สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 10
ลด qe แล้วเกิดอะไร
ขอย้อนเรื่องเดิมที่เคยคุยกันไว้เมื่อเดือนมิถุนายน 56 ว่า qe จะมี 3 ขั้นตอน
ขั้นที่ 1.ลด qe ซึ่ง fomc ประกาศลด qe เมื่ออาทิตย์ที่แล้ว
โดยลด 10000 ล้านดอลล่าร์/เดือน ตั้งแต่เดือนมกราคม 57 (ปัจจุบัน qe 85000 ล้าน)
ขั้นที่ 2.ยุติ qe
ขั้นที่ 3 ดึงเงินกลับจากระบบ โดยการขึ้นดอกเบี้ยพันธบัตร
หลังจากลด qe เมื่อวันทื่ 18 ธ.ค.56 ตลาดพัฒนาแล้ว ขึ้นหมด
ความมั่นใจว่าเศรษฐกิจฟื้นทำให้หุ้นเมกา ปรับขึ้น
ญี่ปุ่น ได้อานิสงค์ ค่าเงินเยนอ่อนเป็นประวัติการณ์ ก็ปรับตัวขึ้นเพราะช่วยในเรื่องการส่งออก
(ที่ญี่ปุ่น ค่าเงินอ่อน แต่กลับดี เพราะญี่ปุ่นมี qe ของตัวเอง ซึ่งต่างจากประเทศอื่น)
ยุโรป ที่ต่ำเตี้ยติดดิน ก็ปรับตัวขึ้นมา เพราะคนมองว่า ดาวน์ไซด์ เหลือน้อยมากแล้ว
(แต่ยังขึ้นไม่มากนักเพราะเศรษฐกิจยังไม่ฟื้นตัวชัดเจน)
ส่วนตลาดกำลังพัฒนา หลังจากโดนเทขายมาระยะหนึ่ง พอประกาศ qe ทำให้ค่าเงินที่อ่อนค่าลงไปอีก
(จะทำให้ต่างชาติที่ถือสกุลเงินอื่นที่ไม่ใช่ เมกา ต้องโดนบังคับขาย ข่าวดีของไทยคือต่างชาติจะหยุดยาว
และมีแรงซื้อจาก rmf+ltf ในสัปดาห์สุดท้าย น่าจะไม่หลุด 1300 จุด)
สำหรับจีน แซงเลยไปถึงขั้น 3 แล้ว เกิดอัตราดอกเบี้ยสูงเป็นประวัติการณ์ 9.6% (สูงสุด 11%)
ทำให้ตลาดจีน ปรับตัวลดลงอย่างมากเมื่ออาทิตย์ที่แล้ว (วันนี้ตลาดหุ้นจีนเริ่มฟื้น
แต่อัตราดอกเบี้ยยังเพิ่มขึ้น ซึ่งจะทำให้เกิดปัญหาสภาพคล่อง เพราะเงินโดนดึงออกจากระบบ)
ตอนนี้ที่น่าลงทุนคือ เมกา (ถึงจะแพงไปหน่อย) กับยุโรป (ซื้ออนาคต)
ส่วนญี่ปุ่น มีฟองสบู่ของตัวเอง ถ้าจะเล่นต้องติดตาม หนีให้ทัน ถ้าเกิดแตกขึ้นมา
จีน ซื้อตอนตลาดตก เพราะผันผวนมาก
แนวคิดคือ ปรับพอร์ตตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ โดยการลงทุนกระจายความเสี่ยงในกองทุนที่มีนโยบายต่างกัน
(หุ้นไทย ยังไงเราก็ต้องลง เพราะต้องใช้สิทธิ์ทางภาษี)
เหมือนเป็นรีบาลานซ์ ทุกงวด กองไหนเกิน %เป้าหมายก็ขายออกมาส่วนหนึ่ง กองไหนต่ำกว่าเป้า ก็ซื้อเพิ่มเข้าไป
t-privilege กองนี้มีนโยบายเหมือนกองทุนส่วนบุคคล ถือหุ้นประมาณ 10 ตัว บัวหลวงก็มีกองแบบนี้ได้ผลตอบแทนมากด้วยถ้าถูกตัว
