จริงๆกระทู้นี้เหมือนจะต่อยอดมาจากกระทู้นึงนานมาแล้ว ที่รณรงค์เรื่องการเปิดไฟเลี้ยวครับ

จากกระทู้นั้น มันทำให้ผมได้รู้ว่า มีกลุ่มคนอีกจำนวนหนึ่ง ที่มีทัศนคติแปลกๆต่อการเปิดไฟเลี้ยวของรถยนต์

คือคนสมัยนี้เลือกที่จะไม่เปิดไฟเลี้ยวเมื่อต้องการเปลี่ยนเลน แต่จะปาดเข้าเลนไปเลย
โดยเหตุผลของการกระทำแบบนี้ ก็เพราะว่าถ้าเปิดไฟเลี้ยวให้สัญญาณแล้ว...เขาจะถูกกั๊กเลนและไม่ได้เลี้ยว
(ที่แย่กว่าคือทัศนคติแบบนี้ ก็ได้ถูกสอนกันปากต่อปาก ในหมู่นักขับรถมือใหม่ๆบางรายอีกด้วย)

และเมื่อได้สังเกตจากการขับรถของตัวเองในช่วงปีหลังๆนี้...ก็รู้สึกได้ครับว่าการเปิดไฟขอเลี้ยว มันมีโอกาสสำเร็จได้น้อยลงกว่าสมัยก่อน

ยกตัวอย่าง บางคันนี่ผมมองระยะจากกระจกข้างแล้วอยู่ไกลพอสมควร ก็เปิดไฟขอเลี้ยวตามปกติ
แต่สิ่งที่ผมเจอคือ...รถคันนี้กลับเหยียบเฆี่ยนสุดแรง(ชนิดที่ว่าถ้ามี Nitrous Oxide แม่มก็คงกดใช้ไปแล้ว) เพื่อที่จะไม่ให้ผมเปลี่ยนเข้าเลนได้
และสิ่งที่น่าตลกกว่าคือ หลังจากผมเปลี่ยนเข้าเลนได้สำเร็จและขับไปเรื่อยๆ ก็จะไปเจอไอ้รถคันที่กั๊กเลนนี่แหละ
...ซึ่งมันก็ขับแบบเอื่อยๆธรรมดา ไม่ได้มีทีท่าเหมือนเหยียบสุดแรงแบบเมื่อสักครู่นี้เลย(ขับเอื่อยๆแบบนี้ กับเลนขวาสุดด้วยซ้ำ)

คือต้องการอะไรหรอครับ? อารมณ์แบบว่ากรูไม่รีบหรอกนะ แต่กรูไม่ให้เมิงไป...ประมาณนี้?

ผมคิดว่าถ้าช่องจราจรที่คุณวิ่งอยู่มันว่างพอ มีพื้นที่ให้รถคันอื่นเข้ามาได้...และที่สำคัญเขาก็เปิดไฟเลี้ยวขออนุญาต ในระยะที่เหมาะสม
(ไอ้ประเภทเปิดพร้อมกับหักพวงมาลัยเลี้ยวนี่ก็ไม่ไหวนะครับ)

...ก็ให้ๆทางกันไปเถอะครับ ถนนและช่องจราจรไม่ใช่กรรมสิทธิ์ของคุณ จะกั๊กไว้เก็งกำไรหรือไงกัน?

ส่วนไฟเลี้ยวยังไงมันก็ต้องเปิดอยู่แล้วถ้าต้องการขอทาง...มันไม่ใช่อุปกรณ์ประดับยนต์ ที่มีติดรถไว้สวยๆอย่างเดียว
จะอ้างว่าไม่เปิดเพราะกลัวโดนกั๊กเลน...เห็นแก่ตัวครับ และน่าเกลียดไม่ต่างกับพวกชอบกั๊กเลนเลย

คิดว่าคงไม่ขอมากไปนะครับ สำหรับผู้ใช้รถใช้ถนนด้วยกัน