม่ดี เช่นว่าไม่ให้เงินเขาใช้ (ในความเป็นจริงแล้ว ให้ใช้ครับแต่พ่อผมยังไม่พอใจครับ) หลายๆครั้งที่พ่อว่าแม่ให้พวกผมฟัง พวกผมก็รับฟังครับแล้วก็ไม่ได้พูดอะไรไปในทางที่เห็นด้วยหรืออะไรก้ตามที่จะทำให้ครอบครัวเรารักกันน้อยลง ตรงนี้ผมไม่กังวลใจมากเท่ากับการที่พ่อผมเอาเรื่องเเม่ผมซึ่งเป็นเจ้าของกิจการไปพูดให้กับคนนอก หรือพนักงานฟังครับ แม่ผมเคยขอบอกกับพ่อว่า อย่าเอาเรื่องในครอบครัวไปพูดกับพนักงาน หรือคนนอก คำตอบที่แม่ผมได้รับคือ พ่อตอบว่า เขาทำไม่ได้เพราะนิสัยเขาเป็นเเบบนี้
ในช่วงสองปีหลังมานี้ แม่ผมได้ให้เงินพ่อโดยการมอบธุรกิจส่วนหนึ่งให้ครับเดือนนึงเฉลี่ยแล้วประมาณ 50000 บาทครับ เพื่อที่จะให้พ่อได้ใช้จ่ายเงิน และพ่อจะได้ไม่เครียด เพราะที่ผ่านมาพ่อผมมักจะเครียดแล้วก็นำไปสู่การทะเลาะกันกับเเม่ในเรื่องของเงินครับ แต่เหมือนว่าปัญหานี้จะจบลงไปได้ แต่ความจริงแล้วยังไม่จบครับ เพราะว่าพ่อของผมนำเงินที่ได้มาจากธุรกิจที่แม่แบ่งให้เก็บไว้ โดยไม่นำออกมาใช้จ่ายส่วนตัว แต่จะขอแม่ผมอยู่เรื่อยๆครับทีละ 5-6000บาท ค่าใช้จ่ายของครอบครัวทั้งหมดอยู่กับแม่ครับ ซึ่งเมื่อแม่เเบ่งธุรกิจส่วนนี้ให้พ่อไป แม่ผมนึกว่าพ่อจะไม่เครียดเพราะว่ามีเงินใช้เเละมีเงินเก็บแล้วครับ
พ่อผมมักบ่นว่าเครียดไม่มีเงินใช้ครับ ต้องนั่งคอยขออยู่ตลอด เรื่องเหล่านี้ทำให้พ่อกับเเม่ผมมักทะเลาะกันอยู่บ่อยๆ ล่าสุดเมื่อเดือนที่แล้วมีเหตุทำให้แม่ผมแยกห้องนอนกับพ่อครับ ผมลืมบอกไปว่าในการทะเลาะกันเเต่ละครั้ง พ่อกับเเม่ผมจะงอลกันหรือโกรธกันไม่นาน บางทีเเค่ครึ่งวันหรือวันเดียวก็กลับมาดีกันเหมือนเดิมครับ แต่พอมาช่วงหลังนี้ พ่อผมมักอารมณ์แปรปรวนมากขึ้นครับ เเล้วเขาก็เริ่มบ่นมากขึ้นว่าไม่มีเงินใช้ ทั้งๆที่เงินส่วนเเบ่งธุรกิจพ่อผมยังคงได้รับอยู่ เรื่องนี้ผมกับน้องเคยบอกพ่อครับว่า พ่อเอาเงินส่วนนั้นมาใช้จ่ายได้นะพ่อจะได้ไม่เครียด แล้วถึงเเม้พ่อนำเงินออกมาใช้พ่อก็ยังมีเงินเก็บอยู่บ้าง แต่คำตอบที่ได้รับคือไม่ครับ พ่อผมบอกว่าจะเก็บไว้ไม่ใช่เลย ที่ผ่านมาพ่ออยากได้อะไรแม่ผมซื้อให้ตลอดครับเพราะถ้าไม่ซื้อก็จะทะเลาะกัน และจะทำให้แม่ผมอาย เช่นไปยืมเงินคนนอกครับซึ่งเป็นบริษัทเหมือนเเม่ผมที่ทำธุรกิจเดียวกัน ณ ตอนนี้แม่ผมก็ไม่รู้ครับ ว่าจะทำอย่างไรให้ครอบครัวของเรามีความสุขมากขึ้น ผมในฐานะลูกจะบอกกับพ่อว่าให้พอใจในกับที่มีอยู่ ก็จะดูไม่ดีครับ