ppsd กองนี้แทน set แต่น้ำหนักในแต่ละหมวดไม่เท่ากัน จริงๆ ใช้ set50 แทนก็ได้ครับ
tlowrmf กองนี้แทนหุ้น ดีเฟนด์ซีฟ พวกสาธารณูปโภค
kfltfdiv กองนี้แทนหุ้นปันผล
bcare กองนี้หุ้น รพ.ต่างประเทศ
tmbwdeq กองนี้แทนหุ้นตลาดพัฒนาแล้ว
TMBUS500 กองนี้แทนหุ้นสหรัฐ
kf-europe กองนี้แทนหุ้นยุโรป
t-incomeplus กองนี้ตราสารหนี้ครับ เอาไว้ รีบาลานซ์
หวังว่าคงมีประโยชน์บ้างครับ จริงๆ ผมก็ปรับไปเรื่อย ตัวไหนลงแล้วไม่ดี ก็ขายทิ้งบ้าง
แต่ถ้าไม่ลองลงจะไม่รู้ว่ามันไม่ดีตรงไหน
อย่าเพิ่ง งอน ปู่ นะ เราต้องเข้าใจก่อน ดูจาก gdp ก็ได้ ปีหน้า สหรัฐดีไหม (ดีแน่เพราะเศรษฐกิจเขาฟื้นแล้ว)
ปู่ละ ดีไหม ไม่น่าจะดี ปีนี้แค่ 3% ถ้าเราเป็น ผจก.กองทุน ต่างประเทศ เราจะลงทุนในประเทศไหน
ก็ต้องตอบว่า สหรัฐ เพราะเศรษฐกิจกำลังฟื้น หรือไม่ก็ยุโรป เพราะอนาคตคงไม่แย่กว่านี้แล้วมีแต่จะดีขึ้น
หรือไม่ก็ญี่ปุ่น ถ้าเชี่ยวชาญ และมีข้อมูลพอ
อย่าเพิ่งทิ้งปู่ สหรัฐใช้เวลา 5 ปี ฟื้นจากวันที่เกิดวิกฤติ ระหว่างนั้นปู่ ขึ้นอย่าง สนุกสนาน วันนี้กลับกันบ้าง
"ไม่มีใครที่ขึ้นได้ตลอดไป และก็ไม่มีใครที่ลงได้ตลอดเหมือนกัน"
ขอย้อนเรื่องเดิมที่เคยคุยกันไว้เมื่อเดือนมิถุนายน 56 ว่า qe จะมี 3 ขั้นตอน
ขั้นที่ 1.ลด qe ซึ่ง fomc ประกาศลด qe เมื่ออาทิตย์ที่แล้ว
โดยลด 10000 ล้านดอลล่าร์/เดือน ตั้งแต่เดือนมกราคม 57 (ปัจจุบัน qe 85000 ล้าน)
ขั้นที่ 2.ยุติ qe
ขั้นที่ 3 ดึงเงินกลับจากระบบ โดยการขึ้นดอกเบี้ยพันธบัตร
หลังจากลด qe เมื่อวันทื่ 18 ธ.ค.56 ตลาดพัฒนาแล้ว ขึ้นหมด
ความมั่นใจว่าเศรษฐกิจฟื้นทำให้หุ้นเมกา ปรับขึ้น
ญี่ปุ่น ได้อานิสงค์ ค่าเงินเยนอ่อนเป็นประวัติการณ์ ก็ปรับตัวขึ้นเพราะช่วยในเรื่องการส่งออก
(ที่ญี่ปุ่น ค่าเงินอ่อน แต่กลับดี เพราะญี่ปุ่นมี qe ของตัวเอง ซึ่งต่างจากประเทศอื่น)
ยุโรป ที่ต่ำเตี้ยติดดิน ก็ปรับตัวขึ้นมา เพราะคนมองว่า ดาวน์ไซด์ เหลือน้อยมากแล้ว
(แต่ยังขึ้นไม่มากนักเพราะเศรษฐกิจยังไม่ฟื้นตัวชัดเจน)
ส่วนตลาดกำลังพัฒนา หลังจากโดนเทขายมาระยะหนึ่ง พอประกาศ qe ทำให้ค่าเงินที่อ่อนค่าลงไปอีก
(จะทำให้ต่างชาติที่ถือสกุลเงินอื่นที่ไม่ใช่ เมกา ต้องโดนบังคับขาย ข่าวดีของไทยคือต่างชาติจะหยุดยาว
และมีแรงซื้อจาก rmf+ltf ในสัปดาห์สุดท้าย น่าจะไม่หลุด 1300 จุด)
