ลองอ่านดูคุณคิดยังไงครับ ถ้าเปรียบเทียบกับเรื่องอื่น สังเกตุไหมครับ คนดีๆมักไม่รวย(ไม่ใช่ทุกคน) ทำงานงกงก เงินเดือนก็ไม่ได้มากมายเท่าไหร่(เเล้วก็บอกมีความสุข ลึกๆเป็นไง) พออยู่ พอกิน มีเงินเก็บ จนอายุมากขึ้นเรื่อยๆ คนที่มีชีวิตเป็นขั้นเป็นตอน 1-2-3-4 เเต่คนที่สีเทา สีดำ จะรวย(มีช่องทางหากิน) เช่น ขายเครื่องสำอางอันตรายรับมาร้อย ขายหลายพัน ทำให้สินค้าดูดีมีราคา มีเงินก็ไปต่อยอดทำอะไรอย่างอื่นที่ถูก จะว่าเค้าเก่งก็ได้นะถ้ามองอีกมุมหนึ่ง อย่างเมื่อก่อน เจ้าของบริษัทเทปค่ายยักษ์ เริ่มเเรกก็ขายเทปผี cd เถื่อนเหมือนกัน ธุรกิจสีเทาพอมีกำไรเยอะๆ(มีทุน) ค่อยขยับขยาย ทำสิ่งที่ถูก คนที่รวยมือสะอาดจริงๆไม่มีหรอก คิดอย่างงั้นไหมครับ (หุ้น เเต่งบัญชี ภาษี นอกในอีก)
อย่างนี้เรียกว่า เลว ได้ไหมครับ หรือของธรรมดาของสังคม
สังคมเดี๋ยวนี้ดูจากภายนอกไม่ได้จริงๆ ว่าทำงานอะไรมาบ้าง ผ่านอะไรมาบ้าง ชีวิตเเบบน้ำจริงๆเเล้ว
อาจจะดีกว่าก็ได้ ถ้าเทียบกับบั้นปลายชีวิต(ถ้ารู้จักใช้ชีวิต ระวังตัว เเละป้องกัน)
ขออนุญาตเจ้าของบทความด้วย ขอบคุณครับ
เปลือยอก ‘นศ.สาว ไซด์ไลน์’ ทำไมต้องขายตัว ?
สาวน้อยวัย 20 ปี ซึ่งด้านหนึ่งเธอคือ นักศึกษา ปี 2 คณะยอดฮิต ของมหาวิทยาลัยเอกชนชื่อดังแห่งหนึ่ง ในขณะที่อีกด้าน เธอ คือ “สาวไซด์ไลน์” ! หลังจากรอเกือบชั่วโมง ผู้ให้สัมภาษณ์เดินทางมาถึง น้ำ กล่าวทักทาย และขอตัวไปเปลี่ยนเครื่องแต่งกาย หลังจากกลับมา การสนทนา จึงเริ่มขึ้น “ตอนนี้อยู่ระหว่างปิดเทอมค่ะ กลางวัน จะไปเรียนภาษาเพิ่มเติม ที่..... (สถาบันสอนภาษาชื่อดังแห่งหนึ่ง)” น้ำ เล่าให้ฟังถึงชีวิตประจำวัน ในช่วงนี้
น้ำ เป็นคนกรุงเทพ ตั้งแต่กำเนิด สำหรับสาเหตุที่เลือกเดินบนทางสายนี้ มาจากปัญหาครอบครัว และด้านฐานะ ที่รับตัวเองไม่ได้ จากเคยร่ำรวยในวันเด็ก แต่ต้องมาขัดสนเพราะพิษเศรษฐกิจ