ช่วงหลังมานี้พ่อผมเริ่มมีความคิดแผลงๆบางอย่างที่อาจไม่สามารถกล่าวไม่ได้ในนี้ สิ่งเหล่านี้ยิ่งทำให้เเม่ผมเครียด ผมนอนเป็นเพื่อนเเม่ทุกๆคืนหลังปิดไป แม่จะนอนไม่หลับพูดกับผมเสมอเรื่องพ่อ ผมก็คิดอะไรไม่ออกครับได้เเต่ปลอบกับเเม่ ช่วยกันหาวิธีที่จะให้พ่อมีความสุขกับสิ่งที่มีอยู่
ผมรบกวนขอปรึกษาด้วยนะครับ
ขอบคุณมากครับ
รบกวนปรึกษาเรื่องครอบครัวครับ
ครอบครัวของผมทำธุรกิจขนาดปานกลางครับ ความสุขในครอบครัวสำหรับตัวผมและน้องๆแล้วจะมีความสุขเสมอเมื่ออยู่กับแม่ผู้ซึ่งอาจเรียกได้ว่าเป็นหัวหน้าครอบครัว แต่ไม่ใช่ว่าอยู่กับพ่อพวกผมจะไม่มีความสุขนะครับ พวกเราก็มีความสุขดี แต่ในหลายๆครังที่ผมและน้องๆมานั่งคุยกันว่าพ่อของพวกเราเหมือนไม่ค่อยรักแม่ของเราเลย เพราะว่าพ่อมักจะเอาแม่มาว่าให้พวกผม พนักงาน หรือ เพื่อนของพ่อฟัง ประมาณ90% ของเรื่องเหล่านี้คือเรื่อง เงิน ครับ
ตลอดช่วงเวลาที่ผมจำความได้แม่ของผมไม่ได้ให้เงินพ่อเป็นรายเดือนครับ แต่จะให้ 3-4 วันครั้ง เนื่องจากที่บ้านทำธุรกิจและแม่เป็นเสมือนหัวหน้าครอบครัว แต่พ่อเป็นคนที่คอยช่วยดูงานในบางวันครับ เหมือนกับว่าพ่อผมจะมีเงินเก็บ แต่ในความจริงแล้ว พ่อผมไม่มีเงินเก็บครับ เงินส่วนใหญ่หมดไปกับการซื้อของที่เขาชอบมาเก็บไว้ ในหลายๆครั้งแม่ผมก็พูดกับพ่อผมว่าของบางอย่างเราไม่มีความจำเป็นต้องใช้ การที่ซื้อมาเก็บไว้หลายๆชิ้นมันเป็นการเสียเงินโดยเปล่าประโยชน์ แต่พ่อผมมักจะอารมณ์เสียในเรื่องแบบนี้ครับ
อย่างที่ผมบอกไว้ครับว่าบ่อยครั้งที่พ่อผมมักจะเอาแม่ผมไปพูดให้คนอื่นฟังในแง่ที่ไม่ดี เช่นว่าไม่ให้เงินเขาใช้ (ในความเป็นจริงแล้ว ให้ใช้ครับแต่พ่อผมยังไม่พอใจครับ) หลายๆครั้งที่พ่อว่าแม่ให้พวกผมฟัง พวกผมก็รับฟังครับแล้วก็ไม่ได้พูดอะไรไปในทางที่เห็นด้วยหรืออะไรก้ตามที่จะทำให้ครอบครัวเรารักกันน้อยลง ตรงนี้ผมไม่กังวลใจมากเท่ากับการที่พ่อผมเอาเรื่องเเม่ผมซึ่งเป็นเจ้าของกิจการไปพูดให้กับคนนอก หรือพนักงานฟังครับ แม่ผมเคยขอบอกกับพ่อว่า อย่าเอาเรื่องในครอบครัวไปพูดกับพนักงาน หรือคนนอก คำตอบที่แม่ผมได้รับคือ พ่อตอบว่า เขาทำไม่ได้เพราะนิสัยเขาเป็นเเบบนี้
