หลังจากถูกย้ายมาอยู่เกาหลี ในช่วงที่การเมืองไทยกำลังร้อนระอุ การได้ดูข่าวการประท้วงที่ประเทศไทยผ่าน CNN ทุกวัน ก็ทำให้หายคิดถึงประเทศไทยได้บ้าง จึงฉุดคิดขึ้นมาว่าประเทศที่พัฒนาแล้วอย่างเกาหลี ประวัติศาสตร์การเมืองเขาเป็นอย่างไร มีการประท้วงหรือไม่ หรือจะนิ่งเป็นเป่าสาก
ลองโหลดหาข้อมูลอ่านดู ไปได้หนังสือจากมหาวิทยาลัยรามคำแหง ตามเวปไซต์นี้
http://e-book.ram.edu/e-book/a/AN353/chapter2.pdf
ลองอ่านเกี่ยวกับประวัติศาสตร์การเมืองเกาหลี จึงสรุปความคร่าวๆ ดังนี้
เกาหลีเหนือ-เกาหลีใต้ โดนแยกออกเป็น 2 ประเทศ ตั้งแต่หลังสงครามโลกครั้งที่ 2 เนื่องมาจากการแบ่งสรรปันส่วนการปกครองของ 2 ประเทศยักษ์ใหญ่อย่าง รัสเซีย กับอเมริกา แต่ต้นเหตุจริงๆ มันเกิดจากพี่ยุ่น ญี่ปุ่นที่เราคุ้นเคย
สมัยพี่ยุ่นเรืองอำนาจ เกรียนจัดจึงโล้เรือข้ามฝั่งมายึดเอาเกาหลีเป็นส่วนหนึ่งของประเทศตน โดยลบประเทศเก่าออกจากแผนที่โลก แต่แทนที่จะดูแลเขาเฉกเช่นคนในประเทศตน กลับกดขี่ให้ทำงานเยี่ยงทาส ทำงาน ทำไรไถนา แล้วส่งอาหารไปหล่อเลี้ยงคนญี่ปุ่น
(เมื่อก่อนพี่ยุ่นแกกร่างๆ เกรียนๆ ไปยึดครอง กดขี่ประเทศอื่น จนโดนประเทศมหาอำนาจเขาหมั้นไส้เอา แต่ตอนนี้ญี่ปุ่นคงได้เรียนรู้จากประสบการณ์ ดังนั้นช่วงหลังๆ การยึดครองประเทศอื่น ใช้แรงงาน ใช้วัตถุดิบประเทศอื่น จึงเนียนขึ้นกว่าเมื่อก่อนมาก...ดูถนนในเมืองไทยซิ มีรถสักกี่คันที่ไม่ใช่ยี่ห้อจากญี่ปุ่น)
เมื่อโดนกดขี่ข่มเหงมากๆ ความรู้สึกรักชาติ รักเผ่าพันธุ์จึงเกิดขึ้นในหัวใจคนเกาหลี รวมถึงความรู้สึกเกลียดชังและอยากเอาชนะญี่ปุ่นจึงเกิดขึ้นตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา
และเริ่มมีขบวนการกู้ชาติเกิดขึ้นอย่างเป็นกิจจะลักษณะ
ขบวนการกู้ชาติกลุ่มหนึ่งหนีไปซบอกรัสเซียซึ่งขณะนั้นกำลังเรืองอำนาจ จึงดูดซับความคิดการปกครองแบบคอมมิวนิสต์เข้ามา โดยไม่รู้หรอกว่ามันดีไม่ดี แต่เห็นว่าตอนนั้นรัสเซียยิ่งใหญ่เหลือเกิน น่าจะช่วยกู้ชาติได้
อีกกลุ่มหนึ่งตั้งรกรากอยู่อเมริกา กลุ่มนี้รับความคิดระบอบประชาธิปไตยจากสหรัฐอเมริกาโดยตรง
พอจบสงครามโลกครั้งที่ 2 ปรากฏว่าญี่ปุ่นแพ้สงคราม ทางฝ่ายสัมพันธมิตรเลยบังคับให้ญี่ปุ่นคืนประเทศให้กับคนท้องถิ่น แต่เมื่อพี่ยุ่นไปแล้ว แต่พี่รัสเซียกับพี่เมกาไม่ยอมไป ซึ่งรัสเซียนั้นอยากได้เกาหลีมาเป็นประเทศบัฟเฟอร์กั้นอเมริกาไม่ให้มาใกล้ตัว ส่วนอเมริกาก็กลัวว่าถ้ารัสเซียได้เกาหลีไปจะเผยแพร่ลัทธิคอมมิวนิสต์ให้ใหญ่ไปกว่านี้ คุยกันไปคุยกันมาเลยจับไม้บรรทัดมาลากเส้นแบ่งการปกครองกันคนละครึ่ง