“ฐานะทางบ้านเมื่อก่อนจัดได้ว่า ดีมาก เรียกว่า อยากกินอยากใช้อะไรก็มี แต่ช่วงฟองสบู่แตก ติดหนี้อยู่ประมาณ 20 ล้าน ช่วงนั้น มันเหมือนกับว่า เรารับไม่ได้ตรงนี้ เพราะเราเคยรวย อยู่ดีๆ ก็เป็นอย่างนี้ แต่ไม่ใช่เรื่องเงินอย่างเดียว ที่บ้านมีปัญหาครอบครัว ก็เลยเตลิดหนีออกจากบ้าน บังเอิญมีคนเลี้ยง เพื่อนแนะนำให้ เป็นคนฮ่องกง ส่งให้เดือนละแสนห้า หรือสองแสนแล้วแต่จะขอ”
ถาม : ตอนที่หนีออกจากบ้านน้ำอายุเท่าไร
น้ำ : “18 เองค่ะ เรียนอยู่ ม. 5 จนอายุประมาณ 20 ก็เลิกกับคนเลี้ยง เราก็เริ่มทำงานหาเลี้ยงตัวเอง”
ถาม : เราเป็นเด็กเที่ยวหรือเปล่า
น้ำ : “ไม่ใช่เด็กเที่ยวเลยค่ะ จะเรียนพิเศษ ถามว่า เที่ยวไหม ก็เที่ยวเป็นบ้าง บางโอกาส แต่ว่า จะไม่ชอบเที่ยวกลางคืน ยืนยันว่า ไม่ใช่เด็กใจแตก กล้าพูดได้เลยว่า ผู้หญิงทำงานตรงนี้ไม่ใช่ว่า 100 เปอร์เซ็นต์ เป็นเด็กใจแตก
”
หลังจากไม่มีคนเลี้ยง น้ำจึงเริ่มรับงานไซด์ไลน์ โดยมีเพื่อนที่มหาวิทยาลัยทำตรงนี้อยู่ก่อนแล้วเป็นผู้ติดต่อให้ ก่อนจะก้าวมารับงานไซด์ไลน์เต็มตัว โดยมีอาบอบนวดเป็นเอเยนต์หาแขกให้
“มาอยู่จุดๆ นี้ คิดว่ามันไม่เสียหายอะไร (เงียบสักครู่) และโอเคว่า อย่างน้อยๆ คิดว่า เราก็ไม่เดือดร้อนใคร และน้ำก็ยังมีเงินส่งให้พ่อแม่เดือนละเยอะ ๆ”
“ตอนแรกรับงานนอกก่อน เด็กมหาลัยจะรับเป็นไซด์ไลน์ เพื่อนที่มหา’ลัย มาชวน ไปทีหนึ่งก็ได้มาหมื่นหนึ่ง แบบว่า เงินนะ.. พี่ หมื่นหนึ่ง ก็โอเค ทำ!! มาตอนหลังก็เลยทำเป็นเรื่องเป็นราวไปเลย มาทำตรงนี้รายได้ก็ใช้ได้ตลอด นอกจากนั้น ก็รับงานเดินแบบ ถ่ายหนังสือ .... (ชื่อนิตยสารหัวนอกชื่อดัง แนวสำหรับผู้ชาย) เพิ่งวางแผงไปเมื่อเร็วๆ นี้เอง”
“และจริงๆ แล้วเบื้องหลังการเดินแฟชั่นมันก็เป็นธุรกิจตรงนี้ เหมือนกัน เพียงแต่พวกเดินแฟชั่น เขาจะอัพเกรดราคาสูงขึ้นมา แต่เราทำอย่างประกาศตัวเลย จริงๆ แล้วไม่ก็ไม่ต่างกันเท่าไหร่ มองแล้วเขาก็ไม่ได้ดีกว่าเราสักเท่าไหร่ “ น้ำ เล่าหมดเปลือกถึงเบื้องลับแวดวงไซด์ไลน์
ถาม : น้ำ เริ่มมารับไซต์ไลน์ อย่างเต็มตัวนานแค่ไหน
น้ำ : “ช่วงที่คิดจะทำงานตรงนี้ แค่ปีเดียว เริ่มถ่ายแบบ เดินแบบ ก็ปีนี้เอง “
ถาม : ทำทุกวันหรือเปล่า