ในช่วงสองปีหลังมานี้ แม่ผมได้ให้เงินพ่อโดยการมอบธุรกิจส่วนหนึ่งให้ครับเดือนนึงเฉลี่ยแล้วประมาณ 50000 บาทครับ เพื่อที่จะให้พ่อได้ใช้จ่ายเงิน และพ่อจะได้ไม่เครียด เพราะที่ผ่านมาพ่อผมมักจะเครียดแล้วก็นำไปสู่การทะเลาะกันกับเเม่ในเรื่องของเงินครับ แต่เหมือนว่าปัญหานี้จะจบลงไปได้ แต่ความจริงแล้วยังไม่จบครับ เพราะว่าพ่อของผมนำเงินที่ได้มาจากธุรกิจที่แม่แบ่งให้เก็บไว้ โดยไม่นำออกมาใช้จ่ายส่วนตัว แต่จะขอแม่ผมอยู่เรื่อยๆครับทีละ 5-6000บาท ค่าใช้จ่ายของครอบครัวทั้งหมดอยู่กับแม่ครับ ซึ่งเมื่อแม่เเบ่งธุรกิจส่วนนี้ให้พ่อไป แม่ผมนึกว่าพ่อจะไม่เครียดเพราะว่ามีเงินใช้เเละมีเงินเก็บแล้วครับ
พ่อผมมักบ่นว่าเครียดไม่มีเงินใช้ครับ ต้องนั่งคอยขออยู่ตลอด เรื่องเหล่านี้ทำให้พ่อกับเเม่ผมมักทะเลาะกันอยู่บ่อยๆ ล่าสุดเมื่อเดือนที่แล้วมีเหตุทำให้แม่ผมแยกห้องนอนกับพ่อครับ ผมลืมบอกไปว่าในการทะเลาะกันเเต่ละครั้ง พ่อกับเเม่ผมจะงอลกันหรือโกรธกันไม่นาน บางทีเเค่ครึ่งวันหรือวันเดียวก็กลับมาดีกันเหมือนเดิมครับ แต่พอมาช่วงหลังนี้ พ่อผมมักอารมณ์แปรปรวนมากขึ้นครับ เเล้วเขาก็เริ่มบ่นมากขึ้นว่าไม่มีเงินใช้ ทั้งๆที่เงินส่วนเเบ่งธุรกิจพ่อผมยังคงได้รับอยู่ เรื่องนี้ผมกับน้องเคยบอกพ่อครับว่า พ่อเอาเงินส่วนนั้นมาใช้จ่ายได้นะพ่อจะได้ไม่เครียด แล้วถึงเเม้พ่อนำเงินออกมาใช้พ่อก็ยังมีเงินเก็บอยู่บ้าง แต่คำตอบที่ได้รับคือไม่ครับ พ่อผมบอกว่าจะเก็บไว้ไม่ใช่เลย ที่ผ่านมาพ่ออยากได้อะไรแม่ผมซื้อให้ตลอดครับเพราะถ้าไม่ซื้อก็จะทะเลาะกัน และจะทำให้แม่ผมอาย เช่นไปยืมเงินคนนอกครับซึ่งเป็นบริษัทเหมือนเเม่ผมที่ทำธุรกิจเดียวกัน ณ ตอนนี้แม่ผมก็ไม่รู้ครับ ว่าจะทำอย่างไรให้ครอบครัวของเรามีความสุขมากขึ้น ผมในฐานะลูกจะบอกกับพ่อว่าให้พอใจในกับที่มีอยู่ ก็จะดูไม่ดีครับ
ช่วงหลังมานี้พ่อผมเริ่มมีความคิดแผลงๆบางอย่างที่อาจไม่สามารถกล่าวไม่ได้ในนี้ สิ่งเหล่านี้ยิ่งทำให้เเม่ผมเครียด ผมนอนเป็นเพื่อนเเม่ทุกๆคืนหลังปิดไป แม่จะนอนไม่หลับพูดกับผมเสมอเรื่องพ่อ ผมก็คิดอะไรไม่ออกครับได้เเต่ปลอบกับเเม่ ช่วยกันหาวิธีที่จะให้พ่อมีความสุขกับสิ่งที่มีอยู่
ผมรบกวนขอปรึกษาด้วยนะครับ
ขอบคุณมากครับ