ฝรั่งคนนึงพูดถึง "ฟาสซิสต์" เลยเอามาให้ดู
แปลยากพอสมควร ดังนั้น แปลเอาแต่พอรู้เรื่องละกัน
ต้นฉบับ English คลิกนี่
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
In Europe, fascism was the anti-modern reaction to the vertigo of change driven by social modernisation and economic globalization. Societies transformed almost over night. New classes emerged, threatening old ones in decline. New values, lifestyles and gender roles threatened traditional identities.
When the middle classes were scared to lose their status and identity, they turned aggressive towards scapegoats. On the streets, left and right wing mobs ruled. As the old order was inevitably dying, society fought over a new political and social order. In this chaos, fascists promised to restore unity and order.
Contrasting the "decay" of the present against an imagined golden past, fascist movements tried to turn back the wheel of history. "One empire, one people, one leader" aimed to purge the chaotic plurality of the industrial society and return to the mythical unity and simplicity of the "agricultural community". Despite its anti-capitalist rhetoric, fascism could explain "national decay" only by the moral failure of "bad people", which needed to be (literally) rooted out to heal the body of the people. As this cannot be done without conflict, violence and (civil) war was the logical consequence.
The first thing fascists did was to ban elections, as the will of the people was already symbolized in the leader. The Great Leader appointed an administration which only purpose was to execute his will, which was the will of the people.
In retrospect, it seems odd how such an immoral and idiotic ideology could reign over such "civilised and educated people" as the Germans and Italians. It is helpful to remember that fascism existed only at the fringes for a long time. Its rise to power only came when the middle classes got scared. Middle class angst always rocks the boat.
จาก https://www.facebook.com/marc.saxer/posts/10202041688137592
ในยุโรปนั้น ฟาสซิสต์เป็นอาการของการต่อต้านความความเจริญ
เป็นอาการจากการปรับตัวไม่ทันต่อสังคมที่กำลังเจริญรุดหน้า
และเศรษฐกิจโลกที่กำลังผสานกันเข้าเป็นหนึ่งเดียว.
กระแสสังคมเปลี่ยนเร็วแทบจะเรียกว่าข้ามคืนนั้
ทำให้มีชนชั้นใหม่ๆเกิดขึ้น และมันกระเทือนชนชั้นเก่าๆที่กำลังเป็นขาลง.