น้ำ : “ไม่ทุกวันค่ะ เพราะเรียนหนัก และต้องไปเรียนภาษาด้วย ไม่ถึงกับทำทุกวัน เพราะบางครั้ง ทางนิตยสาร ก็จะนัดให้เราไปเดินแบบบ้าง”
ถาม : รายได้ ณ วันนี้ เป็นอย่างไร
น้ำ : “ถ้าขยันก็ขึ้นหลัก 2 - 3 แสนได้ ทุกเดือน”
ถาม : ขยันในความหมายของน้ำ หมายถึงอย่างไร
น้ำ : “คือว่า น้ำทำงานตรงนี้ ต่อครั้ง 5,500 น้ำได้รอบละ 4,000 คืนๆ หนึ่งได้เป็นหมื่นทุกวัน ปกติ คืนหนึ่ง ก็ไม่แน่ว่ากี่รอบ แต่อย่างต่ำๆ ต้องมี 3 รอบทุกวัน บางทีวันละ 4 -5 รอบ แล้วก็จะมีงานนอกด้วย และลูกค้าที่จะส่งเงินมาจากเมืองนอกด้วย เช่น ฝรั่งจ้างไปอยู่ด้วยให้วันละ 10,000”
รายได้สูงขนาดนี้ ทำให้สามารถสรรหาสิ่งของได้ตามต้องการ รวมทั้งมีส่งให้ทางบ้านเป็นจำนวนมาก แต่อย่างไรก็ตาม ไม่ว่าจะเป็นพ่อแม่ หรือเพื่อนที่มหาวิทยาลัย ไม่มีใครรู้อาชีพแฝง ทุกครั้งส่งให้ทางบ้าน เธอจะบอกว่า ได้มาจากการถ่ายแฟชั่น และเดินแบบแสดงเสื้อผ้า
“เงินที่ได้ น้ำให้ที่บ้านเดือนละ 50,000 ผ่อนรถเดือนละ 30,000 ค่าเช่าคอนโดเดือนละ 20,000 กำลังปลูกบ้านอยู่ด้วย” นอกจาก ค่าใช่จ่ายดังกล่าวแล้ว เงินอีกจำนวนไม่น้อย ต้องหมดไปกับการสร้างภาพให้ตัวเองผุดผ่อง น้ำบอกว่า มันทำให้ตัวเอง ราคาไม่ตก !
“เราอยู่ตรงนี้ เราต้องขัดผิว ทำหน้า ผมต้องอบไอน้ำอาทิตย์ละครั้ง เล็บก็ไม่ตัดเอง ทุกอย่างต้องทำหมด เพราะถ้าไม่ทำ เราอยู่ตรงนี้ไม่ได้ ค่าเสื้อผ้า ค่าแต่งตัว เราก็ต้องตามแฟชั่นไม่อย่างนั้น ก็อยู่ตรงนี้ไม่ได้ เพราะเราต้องเฉี่ยว ต้องเด่น หมดกับตรงนี้เยอะมาก เรายอมทุ่มตรงนี้ เพื่อให้อยู่ตรงราคานี้ แต่ตัวน้ำเองไม่ได้ทำศัลยกรรมอะไรเลยนะ”
ต้องยุ่งกับผู้ชายที่ตัวเองไม่เคยรู้จักมาก่อน “เงิน” ตัวเดียวเท่านั้น ที่ทำให้เธอ ยอมสละได้ทุกอย่างแม้แต่กายของตัวเอง“เราคิดว่า ก็เงินนะ ถึงเขาจะดูสกปรก หรือภายนอกเป็นอะไรก็ตาม แต่เขากล้าเที่ยวราคาระดับเรา ก็แปลว่า เขาคงไม่ธรรมดา เพราะน้ำไม่ใช่เด็กตู้ 1,900 ที่อะไรก็ต้องทำ น้ำมีสิทธิ์เลือก และน้ำคิดว่า ในเมื่อเขากล้าเลือก เขาก็ต้องกล้ามีเงินจ่าย เวลาแค่ชั่วโมง น้ำก็ได้เงินแล้ว”