แต่หลังจากนั้นก็มีความพยายามที่จะรวมกัน(แบบไม่ค่อยจริงใจ) มีการจัดการเลือกตั้ง และตกลงกันว่าเลือกตั้งเสร็จจะให้ สส. จากเกาหลีเหนือมารวมกับ สส. จากเกาหลีใต้ แล้วปกครองร่วมกัน แต่ปรากฏว่า เกาหลีใต้เลือกตั้งเสร็จก่อนเลยชิงร่างรัฐธรรมนูญแบบประชาธิปไตยขึ้นมา เกาหลีเหนือเห็นดังนั้นเลยไม่เอาด้วย ก็เลยประกาศตัวเองเป็นประเทศสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนเกาหลี หรือ เกาหลีเหนือ นับแต่นั้นเป็นต้นมา เกาหลีเหนือและเกาหลีใต้ ก็ตัดขาดกันเป็นคนละประเทศโดยสิ้นเชิง
ในด้านการปกครอง เกาหลีเหนือปกครองโดยระบอบคอมมิวนิสต์ โดยมีนายคิม อิลซุงเป็นผู้นำ การเมืองของเกาหลีเหนือเรียกได้ว่านิ่งมาก แม้จะผ่านมาแล้ว 65 ปี เปลี่ยนผู้นำไป 3 รุ่น การเมืองก็ยังนิ่งอยู่...ซึ่งเหมือนมันจะนิ่งไปพร้อมๆ กับการพัฒนาประเทศ
ต่างกับที่เกาหลีใต้ที่หลังจากจัดการเลือกตั้งจนได้ ดร.ซิงมัน รี เป็นประธานาธิบดีคนแรก และปกครองแบบประชาธิปไตย แต่เนื่องจากประเทศต้องผ่านมรสุมมากมาย ที่สำคัญคือ เมื่อต้องเผชิญกับสงครามจากเกาหลีเหนือที่อยากจะรวมประเทศเหลือเกิน จึงขนทหาร รถถัง ปืนใหญ่ ที่ขอมาจากจีนและรัสเซีย มาบุกยึดเกาหลีใต้เอาซะดื้อๆ
เพื่อรับมือกับศึกสงคราม ทางรัฐบาลเกาหลีใต้จึงต้องประกาศกฎอัยการศึก และยึดอำนาจสู่ศูนย์กลาง โดยเปลี่ยนการปกครองเป็นเผด็จการ แต่หลังจากสงครามสงบรัฐบาลก็หาได้คืนอำนาจให้ประชาชนไม่ มีการเขียนรัฐธรรมนูญใหม่เพื่อให้ตัวเองได้เปรียบในการเลือกตั้ง หรือแม้กระทั่งโกงการเลือกตั้ง ซึ่งก่อให้เกิดความไม่พอใจในหมู่ประชาชนจนเกิดการประท้วงมากมาย แต่ไม่ว่ามรสุมการเมืองจะหนักหนาสาหัสขนาดไหน สิ่งหนึ่งที่ทำให้เกาหลีใต้พัฒนามาจนทุกวันนี้คือ การที่ผู้นำเกาหลีใต้มุ่งมั่นที่จะพัฒนาประเทศอย่างจริงๆจังๆ และปลูกฝังให้คนในประเทศพัฒนาตัวเอง รวมทั้งคนเกาหลีใต้ก็มีความต้องการพัฒนาตนเองเป็นทุนเดิม กับจิตใต้สำนึกที่เชื่อว่า เราทำได้ เกาหลีใต้จึงผงาดขึ้นมาเป็นหนึ่งในประเทศที่เป็นผู้นำเศษรฐกิจโลกจนทุกวันนี้
ไม่ได้พูดถึงการเมืองไทยนะ...เรื่องนี้ ดิฉันจะไม่ยุ่ง
(มีต่อ.....)