สำหรับจีน แซงเลยไปถึงขั้น 3 แล้ว เกิดอัตราดอกเบี้ยสูงเป็นประวัติการณ์ 9.6% (สูงสุด 11%)
ทำให้ตลาดจีน ปรับตัวลดลงอย่างมากเมื่ออาทิตย์ที่แล้ว (วันนี้ตลาดหุ้นจีนเริ่มฟื้น
แต่อัตราดอกเบี้ยยังเพิ่มขึ้น ซึ่งจะทำให้เกิดปัญหาสภาพคล่อง เพราะเงินโดนดึงออกจากระบบ)
ตอนนี้ที่น่าลงทุนคือ เมกา (ถึงจะแพงไปหน่อย) กับยุโรป (ซื้ออนาคต)
ส่วนญี่ปุ่น มีฟองสบู่ของตัวเอง ถ้าจะเล่นต้องติดตาม หนีให้ทัน ถ้าเกิดแตกขึ้นมา
จีน ซื้อตอนตลาดตก เพราะผันผวนมาก
แนวคิดคือ ปรับพอร์ตตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ โดยการลงทุนกระจายความเสี่ยงในกองทุนที่มีนโยบายต่างกัน
(หุ้นไทย ยังไงเราก็ต้องลง เพราะต้องใช้สิทธิ์ทางภาษี)
เหมือนเป็นรีบาลานซ์ ทุกงวด กองไหนเกิน %เป้าหมายก็ขายออกมาส่วนหนึ่ง กองไหนต่ำกว่าเป้า ก็ซื้อเพิ่มเข้าไป
t-privilege กองนี้มีนโยบายเหมือนกองทุนส่วนบุคคล ถือหุ้นประมาณ 10 ตัว บัวหลวงก็มีกองแบบนี้ได้ผลตอบแทนมากด้วยถ้าถูกตัว
ppsd กองนี้แทน set แต่น้ำหนักในแต่ละหมวดไม่เท่ากัน จริงๆ ใช้ set50 แทนก็ได้ครับ
tlowrmf กองนี้แทนหุ้น ดีเฟนด์ซีฟ พวกสาธารณูปโภค
kfltfdiv กองนี้แทนหุ้นปันผล
bcare กองนี้หุ้น รพ.ต่างประเทศ
tmbwdeq กองนี้แทนหุ้นตลาดพัฒนาแล้ว
TMBUS500 กองนี้แทนหุ้นสหรัฐ
kf-europe กองนี้แทนหุ้นยุโรป
t-incomeplus กองนี้ตราสารหนี้ครับ เอาไว้ รีบาลานซ์
หวังว่าคงมีประโยชน์บ้างครับ จริงๆ ผมก็ปรับไปเรื่อย ตัวไหนลงแล้วไม่ดี ก็ขายทิ้งบ้าง
แต่ถ้าไม่ลองลงจะไม่รู้ว่ามันไม่ดีตรงไหน
อย่าเพิ่ง งอน ปู่ นะ เราต้องเข้าใจก่อน ดูจาก gdp ก็ได้ ปีหน้า สหรัฐดีไหม (ดีแน่เพราะเศรษฐกิจเขาฟื้นแล้ว)
ปู่ละ ดีไหม ไม่น่าจะดี ปีนี้แค่ 3% ถ้าเราเป็น ผจก.กองทุน ต่างประเทศ เราจะลงทุนในประเทศไหน
ก็ต้องตอบว่า สหรัฐ เพราะเศรษฐกิจกำลังฟื้น หรือไม่ก็ยุโรป เพราะอนาคตคงไม่แย่กว่านี้แล้วมีแต่จะดีขึ้น
หรือไม่ก็ญี่ปุ่น ถ้าเชี่ยวชาญ และมีข้อมูลพอ
อย่าเพิ่งทิ้งปู่ สหรัฐใช้เวลา 5 ปี ฟื้นจากวันที่เกิดวิกฤติ ระหว่างนั้นปู่ ขึ้นอย่าง สนุกสนาน วันนี้กลับกันบ้าง
"ไม่มีใครที่ขึ้นได้ตลอดไป และก็ไม่มีใครที่ลงได้ตลอดเหมือนกัน"
แสดงความคิดเห็น
[กระทู้มุงกองทุน] รายงาน NAV ประจำวันจันทร์ ที่ 23 ธันวาคม 2556