ถาม : จะยึดตรงนี้ไปอีกนานแค่ไหน
น้ำ : “อีกไม่นานนี้ค่ะ เพราะตอนนี้ น้ำเปิดธุรกิจของตัวเองแล้ว ซึ่งทำเป็นห้างหุ้นส่วนจำกัด ทำเกี่ยวกับยา ก็หมดเงินตรงนี้ ไปหลายแสน น้ำไม่คิดว่า จะอยู่ตรงนี้ไปอีกนานหรอกค่ะ ถ้าธุรกิจนี้ เราลงตัว น้ำหยุดแน่นอน”
ถาม : เสียใจกับชีวิตที่ผ่านมาไหม
น้ำ : “เคยคิดเสียใจว่า ทำไมเราต้องมีชีวิตเป็นอย่างนี้ ทำไมต้องทำอาชีพนี้ แต่คิดอีกทีว่า ถ้าเราไมทำตรงนี้ เราคงไม่มีปัญญามีทุกอย่าง สู้เรากัดฟันทำตอนนี้ไปก่อน จนเราสร้างอนาคตได้ มีบ้าน มีรถ มีธุรกิจ ชีวิตเราจะต้องการอะไรอีก รถเราก็มี บ้านเราก็มี ชีวิตไม่ต้องการอะไรแล้ว ตอนนี้ เหลืออย่างเดียวคืออยากมีเงินเก็บ ตอนนี้ ก็กำลังเก็บเงินอยู่”
ถาม : ถ้าให้ย้อนเวลาได้ จะเลือกใช้ชีวิตอย่างที่เป็นมาไหม
น้ำ : “คิดว่า ใช้คะ ยอมรับเลย เพราะถ้าไม่มีอะไรอย่างนี้ น้ำก็คงไม่มีธุรกิจเป็นของตัวเอง เพราะเราเรียนอยู่ จะมีปัญญาที่ไหนเอาเงิน 4-5 แสนมาลงทุน”
ถาม : ไม่แคร์ เรื่อง ศักดิ์ศรี และศีลธรรม บ้างหรือ
น้ำ : “ตรงนั้น น้ำยอมรับ แต่ศักดิ์ศรี มันช่วยให้ น้ำมีธุรกิจร่ำรวยได้ไหม น้ำถามว่า ถ้าเรียนจบไป และเลิกทำงานตรงนี้ น้ำไปเปิดธุรกิจ และแปลงร่างกลายเป็นอีกคน มีใครจำเราได้ไหม ไม่มีเลย เชื่อไหม น้ำไปเรียนภาษา ใส่กางเกงขาสั้น เสื้อยืด รัดผมไป ไม่มีจำน้ำได้ ต่อให้พี่เจอน้ำที่ห้าง พี่ก็จำน้ำไม่ได้ เพราะตอนอยู่ที่ทำงาน กับอยู่ข้างนอก น้ำเป็นคนละคนกัน น้ำจะเป็นเด็กใสๆ ไม่เคยแต่งหน้าไปไหนเลย”
ด้านชีวิตส่วนตัว น้ำ บอกว่า ทุกวันนี้ พักอยู่คอนโดคนเดียว และมีแฟนแล้ว เข้ากันได้ดี แต่เขา ก็ไม่รู้ความลับเช่นกัน เราถามตรงๆ ว่า ไม่กลัวแฟนจะรู้ความจริงหรือ
“โอกาสรู้ยากมาก ๆ เพราะว่า น้ำเลิกเรียนกลับมา แล้วก็มาทำแบบวับๆ แวมๆ เขาจะมารู้ได้อย่างไร คือ ไม่มีโอกาสเด็ดขาด” เธอตอบกลับ
ถึงคนอื่นจะไม่รู้ แต่ตัวน้ำเองก็รู้อยู่แก่ใจ สมมติว่า วันหนึ่งเขารู้ความจริง ไม่กลัวเขาเสียใจบ้างหรือ….
