ดูคลิปได้จาก http://jorkawteun.spokedark.tv/20131224/jorkawteun-chompoo-fullversion/

ไม่เอาดราม่านะคะ

จอห์น : คำถามแรก ทำไมดารา ต้องมีอยู่สองอย่าง ไม่สุดโต่งไปเลยเรื่องการเมือง กับอีกอันนึงคือเงียบกริบเลย
ชม : สำหรับเค้าเหรอ
จอห์น : ในมุมมองของคุณ
ชม : คุณคิดว่าชั้นเป็นฝ่ายเงียบกริบใช่มั้ยที่คุณถามแบบเนี้ย
จอห์น : ก็ไม่รู้ ก็ไม่เห็นพูดอะไร อะไรอย่างงี้ เออ หรือว่าจริงๆแล้วไม่อยากจะเงียบกริบ
ชม : คือจริงๆชมเชื่อว่า ทุกอย่างมันแบบ มันมีอะไรมากกว่าที่เรารู้ แล้วสิ่งที่เราคิดว่าเรารู้ เราอาจจะยังไม่ได้รู้ ก็เลยคิดว่า คือมีอะไรก็..มันก็เป็นความเห็นส่วนตัว แต่ว่า ส่วนนึงคือเราเองก็ต้องรู้ว่า เราเองก็มีคนติดตามเยอะ เพราะฉะนั้น สิ่งที่เราคิด สิ่งที่เราพูดอะไรงี้ มันก็อาจจะมีส่วนในการ influence คนบางคนบ้างก็ได้ เพราะฉะนั้น สิ่งที่เราคิดมันอาจจะไม่ใช่ fact อ่ะ มันอาจจะไม่ใช่เรื่องจริงทั้งหมด เพราะฉะนั้นชมก็ไม่อยากจะแบบว่ามี... คือมันเป็นความคิดเห็นส่วนตัวอ่ะ นึกออกมั้ยคุณ
จอห์น : แล้วทำไม คนทั่วไปถึงรู้สึกว่า คำพูดหรือว่าคอมเมนท์ของดารา หรือคนในวงการบันเทิงถึงแบบ เป็นเรื่องราวที่ใหญ่โมโหฬาร ใหญ่หลวงเหลือเกิน
ชม : ก็หนึ่ง ก็คือคนก็ติดตามเค้าเยอะอ่ะแหละ คนก็อาจจะมองว่ามันเป็นเรื่องของ courage อะไรงี้
จอห์น : อือฮึ ความกล้าในการพูดอะไรงี้เหรอฮะ
ชม : อะไรเงี้ย เพราะว่านาย A พูด กับดาราพูด เสียงมันดังไม่เท่ากัน
จอห์น : แล้วคิดว่ามันจะส่งผลการเปลี่ยนแปลงได้ขนาดนั้นมั้ย? คำพูดดาราน่ะ
ชม : คือสำหรับชมนะ สิ่งที่ชมเชื่อวันนี้ กับสิ่งที่ชมจะเชื่อปีหน้า มันอาจจะไม่เหมือนกันก็ได้ นึกออกมั้ย อย่างเช่น หลายปีก่อนชมเคยกาเลือกคนๆนึง แต่ ณ วันเนี้ย (อุบอิบๆ.. อึ๊ย กูไม่น่าเลยว่ะ) อะไรอย่างเงี้ย นึกออกมะ เพราะฉะนั้น ชมก็ไม่อยากให้สิ่งเนี้ย มันมาผูกมัดตัวเรา โอเค คือการที่เราตัดสินใจอะไรไปบางอย่างเนี่ย คือ...ก็ให้มันมีผลบังคับ ณ เวลานั้น แต่ก็ไม่อยากให้มันไปเป็นตราบาปอะไร

(คุยเรื่องทั่วไป อนาคตอีก 10-20 ปีข้างหน้า)

ชม : เราน่าจะเรียนรู้ได้ว่า ไม่ว่าใครจะเป็นใหญ่ก็ตาม อะไรอย่างเงี้ย สุดท้ายแล้ว เราเป็นประเทศที่เราก็ค่อนข้างจะต้องพึ่งตัวเองสูง แล้วเราก็ไม่ควรจะเอาตัวเองเนี่ย ไป depend กับสิ่งที่เวลานักการเมืองเค้าหาเสียงแล้วบอกว่ามันจะมีอะไรเกิดขึ้น บลาๆๆ เราจะมีนโยบายดังต่อไปนี้นะ อะไรอย่างเงี้ย คือยังไงเราก็ต้องพึ่งตัวเองอ่ะ