บันทึกแรงงานต่างด้าว ตอนที่ 6 การเมืองเรื่องธรรมชาติ
ไม่คิดว่าจะได้ลงสนามการเมืองภาคโปรเจคในขณะที่อยู่ต่างแดนแบบนี้
Project Engineer อย่างเรา ความรู้อาจไม่มาก แต่ความสามารถในการเอาตัวรอดและกำลังภายในสูงนะเอ่อ
เพราะเราคือ "วิศวกรการเมือง"
หลังจากถูกย้ายมาอยู่เกาหลี ในช่วงที่การเมืองไทยกำลังร้อนระอุ การได้ดูข่าวการประท้วงที่ประเทศไทยผ่าน CNN ทุกวัน ก็ทำให้หายคิดถึงประเทศไทยได้บ้าง จึงฉุดคิดขึ้นมาว่าประเทศที่พัฒนาแล้วอย่างเกาหลี ประวัติศาสตร์การเมืองเขาเป็นอย่างไร มีการประท้วงหรือไม่ หรือจะนิ่งเป็นเป่าสาก
ลองโหลดหาข้อมูลอ่านดู ไปได้หนังสือจากมหาวิทยาลัยรามคำแหง ตามเวปไซต์นี้ http://e-book.ram.edu/e-book/a/AN353/chapter2.pdf
ลองอ่านเกี่ยวกับประวัติศาสตร์การเมืองเกาหลี จึงสรุปความคร่าวๆ ดังนี้
เกาหลีเหนือ-เกาหลีใต้ โดนแยกออกเป็น 2 ประเทศ ตั้งแต่หลังสงครามโลกครั้งที่ 2 เนื่องมาจากการแบ่งสรรปันส่วนการปกครองของ 2 ประเทศยักษ์ใหญ่อย่าง รัสเซีย กับอเมริกา แต่ต้นเหตุจริงๆ มันเกิดจากพี่ยุ่น ญี่ปุ่นที่เราคุ้นเคย
สมัยพี่ยุ่นเรืองอำนาจ เกรียนจัดจึงโล้เรือข้ามฝั่งมายึดเอาเกาหลีเป็นส่วนหนึ่งของประเทศตน โดยลบประเทศเก่าออกจากแผนที่โลก แต่แทนที่จะดูแลเขาเฉกเช่นคนในประเทศตน กลับกดขี่ให้ทำงานเยี่ยงทาส ทำงาน ทำไรไถนา แล้วส่งอาหารไปหล่อเลี้ยงคนญี่ปุ่น
(เมื่อก่อนพี่ยุ่นแกกร่างๆ เกรียนๆ ไปยึดครอง กดขี่ประเทศอื่น จนโดนประเทศมหาอำนาจเขาหมั้นไส้เอา แต่ตอนนี้ญี่ปุ่นคงได้เรียนรู้จากประสบการณ์ ดังนั้นช่วงหลังๆ การยึดครองประเทศอื่น ใช้แรงงาน ใช้วัตถุดิบประเทศอื่น จึงเนียนขึ้นกว่าเมื่อก่อนมาก...ดูถนนในเมืองไทยซิ มีรถสักกี่คันที่ไม่ใช่ยี่ห้อจากญี่ปุ่น)
เมื่อโดนกดขี่ข่มเหงมากๆ ความรู้สึกรักชาติ รักเผ่าพันธุ์จึงเกิดขึ้นในหัวใจคนเกาหลี รวมถึงความรู้สึกเกลียดชังและอยากเอาชนะญี่ปุ่นจึงเกิดขึ้นตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา
และเริ่มมีขบวนการกู้ชาติเกิดขึ้นอย่างเป็นกิจจะลักษณะ
ขบวนการกู้ชาติกลุ่มหนึ่งหนีไปซบอกรัสเซียซึ่งขณะนั้นกำลังเรืองอำนาจ จึงดูดซับความคิดการปกครองแบบคอมมิวนิสต์เข้ามา โดยไม่รู้หรอกว่ามันดีไม่ดี แต่เห็นว่าตอนนั้นรัสเซียยิ่งใหญ่เหลือเกิน น่าจะช่วยกู้ชาติได้
อีกกลุ่มหนึ่งตั้งรกรากอยู่อเมริกา กลุ่มนี้รับความคิดระบอบประชาธิปไตยจากสหรัฐอเมริกาโดยตรง