( น้ำ หยุดนิ่งสักครู่ ก้มหน้าลงนิดหน่อย สังเกตว่า ดวงตามีน้ำคลอ ก่อนตอบด้วยน้ำเสียงเริ่มสั่นเคือง ซึ่งต่างจากก่อนหน้านี้ที่พูดจาชัดมาตลอด) “ ... ไม่มีทางรู้เด็ดขาด”
ถาม : มองตัวในอนาคตไว้อย่างไร
น้ำ : “อีกไม่นาน น้ำจะต้องเป็นเจ้าของธุรกิจ อาจจะเป็นที่กำลังทำอยู่ หรืออะไรก็ได้ มันจะต้องไม่มี น้ำตรงนี้อีกแล้ว!”
จากกระทู้
http://ppantip.com/topic/31422950
18+เปลือยอก ‘นศ.สาว ไซด์ไลน์’ ทำไมต้องขายตัว
อย่างนี้เรียกว่า เลว ได้ไหมครับ หรือของธรรมดาของสังคม
สังคมเดี๋ยวนี้ดูจากภายนอกไม่ได้จริงๆ ว่าทำงานอะไรมาบ้าง ผ่านอะไรมาบ้าง ชีวิตเเบบน้ำจริงๆเเล้วอาจจะดีกว่าก็ได้ ถ้าเทียบกับบั้นปลายชีวิต(ถ้ารู้จักใช้ชีวิต ระวังตัว เเละป้องกัน)
ขออนุญาตเจ้าของบทความด้วย ขอบคุณครับ
เปลือยอก ‘นศ.สาว ไซด์ไลน์’ ทำไมต้องขายตัว ?
สาวน้อยวัย 20 ปี ซึ่งด้านหนึ่งเธอคือ นักศึกษา ปี 2 คณะยอดฮิต ของมหาวิทยาลัยเอกชนชื่อดังแห่งหนึ่ง ในขณะที่อีกด้าน เธอ คือ “สาวไซด์ไลน์” ! หลังจากรอเกือบชั่วโมง ผู้ให้สัมภาษณ์เดินทางมาถึง น้ำ กล่าวทักทาย และขอตัวไปเปลี่ยนเครื่องแต่งกาย หลังจากกลับมา การสนทนา จึงเริ่มขึ้น “ตอนนี้อยู่ระหว่างปิดเทอมค่ะ กลางวัน จะไปเรียนภาษาเพิ่มเติม ที่..... (สถาบันสอนภาษาชื่อดังแห่งหนึ่ง)” น้ำ เล่าให้ฟังถึงชีวิตประจำวัน ในช่วงนี้
น้ำ เป็นคนกรุงเทพ ตั้งแต่กำเนิด สำหรับสาเหตุที่เลือกเดินบนทางสายนี้ มาจากปัญหาครอบครัว และด้านฐานะ ที่รับตัวเองไม่ได้ จากเคยร่ำรวยในวันเด็ก แต่ต้องมาขัดสนเพราะพิษเศรษฐกิจ
“ฐานะทางบ้านเมื่อก่อนจัดได้ว่า ดีมาก เรียกว่า อยากกินอยากใช้อะไรก็มี แต่ช่วงฟองสบู่แตก ติดหนี้อยู่ประมาณ 20 ล้าน ช่วงนั้น มันเหมือนกับว่า เรารับไม่ได้ตรงนี้ เพราะเราเคยรวย อยู่ดีๆ ก็เป็นอย่างนี้ แต่ไม่ใช่เรื่องเงินอย่างเดียว ที่บ้านมีปัญหาครอบครัว ก็เลยเตลิดหนีออกจากบ้าน บังเอิญมีคนเลี้ยง เพื่อนแนะนำให้ เป็นคนฮ่องกง ส่งให้เดือนละแสนห้า หรือสองแสนแล้วแต่จะขอ”
ถาม : ตอนที่หนีออกจากบ้านน้ำอายุเท่าไร