คตินิยมใหม่ๆ ค่านิยมใหม่ๆ และบทบาทใหม่ๆ เข้ามาท้าทายของเดิม
เมื่อพวกชนชั้นกลางรู้สึกกลัวว่าเขากำลังสูญเสียรัสมีลงไป
พวกเขาก็เริ่มไม่พอใจและควานหาที่ลง ด้วยการลงไปม๊อบที่ข้างถนน
คว้าแบบไหนได้ก็เอาหมดไม่ว่าจะแบบซ้ายจัดหรือฝ่ายขวาจัด
ในขณะที่สังคมกำลังดิ้นรนให้ได้มาซึ่งระบอบการปกครองที่ใหม่และดีกว่าเดิม
แต่พวกฟาสซิสต์จะพยามเสนอพันธสัญญาว่าจะรื้นฟื้นระบอบระเบียบแบบเดิมกลับมา
(ประมาณว่าคนจะเอาของใหม่กันทั้งบ้านทั้งเมือง แต่พวกฟาสซิสต์นี่จะเอาของเก่า ของเก่าดีกว่า ว่างั้น)
พวกฟาสซิสต์จะพยามยัดเยียดไอเดียกับเราด้วยการ
เอาข้อเสียของระบอบปัจจุบันนี้ ไปเทียบกับอดีตที่รุ่งเรืองในวันเก่า
(ประมาณว่า เห็นมั๊ย บอกแล้วไม่เชื่อ)
พวกฟาสซิสต์นี่จะเดินถอยหลัง สวนกระแสการเวลา
ประเภท "จักรวรรดิเดียว เชื้อชาติเดียว ผู้นำคนเดียว" อะไรประมาณนั้น
เพื่อที่จะกวาดล้างสังคมอุตสาหกรรมที่มีแต่ภาพความวุ่นวายของปัญหาต่างๆ
แล้วกลับไปสู่สังคมที่มีระเบียบเรียบง่ายแบบสังคมเกษตรกรรม
นอกเหนือไปจากวาทะกรรมประเภท เราต่อต้านทุนนิยมสามานย์ อะไรเทือกนั้นแล้ว
พวกฟาสซิสต์จะพยามอธิบายว่า ที่ชาติล่มจมอยู่นั้นก็เพราะ"คนชั่ว"
ที่จำเป็นจะต้องถอนรากถอนโคนให้หมดไป (หมายถึงถอนรากถอนโคนจริงๆไปเลย ไม่ใช่แค่เปรียบเทียบ)
และการจะทำเช่นนั้นได้ มันก็ไม่พ้นความรุนแรง การขัดแย้ง และนำไปสู่สงคราม(กลางเมือง)
สิ่งแรกที่พวกฟาสซิสต์จะทำคือการ Ban การเลือกตั้ง
(ชิหาละ ดอกนี้ ทำไมมันคุ้นๆ)
เขาเชื่อว่าผู้นำของเขาเป้นตัวแทนของ(มวลมหา)ประชาชน
ท่านผู้นำจะเป็นผู้แต่งตั้งคณะบริหารขึ้นมาเพื่อนำความคิดของท่านผู้นำไปปฏิบัติ
ซึ่งก็หมายถึง(ว่ามันคือ)เจตน์จำนงค์ของ(มวลมหา)ประชาชน
เมื่อเรามามองย้อนกลับไปในอดีต
มันก็ประหลาดดีเหมือนกันที่ไอเดียสั่วๆ ไม่ถูกทำนองคลองธรรมพวกนี้
กลับใช้ได้ผลในการปกครองคนที่ "ศิวิไลส์และมีการศึกษา" อย่างพวกอิตาเลียนและเยอรมันได้
มันมีประโยชน์ที่เราจะรำลึกว่าครั้งนึง เคยมีลัทธิฟาสซิสต์เกิดขึ้นเมื่อนานมาแล้ว
และมันจะเรืองอำนาจขึ้นมาได้ก็ต่อเมื่อชนชั้นกลางเกิดความกลัว
และเวลาชนชั้นกลางอาละวาดนั้นมันก็สาหัสใช้ได้
(มีใครอ่านจบแล้วรู้สึกว่า อิตาคนนี้มันด่าสุเทพไหม? นี่เขาเล่าเรื่องประวัติศาสตร์สมัยพระเจ้าเหาของเขานะเนี่ยะ )
รู้ทัน สุเทพ-ฟาสซิสต์ ตอนที่ 1
แปลยากพอสมควร ดังนั้น แปลเอาแต่พอรู้เรื่องละกัน
ต้นฉบับ English คลิกนี่ [Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
ในยุโรปนั้น ฟาสซิสต์เป็นอาการของการต่อต้านความความเจริญ
เป็นอาการจากการปรับตัวไม่ทันต่อสังคมที่กำลังเจริญรุดหน้า
และเศรษฐกิจโลกที่กำลังผสานกันเข้าเป็นหนึ่งเดียว.
กระแสสังคมเปลี่ยนเร็วแทบจะเรียกว่าข้ามคืนนั้
ทำให้มีชนชั้นใหม่ๆเกิดขึ้น และมันกระเทือนชนชั้นเก่าๆที่กำลังเป็นขาลง.