พอจบสงครามโลกครั้งที่ 2 ปรากฏว่าญี่ปุ่นแพ้สงคราม ทางฝ่ายสัมพันธมิตรเลยบังคับให้ญี่ปุ่นคืนประเทศให้กับคนท้องถิ่น แต่เมื่อพี่ยุ่นไปแล้ว แต่พี่รัสเซียกับพี่เมกาไม่ยอมไป ซึ่งรัสเซียนั้นอยากได้เกาหลีมาเป็นประเทศบัฟเฟอร์กั้นอเมริกาไม่ให้มาใกล้ตัว ส่วนอเมริกาก็กลัวว่าถ้ารัสเซียได้เกาหลีไปจะเผยแพร่ลัทธิคอมมิวนิสต์ให้ใหญ่ไปกว่านี้ คุยกันไปคุยกันมาเลยจับไม้บรรทัดมาลากเส้นแบ่งการปกครองกันคนละครึ่ง
แต่หลังจากนั้นก็มีความพยายามที่จะรวมกัน(แบบไม่ค่อยจริงใจ) มีการจัดการเลือกตั้ง และตกลงกันว่าเลือกตั้งเสร็จจะให้ สส. จากเกาหลีเหนือมารวมกับ สส. จากเกาหลีใต้ แล้วปกครองร่วมกัน แต่ปรากฏว่า เกาหลีใต้เลือกตั้งเสร็จก่อนเลยชิงร่างรัฐธรรมนูญแบบประชาธิปไตยขึ้นมา เกาหลีเหนือเห็นดังนั้นเลยไม่เอาด้วย ก็เลยประกาศตัวเองเป็นประเทศสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนเกาหลี หรือ เกาหลีเหนือ นับแต่นั้นเป็นต้นมา เกาหลีเหนือและเกาหลีใต้ ก็ตัดขาดกันเป็นคนละประเทศโดยสิ้นเชิง
ในด้านการปกครอง เกาหลีเหนือปกครองโดยระบอบคอมมิวนิสต์ โดยมีนายคิม อิลซุงเป็นผู้นำ การเมืองของเกาหลีเหนือเรียกได้ว่านิ่งมาก แม้จะผ่านมาแล้ว 65 ปี เปลี่ยนผู้นำไป 3 รุ่น การเมืองก็ยังนิ่งอยู่...ซึ่งเหมือนมันจะนิ่งไปพร้อมๆ กับการพัฒนาประเทศ
ต่างกับที่เกาหลีใต้ที่หลังจากจัดการเลือกตั้งจนได้ ดร.ซิงมัน รี เป็นประธานาธิบดีคนแรก และปกครองแบบประชาธิปไตย แต่เนื่องจากประเทศต้องผ่านมรสุมมากมาย ที่สำคัญคือ เมื่อต้องเผชิญกับสงครามจากเกาหลีเหนือที่อยากจะรวมประเทศเหลือเกิน จึงขนทหาร รถถัง ปืนใหญ่ ที่ขอมาจากจีนและรัสเซีย มาบุกยึดเกาหลีใต้เอาซะดื้อๆ
เพื่อรับมือกับศึกสงคราม ทางรัฐบาลเกาหลีใต้จึงต้องประกาศกฎอัยการศึก และยึดอำนาจสู่ศูนย์กลาง โดยเปลี่ยนการปกครองเป็นเผด็จการ แต่หลังจากสงครามสงบรัฐบาลก็หาได้คืนอำนาจให้ประชาชนไม่ มีการเขียนรัฐธรรมนูญใหม่เพื่อให้ตัวเองได้เปรียบในการเลือกตั้ง หรือแม้กระทั่งโกงการเลือกตั้ง ซึ่งก่อให้เกิดความไม่พอใจในหมู่ประชาชนจนเกิดการประท้วงมากมาย แต่ไม่ว่ามรสุมการเมืองจะหนักหนาสาหัสขนาดไหน สิ่งหนึ่งที่ทำให้เกาหลีใต้พัฒนามาจนทุกวันนี้คือ การที่ผู้นำเกาหลีใต้มุ่งมั่นที่จะพัฒนาประเทศอย่างจริงๆจังๆ และปลูกฝังให้คนในประเทศพัฒนาตัวเอง รวมทั้งคนเกาหลีใต้ก็มีความต้องการพัฒนาตนเองเป็นทุนเดิม กับจิตใต้สำนึกที่เชื่อว่า เราทำได้ เกาหลีใต้จึงผงาดขึ้นมาเป็นหนึ่งในประเทศที่เป็นผู้นำเศษรฐกิจโลกจนทุกวันนี้
ไม่ได้พูดถึงการเมืองไทยนะ...เรื่องนี้ ดิฉันจะไม่ยุ่ง
(มีต่อ.....)