น้ำ : “18 เองค่ะ เรียนอยู่ ม. 5 จนอายุประมาณ 20 ก็เลิกกับคนเลี้ยง เราก็เริ่มทำงานหาเลี้ยงตัวเอง”
ถาม : เราเป็นเด็กเที่ยวหรือเปล่า
น้ำ : “ไม่ใช่เด็กเที่ยวเลยค่ะ จะเรียนพิเศษ ถามว่า เที่ยวไหม ก็เที่ยวเป็นบ้าง บางโอกาส แต่ว่า จะไม่ชอบเที่ยวกลางคืน ยืนยันว่า ไม่ใช่เด็กใจแตก กล้าพูดได้เลยว่า ผู้หญิงทำงานตรงนี้ไม่ใช่ว่า 100 เปอร์เซ็นต์ เป็นเด็กใจแตก
”
หลังจากไม่มีคนเลี้ยง น้ำจึงเริ่มรับงานไซด์ไลน์ โดยมีเพื่อนที่มหาวิทยาลัยทำตรงนี้อยู่ก่อนแล้วเป็นผู้ติดต่อให้ ก่อนจะก้าวมารับงานไซด์ไลน์เต็มตัว โดยมีอาบอบนวดเป็นเอเยนต์หาแขกให้
“มาอยู่จุดๆ นี้ คิดว่ามันไม่เสียหายอะไร (เงียบสักครู่) และโอเคว่า อย่างน้อยๆ คิดว่า เราก็ไม่เดือดร้อนใคร และน้ำก็ยังมีเงินส่งให้พ่อแม่เดือนละเยอะ ๆ”
“ตอนแรกรับงานนอกก่อน เด็กมหาลัยจะรับเป็นไซด์ไลน์ เพื่อนที่มหา’ลัย มาชวน ไปทีหนึ่งก็ได้มาหมื่นหนึ่ง แบบว่า เงินนะ.. พี่ หมื่นหนึ่ง ก็โอเค ทำ!! มาตอนหลังก็เลยทำเป็นเรื่องเป็นราวไปเลย มาทำตรงนี้รายได้ก็ใช้ได้ตลอด นอกจากนั้น ก็รับงานเดินแบบ ถ่ายหนังสือ .... (ชื่อนิตยสารหัวนอกชื่อดัง แนวสำหรับผู้ชาย) เพิ่งวางแผงไปเมื่อเร็วๆ นี้เอง”
“และจริงๆ แล้วเบื้องหลังการเดินแฟชั่นมันก็เป็นธุรกิจตรงนี้ เหมือนกัน เพียงแต่พวกเดินแฟชั่น เขาจะอัพเกรดราคาสูงขึ้นมา แต่เราทำอย่างประกาศตัวเลย จริงๆ แล้วไม่ก็ไม่ต่างกันเท่าไหร่ มองแล้วเขาก็ไม่ได้ดีกว่าเราสักเท่าไหร่ “ น้ำ เล่าหมดเปลือกถึงเบื้องลับแวดวงไซด์ไลน์
ถาม : น้ำ เริ่มมารับไซต์ไลน์ อย่างเต็มตัวนานแค่ไหน
น้ำ : “ช่วงที่คิดจะทำงานตรงนี้ แค่ปีเดียว เริ่มถ่ายแบบ เดินแบบ ก็ปีนี้เอง “
ถาม : ทำทุกวันหรือเปล่า
น้ำ : “ไม่ทุกวันค่ะ เพราะเรียนหนัก และต้องไปเรียนภาษาด้วย ไม่ถึงกับทำทุกวัน เพราะบางครั้ง ทางนิตยสาร ก็จะนัดให้เราไปเดินแบบบ้าง”
ถาม : รายได้ ณ วันนี้ เป็นอย่างไร
น้ำ : “ถ้าขยันก็ขึ้นหลัก 2 - 3 แสนได้ ทุกเดือน”
ถาม : ขยันในความหมายของน้ำ หมายถึงอย่างไร