คตินิยมใหม่ๆ ค่านิยมใหม่ๆ และบทบาทใหม่ๆ เข้ามาท้าทายของเดิม
เมื่อพวกชนชั้นกลางรู้สึกกลัวว่าเขากำลังสูญเสียรัสมีลงไป
พวกเขาก็เริ่มไม่พอใจและควานหาที่ลง ด้วยการลงไปม๊อบที่ข้างถนน
คว้าแบบไหนได้ก็เอาหมดไม่ว่าจะแบบซ้ายจัดหรือฝ่ายขวาจัด
ในขณะที่สังคมกำลังดิ้นรนให้ได้มาซึ่งระบอบการปกครองที่ใหม่และดีกว่าเดิม
แต่พวกฟาสซิสต์จะพยามเสนอพันธสัญญาว่าจะรื้นฟื้นระบอบระเบียบแบบเดิมกลับมา
(ประมาณว่าคนจะเอาของใหม่กันทั้งบ้านทั้งเมือง แต่พวกฟาสซิสต์นี่จะเอาของเก่า ของเก่าดีกว่า ว่างั้น)
พวกฟาสซิสต์จะพยามยัดเยียดไอเดียกับเราด้วยการ
เอาข้อเสียของระบอบปัจจุบันนี้ ไปเทียบกับอดีตที่รุ่งเรืองในวันเก่า (ประมาณว่า เห็นมั๊ย บอกแล้วไม่เชื่อ)
พวกฟาสซิสต์นี่จะเดินถอยหลัง สวนกระแสการเวลา
ประเภท "จักรวรรดิเดียว เชื้อชาติเดียว ผู้นำคนเดียว" อะไรประมาณนั้น
เพื่อที่จะกวาดล้างสังคมอุตสาหกรรมที่มีแต่ภาพความวุ่นวายของปัญหาต่างๆ
แล้วกลับไปสู่สังคมที่มีระเบียบเรียบง่ายแบบสังคมเกษตรกรรม
นอกเหนือไปจากวาทะกรรมประเภท เราต่อต้านทุนนิยมสามานย์ อะไรเทือกนั้นแล้ว
พวกฟาสซิสต์จะพยามอธิบายว่า ที่ชาติล่มจมอยู่นั้นก็เพราะ"คนชั่ว"
ที่จำเป็นจะต้องถอนรากถอนโคนให้หมดไป (หมายถึงถอนรากถอนโคนจริงๆไปเลย ไม่ใช่แค่เปรียบเทียบ)
และการจะทำเช่นนั้นได้ มันก็ไม่พ้นความรุนแรง การขัดแย้ง และนำไปสู่สงคราม(กลางเมือง)
สิ่งแรกที่พวกฟาสซิสต์จะทำคือการ Ban การเลือกตั้ง (ชิหาละ ดอกนี้ ทำไมมันคุ้นๆ)
เขาเชื่อว่าผู้นำของเขาเป้นตัวแทนของ(มวลมหา)ประชาชน
ท่านผู้นำจะเป็นผู้แต่งตั้งคณะบริหารขึ้นมาเพื่อนำความคิดของท่านผู้นำไปปฏิบัติ
ซึ่งก็หมายถึง(ว่ามันคือ)เจตน์จำนงค์ของ(มวลมหา)ประชาชน
เมื่อเรามามองย้อนกลับไปในอดีต
มันก็ประหลาดดีเหมือนกันที่ไอเดียสั่วๆ ไม่ถูกทำนองคลองธรรมพวกนี้
กลับใช้ได้ผลในการปกครองคนที่ "ศิวิไลส์และมีการศึกษา" อย่างพวกอิตาเลียนและเยอรมันได้
มันมีประโยชน์ที่เราจะรำลึกว่าครั้งนึง เคยมีลัทธิฟาสซิสต์เกิดขึ้นเมื่อนานมาแล้ว
และมันจะเรืองอำนาจขึ้นมาได้ก็ต่อเมื่อชนชั้นกลางเกิดความกลัว
และเวลาชนชั้นกลางอาละวาดนั้นมันก็สาหัสใช้ได้
(มีใครอ่านจบแล้วรู้สึกว่า อิตาคนนี้มันด่าสุเทพไหม? นี่เขาเล่าเรื่องประวัติศาสตร์สมัยพระเจ้าเหาของเขานะเนี่ยะ )