น้ำ : “คือว่า น้ำทำงานตรงนี้ ต่อครั้ง 5,500 น้ำได้รอบละ 4,000 คืนๆ หนึ่งได้เป็นหมื่นทุกวัน ปกติ คืนหนึ่ง ก็ไม่แน่ว่ากี่รอบ แต่อย่างต่ำๆ ต้องมี 3 รอบทุกวัน บางทีวันละ 4 -5 รอบ แล้วก็จะมีงานนอกด้วย และลูกค้าที่จะส่งเงินมาจากเมืองนอกด้วย เช่น ฝรั่งจ้างไปอยู่ด้วยให้วันละ 10,000”
รายได้สูงขนาดนี้ ทำให้สามารถสรรหาสิ่งของได้ตามต้องการ รวมทั้งมีส่งให้ทางบ้านเป็นจำนวนมาก แต่อย่างไรก็ตาม ไม่ว่าจะเป็นพ่อแม่ หรือเพื่อนที่มหาวิทยาลัย ไม่มีใครรู้อาชีพแฝง ทุกครั้งส่งให้ทางบ้าน เธอจะบอกว่า ได้มาจากการถ่ายแฟชั่น และเดินแบบแสดงเสื้อผ้า
“เงินที่ได้ น้ำให้ที่บ้านเดือนละ 50,000 ผ่อนรถเดือนละ 30,000 ค่าเช่าคอนโดเดือนละ 20,000 กำลังปลูกบ้านอยู่ด้วย” นอกจาก ค่าใช่จ่ายดังกล่าวแล้ว เงินอีกจำนวนไม่น้อย ต้องหมดไปกับการสร้างภาพให้ตัวเองผุดผ่อง น้ำบอกว่า มันทำให้ตัวเอง ราคาไม่ตก !
“เราอยู่ตรงนี้ เราต้องขัดผิว ทำหน้า ผมต้องอบไอน้ำอาทิตย์ละครั้ง เล็บก็ไม่ตัดเอง ทุกอย่างต้องทำหมด เพราะถ้าไม่ทำ เราอยู่ตรงนี้ไม่ได้ ค่าเสื้อผ้า ค่าแต่งตัว เราก็ต้องตามแฟชั่นไม่อย่างนั้น ก็อยู่ตรงนี้ไม่ได้ เพราะเราต้องเฉี่ยว ต้องเด่น หมดกับตรงนี้เยอะมาก เรายอมทุ่มตรงนี้ เพื่อให้อยู่ตรงราคานี้ แต่ตัวน้ำเองไม่ได้ทำศัลยกรรมอะไรเลยนะ”
ต้องยุ่งกับผู้ชายที่ตัวเองไม่เคยรู้จักมาก่อน “เงิน” ตัวเดียวเท่านั้น ที่ทำให้เธอ ยอมสละได้ทุกอย่างแม้แต่กายของตัวเอง“เราคิดว่า ก็เงินนะ ถึงเขาจะดูสกปรก หรือภายนอกเป็นอะไรก็ตาม แต่เขากล้าเที่ยวราคาระดับเรา ก็แปลว่า เขาคงไม่ธรรมดา เพราะน้ำไม่ใช่เด็กตู้ 1,900 ที่อะไรก็ต้องทำ น้ำมีสิทธิ์เลือก และน้ำคิดว่า ในเมื่อเขากล้าเลือก เขาก็ต้องกล้ามีเงินจ่าย เวลาแค่ชั่วโมง น้ำก็ได้เงินแล้ว”
ถาม : จะยึดตรงนี้ไปอีกนานแค่ไหน
น้ำ : “อีกไม่นานนี้ค่ะ เพราะตอนนี้ น้ำเปิดธุรกิจของตัวเองแล้ว ซึ่งทำเป็นห้างหุ้นส่วนจำกัด ทำเกี่ยวกับยา ก็หมดเงินตรงนี้ ไปหลายแสน น้ำไม่คิดว่า จะอยู่ตรงนี้ไปอีกนานหรอกค่ะ ถ้าธุรกิจนี้ เราลงตัว น้ำหยุดแน่นอน”
ถาม : เสียใจกับชีวิตที่ผ่านมาไหม
น้ำ : “เคยคิดเสียใจว่า ทำไมเราต้องมีชีวิตเป็นอย่างนี้ ทำไมต้องทำอาชีพนี้ แต่คิดอีกทีว่า ถ้าเราไมทำตรงนี้ เราคงไม่มีปัญญามีทุกอย่าง สู้เรากัดฟันทำตอนนี้ไปก่อน จนเราสร้างอนาคตได้ มีบ้าน มีรถ มีธุรกิจ ชีวิตเราจะต้องการอะไรอีก รถเราก็มี บ้านเราก็มี ชีวิตไม่ต้องการอะไรแล้ว ตอนนี้ เหลืออย่างเดียวคืออยากมีเงินเก็บ ตอนนี้ ก็กำลังเก็บเงินอยู่”
ถาม : ถ้าให้ย้อนเวลาได้ จะเลือกใช้ชีวิตอย่างที่เป็นมาไหม
น้ำ : “คิดว่า ใช้คะ ยอมรับเลย เพราะถ้าไม่มีอะไรอย่างนี้ น้ำก็คงไม่มีธุรกิจเป็นของตัวเอง เพราะเราเรียนอยู่ จะมีปัญญาที่ไหนเอาเงิน 4-5 แสนมาลงทุน”
ถาม : ไม่แคร์ เรื่อง ศักดิ์ศรี และศีลธรรม บ้างหรือ
น้ำ : “ตรงนั้น น้ำยอมรับ แต่ศักดิ์ศรี มันช่วยให้ น้ำมีธุรกิจร่ำรวยได้ไหม น้ำถามว่า ถ้าเรียนจบไป และเลิกทำงานตรงนี้ น้ำไปเปิดธุรกิจ และแปลงร่างกลายเป็นอีกคน มีใครจำเราได้ไหม ไม่มีเลย เชื่อไหม น้ำไปเรียนภาษา ใส่กางเกงขาสั้น เสื้อยืด รัดผมไป ไม่มีจำน้ำได้ ต่อให้พี่เจอน้ำที่ห้าง พี่ก็จำน้ำไม่ได้ เพราะตอนอยู่ที่ทำงาน กับอยู่ข้างนอก น้ำเป็นคนละคนกัน น้ำจะเป็นเด็กใสๆ ไม่เคยแต่งหน้าไปไหนเลย”
ด้านชีวิตส่วนตัว น้ำ บอกว่า ทุกวันนี้ พักอยู่คอนโดคนเดียว และมีแฟนแล้ว เข้ากันได้ดี แต่เขา ก็ไม่รู้ความลับเช่นกัน เราถามตรงๆ ว่า ไม่กลัวแฟนจะรู้ความจริงหรือ
“โอกาสรู้ยากมาก ๆ เพราะว่า น้ำเลิกเรียนกลับมา แล้วก็มาทำแบบวับๆ แวมๆ เขาจะมารู้ได้อย่างไร คือ ไม่มีโอกาสเด็ดขาด” เธอตอบกลับ
ถึงคนอื่นจะไม่รู้ แต่ตัวน้ำเองก็รู้อยู่แก่ใจ สมมติว่า วันหนึ่งเขารู้ความจริง ไม่กลัวเขาเสียใจบ้างหรือ….
( น้ำ หยุดนิ่งสักครู่ ก้มหน้าลงนิดหน่อย สังเกตว่า ดวงตามีน้ำคลอ ก่อนตอบด้วยน้ำเสียงเริ่มสั่นเคือง ซึ่งต่างจากก่อนหน้านี้ที่พูดจาชัดมาตลอด) “ ... ไม่มีทางรู้เด็ดขาด”
ถาม : มองตัวในอนาคตไว้อย่างไร
น้ำ : “อีกไม่นาน น้ำจะต้องเป็นเจ้าของธุรกิจ อาจจะเป็นที่กำลังทำอยู่ หรืออะไรก็ได้ มันจะต้องไม่มี น้ำตรงนี้อีกแล้ว!”
จากกระทู้ http://ppantip.com/topic/31422950